ฝนตกขี้หมูไหล...


เพิ่มเพื่อน    

 

เสียงปี่เสียงกลองการเลือกตั้งเริ่มขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นไปตามเวลาที่กำหนดไว้ใน Road map หรือไม่ก็ตาม ในที่สุดประเทศไทยก็ต้องมีการเลือกตั้งอย่างแน่นอน เพราะรัฐธรรมนูญก็ประกาศใช้แล้ว กฎหมายลูกหลายฉบับก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว แม้จะมีบางฉบับที่ยังอยู่ในกระบวนการ ในไม่ช้าก็จะต้องเสร็จ แล้วเราก็จะต้องมีการเลือกตั้ง ไม่ว่าประชาชนบางคนยังไม่อยากเลือกตั้ง เราก็คงต้องมีการเลือกตั้ง ส่วนหนึ่งก็คือเพื่อให้นายกรัฐมนตรีได้รักษาสัตย์ที่ได้พูดเอาไว้ว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งในช่วงปลายปี 2561 และอีกประการหนึ่งก็เพื่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของประชาคมโลก เพราะการที่ประเทศไทยจะอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหารที่มาจากการทำรัฐประหารเป็นเวลานานเกินไปก็คงจะไม่ดี เพราะจะมีคนในประเทศเรานี่แหละที่จะออกไปฟ้องให้ประชาคมโลกเขามาดูถูก มาประณามประเทศไทย

 

เมื่อนักการเมืองขานรับเสียงปี่เสียงกลองของการเลือกตั้ง พวกเขาก็ออกมาพบปะสังสรรค์ในวันฝนตกหนัก ทำให้เข้าข่ายฝนตกขี้หมูไหล... และแล้วเราก็ได้ยินวาจาจากผู้เฒ่าที่หลายคนเฝ้าทวงสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าหากทำอะไรบางอย่างไม่สำเร็จก็จะไปโดดแม่น้ำโขงตาย แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ตาย ทั้งๆ ที่สิ่งที่บอกไว้ว่าจะทำให้สำเร็จก็ไม่ได้สำเร็จตามที่เคยลั่นวาจาไว้ และแล้วหลายคนก็ขนานนามเขาว่าเป็นสิ่งชำรุดทางการเมือง หมดสภาพของความเป็นขงเบ้ง (ที่หมายความว่าเป็นคนเก่ง แยบยล) แต่ทุกครั้งที่ออกมาพูดอะไร แทนที่จะทำให้ผู้คนชื่นชมว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองที่น่ายกย่อง ผู้คนจำนวนมากมองว่าถ้าหากจะนิ่งไว้ ไม่พูดอะไร เราก็คงไม่ไปกล่าวหาว่าเป็นใบ้หรอกนะ สงบปากสงบคำไว้น่าจะดีกว่า พูดได้อย่างไรว่า “คนไทย” ต้องการให้พรรคที่ตนเองยอมตัวเป็นทาสนายใหญ่อยู่นั้นเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ถ้าจะพูดแบบนี้ขยายความหน่อยดีไหมว่า “คนไทยกลุ่มไหน” หรืออธิบายชัดๆ ว่าเป็น "ท คนไทยที่มีลักษณะหรือมีความคิดแบบไหน” ที่ต้องการให้พรรคของเขาเป็นรัฐบาล อย่าเหมาว่าเป็นคนไทยทั้งประเทศ เพราะแท้ที่จริงแล้วมี “คนไทยกลุ่มหนึ่ง และจำนวนมากด้วย” กลัวว่าพรรคของเขาจะมาเป็นรัฐบาล เพราะการเป็นรัฐบาลของพวกเขาที่ผ่านมานั้น ทำอะไรไว้กับประเทศชาติบ้าง คงไม่ต้องสาธยาย เพราะรู้ๆ กันอยู่ ก็พรรคของเขานี่แหละคือต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้คนไทยกลัว เกลียด และ เบื่อนักการเมือง จนไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง แม้ว่าจะชื่นชมการปกครองระบอบประชาธิปไตย

 

นอกจากผู้เฒ่าที่เป็นสิ่งชำรุดทางการเมืองแล้ว ก็ยังมีนักการเมืองที่แก่พรรษา แต่อ่อนอุดมการณ์อีกคนหนึ่ง ออกมาร่ายกลอนแสดงความเป็นทาสได้อย่างชัดเจน ก็ดีนะที่พูดจาตรงไปตรงมา มีความจริงใจ ต้องการที่จะทำตัวอย่างไร ก็พูดออกมาเช่นนั้น ให้เราได้รู้ได้เห็นกันอย่างชัดเจน เขาช่างเป็นทาสผู้ซื้อสัตย์อย่างแท้จริง จึงได้ปวารณาตนอย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าพรรคจะตกต่ำหรือจะรุ่งเรืองอย่างไร จะไม่หนีไปไหน จะยังคงอยู่กับพรรค (หรืออยู่รับใช้นายใหญ่ต่อไป) เมื่อได้ฟังการร่ายคำกลอนแล้ว ก็อดคิดถึงความคิดเห็นของคนบางคนเกี่ยวกับการเลิกทาสว่า ปัญหาของการเลิกทาสนั้น ไม่ได้อยู่ที่เจ้านายของทาสเท่านั้น บางครั้งปัญหาก็มาจากตัวทาสเองที่ไม่ต้องการความเป็นไท ยังคงต้องการที่จะเป็นทาสต่อไป ไม่ว่าเจ้านายของตนจะเป็นคนดีหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ เพราะว่าการเป็นทาสนั้น อย่างน้อยก็ไม่อดตาย เพราะเจ้านายจะให้ที่อยู่ที่กิน ไม่ต้องห่วงว่าจะนอนที่ไหน หรือจะกินอะไร เพราะเจ้านายย่อมมีที่ให้นอน มีข้าวให้กิน ดังนั้นแม้ถึงวันเวลาที่เขาจะปล่อยทาสให้เป็นไทก็จะไม่ไปไหน พอใจที่จะเป็นทาสรับใช้เจ้านายต่อไป โดยไม่สนใจว่าเจ้านายจะเป็นคนดีหรือไม่ก็ตาม

