กรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์

กฟผ.ยันพร้อมลุยโรงไฟฟ้าใหม่เพื่อแข่งขันกับเอกชน เล็งหารือกระทรวงพลังงานรับทราบความชัดเจน ยันจำเป็นต้องใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง พร้อมเดินหน้าปรับโครงสร้าง ลดใช้จ่ายและพนักงานเหลือ 1.5 หมื่นคนในอนาคต

นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงร่วมกันระหว่าง 17 องค์กร ก่อตั้ง "มูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา” ว่า กฟผ.พร้อมที่จะก่อสร้างและโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ เพื่อแข่งขันกับเอกชนอยู่เสมอ แต่ในบางเรื่องไม่ได้เอื้อให้ดำเนินงานได้เต็มที่ อย่างเช่นการดำเนินงานของรัฐต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ซึ่งอาจจะส่งผลให้ล่าช้า รวมถึงที่ผ่านมากำหนดให้ต้นทุนของไฟฟ้าต้องไม่สูงกว่าเอกชน แต่ในขณะที่อุปกรณ์บางอย่างถูกจำกัดการซื้อขายเฉพาะที่ และมีราคาแพงกว่าที่เอกชนนำมาใช้ ซึ่งลำบากที่จะทำให้ต้นทุนมีราคาถูกลงหากต้องแข่งขันด้านราคากับเอกชน

 “ที่ผ่านมากติกากำหนดให้ต้นทุนของ กฟผ. ต้องต่ำกว่าเอกชนประมาณ 10 สตางค์/หน่วย แต่ กฟผ. เป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องดำเนินตามคำสั่งตลอดเวลา ซึ่งอาจจะทำให้ในบางกรณีไม่คล่องตัวอย่างเอกชน เหมือนถูกมัดมือชก ซึ่งอยากให้ช่วยในส่วนนี้ เนื่องจาก กฟผ. ก็ยังจำเป็นต้องสร้างความมั่นคงของประเทศ รวมถึงลดภาระให้ประชาชนด้วย” นายกรศิษฏ์กล่าว

ทั้งนี้ ด้านการสร้างโรงไฟฟ้าในอนาคต ได้เริ่มคุยกับกระทรวงพลังงานบ้างแล้ว แต่ยังไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศไทย ซึ่งอย่างไรก็ตาม กฟผ. ยังยืนยันว่าจะต้องมีการใช้เชื้อเพลิงถานหิน เนื่องจากเป็นการกระจายความเสี่ยงจากเชื้อเพลิงหลักอย่างก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ที่ปัจจุบันในพื้นที่ภาคใต้มีการใช้ในสัดส่วนกว่า 78% แล้ว หากเกิดเหตุที่กระทบต่อก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าที่มีในปัจจุบันอาจจะไม่สามารถทดแทนได้เต็มที่

นายกรศิษฏ์กล่าวว่า ขณะนี้ กฟผ.ได้ดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ตัดลดกระบวนการที่ไม่จำเป็นและสิ้นเปลือง ให้เกิดความคล่องตัวในการบริหาร สอดรับกับเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลง และลดต้นทุน ส่วนของพนักงานปัจจุบันมีประมาณ 2.2 หมื่นคน ตั้งเป้าหมายจะให้เหลือ 1.5 หมื่นคนในอนาคต ซึ่งในปี 2561 นี้หากพนักงานเกษียณจะรับทดแทนเพียง 15% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นได้จ้างที่ปรึกษามาช่วยในการปรับโครงสร้าง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จเป็นผลสรุปออกมาในช่วงเดือน ส.ค.61 นี้ และจะนำเสอนให้บอร์ดเห็นชอบต่อไป

นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการ พลังงานหมุนเวียนและพลังงานใหม่ กฟผ. กล่าวว่าในการปรับโครงสร้างองค์กร ยังมีเรื่องของการปรับแก้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเสนอกระทรวงพลังงานเห็นชอบ หลังจากนั้นกระทรวงจะเป็นผู้พิจารณาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป โดยประเด็นสำคัญ ได้แก่ การให้บริษัทลูกกู้เงินได้ ปรับกระบวนการลงทุนให้มีความคล่องตัวมากขึ้น เป็นต้น.