 

ฟังผู้เฒ่าที่เป็นสิ่งชำรุดทางการเมืองแล้ว ฟังคำกลอนถวายตัวเป็นทาสแล้ว พอได้ฟังคนที่กำลังรักษาการอยู่ในเวลานี้ตอบว่า เราจะยืนหยัดเคียงคู่กันต่อไป และจะดำเนินงานในการบริหารประเทศตามแนวทางที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ ฟังแล้วตกใจจริงๆ ก็ไม่ใช่แนวทางการบริหารก่อนหน้าที่ของพวกเขาหรอกหรือที่ทำให้ประเทศไทยจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ มากมาย สูญเสียโอกาสที่จะพัฒนาให้มีความเจริญก้าวหน้า แล้วถ้าหากพวกเขาชนะการเลือกตั้ง แล้วกลับมาบริหารบ้านเมืองแบบเดิม แล้วบ้านเมืองเราจะเป็นอย่างไร จะมีการคอร์รัปชันเชิงนโยบายอีกหรือไม่ จะมีการโกงกินกันอีกหรือไม่ จะมีการโยกย้ายข้าราชการอย่างไม่เป็นธรรมอีกหรือไม่ จะมีการละเมิดอำนาจศาลอีกหรือไม่ จะมีเผด็จการทางรัฐสภาหรือไม่ จะมีการทำลายวินัยการเงินการคลังของประเทศด้วยการใช้นโยบายประชานิยมในการหาเสียงสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคอีกหรือไม่ และหากเป็นเช่นนั้นจริง ประชาชนที่มองเห็นปัญหาเหล่านี้จะทนได้หรือไม่ จะมีการออกมาไล่อีกหรือไม่ วงจรอุบาทว์ของการเมืองไทยจะกลับมาอีกหรือไม่ คิดแล้วใจหายจริงๆ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในวันที่ฝนตกหนัก มันคงเป็นเรื่องของฝนตกขี้หมูไหล...จริงๆ ด้วย

 

ความน่ากลัวยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีก เมื่อมีคนพยายามวางสมการทางการเมืองให้พรรคใหญ่สองพรรคที่มีคะแนนเสียงสูงมารวมกัน นัยว่าเพื่อต่อต้านนายกรัฐมนตรีคนนอก และหากพวกเขารวม ตัวกันจริงๆ ก็น่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ยิ่งน่ากลัวไปใหญ่ เพราะสองพรรคนี้อุดมการณ์และแนวทางของการทำงานการเมืองนั้น เรียกได้ว่าเป็นคนละขั้ว แล้วหากพวกเขารวมตัวกันจริงๆ ก็หมายความว่านักการเมืองไม่ได้มีอุดมการณ์อะไร พวกเขารวมตัวกันเพื่อผลประโยชน์ทางด้านอำนาจเท่านั้น ประชาชนจำนวนหนึ่งเบื่อและเอือมระอานักการเมืองอยู่แล้ว หากพวกเขาคิดจะรวมกันจริงๆ ประชาชนจำนวนหนึ่งคงสาปส่งนักการเมืองไปเลย และคงทำใจให้ยอมรับนักการเมืองไม่ได้ เพราะฉะนั้นสำหรับความคิดนี้ ขอภาวนาให้ฝนอย่าตกอีกเลย เพราะถ้าหากฝนตกหนักมากจนขี้หมูไหลเหมือนวันนั้น เดี๋ยวก็จะเกิดปรากฏการณ์หลังฝนตกขี้หมูไหลเกิดขึ้นอีก ประชาชนจำนวนหนึ่งคงยากที่จะทำใจยอมรับได้

 

เรารักประชาธิปไตย เราต้องการให้มีการเลือกตั้งตามครรลองของประชาธิปไตย แต่เราก็อยากได้นักการเมืองที่มีอุดมการณ์ เราอยากได้นักการเมืองที่มีความตั้งใจใช้ความรู้ความสามารถมาพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า เราต้องการนักการเมืองที่มาทำงานเพราะประเทศชาติ เพื่อประชาชน เราไม่ต้องการนักการเมืองที่เข้ามาทำตัวเป็นทาสรับใช้นาย โดยไม่คำนึงถึงจริยธรรมของคนที่เป็นนาย ดังนั้นก่อนจะมีการเลือกตั้ง อย่าได้มีฝนห่าใหญ่ที่ทำให้ขี้หมูไหลอีกเลย เดี๋ยวจะมี....


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"