ท่าทางน่าจะลำบากแล้ว!!!


เพิ่มเพื่อน    

ท่าทาง...ชักจะหนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ คือถ้าหากลองเริ่มคิด เริ่มเชื่อ ว่ามีใครคิดจะโค่นล้มตัวเองขึ้นมาแล้ว โดยแนวๆ ของการประพฤติ ปฏิบัติ มันย่อมอาจมีสิทธิเบี่ยงเบนไปจากทิศทางการบริหาร จัดการ บ้านเมืองโดยปกติ อย่างเท่าที่เคยเป็นมา กลายเป็นการต่อสู้ แย่งยื้อ แย่งชิง ชนิดอาจส่งผลให้รังสีอำมหิต กลิ่นคาวเลือด คละคลุ้งขึ้นมาได้ง่ายๆ...
                                                          --------------------------------------------------------
    ถ้าดูจากข่าวพาดหัวหน้าหนึ่ง ไทยโพสต์ วันวานที่ผ่านมา ที่ระบุเอาไว้ชัดเจนถึงการแจกเอกสารที่เขียนด้วยลายมือของท่านนายกฯ บิ๊กตู่ จำนวน 12 หน้า ให้กับที่ประชุม ครม.ในช่วงวันพุธที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งของข้อความในเอกสารที่สรุปเอาไว้ว่า... สิ่งที่เป็นปัญหาตอนนี้คือ สื่อ นักการเมืองที่มีปัญหา พยายามจะล้มรัฐบาลและ คสช.ให้ได้ในช่วงนี้ กฎหมาย คำสั่งทุกฉบับจะแก้ไขให้กลับไปที่เดิม และข้าราชการไม่สุจริตร่วมมือ อันนี้ต้องเรียกว่า...ฟังแล้วหนาวยะเยือกขึ้นมาโดยทันที เพราะอาจถือเป็นตัวสะท้อนหลักคิด วิธีคิด ที่ออกจะ อันตราย มิใช่น้อย...
                                                          --------------------------------------------------------
    คือไม่ว่าใครก็ตามที่มีโอกาสขึ้นมาบริหารชาติ บ้านเมืองนั้น...ถ้าต้องการให้ทุกสิ่งทุกอย่างราบลื่น ไหลลื่น ปานประดุจคำขวัญการบินไทย คงหนีไม่พ้นต้องหันไปยึดหลักอย่างที่อภิมหาปราชญ์ เหลาจื๊อ ท่านได้ชี้แนะ ชี้นำ เอาไว้เป็นพันๆ ปีที่แล้วว่าด้วย ปรัชญาการบริหารการปกครองตามวิถีแห่งเต๋า นั่นแหละว่า ต้องหมั่นยกระดับ พัฒนาตัวเอง ให้ขึ้นไปถึงระดับ อริยบุคคล ประเภท ตั้งอยู่ในที่ต่ำจึงเป็นที่รวมของแม่น้ำหลายสายได้, ไม่แย่งชิงอะไรจากใคร จึงไม่มีใครคิดแย่งชิงอะไรจากอริยบุคคล, กระทำการโดยไม่กระทำการ อบรมสั่งสอนด้วยการไม่พูด เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ดำเนินไปตามครรลองของธรรมชาติ ฯลฯลฯ อะไรประมาณนั้น...
                                                          ------------------------------------------------------
    แต่ก็อย่างว่า...โอกาสที่ อริยบุคคล จะสามารถเข้ามาบริหาร จัดการบ้านเมืองได้ถ้วนทั่วไปด้วยกันทั้งหมด ในทุกช่วงกาลโอกาส ทุกระยะ ทุกสมัยนั้น ยังไงๆ คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ บางครั้ง บางครา อาจต้องหันไปใช้บริการผู้ที่ยังอาจไม่ได้ไปถึงขั้นอริยะ ยังต้องวี้ดๆ แว้ดๆ ไปตามเรื่อง ตามราว ตามบุคลิก วาสนา อุปนิสัย อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ แรงเสียดสี เสียดทาน หรือ อันตราย มันเลยต้องเกิดขึ้นไปเป็นช่วงๆ เป็นระยะๆ โดยเฉพาะในช่วงที่ ราษฎรไม่คิดจะเกรงกลัวต่อการปกครองของผู้ปกครอง ขึ้นมาบ้างแล้ว ช่วงที่ กฎหมายยิ่งมาก ประชาชนยิ่งมีเล่ห์เหลี่ยม ช่วงที่ ผู้ปกครองกินอยู่โอ่อ่า เย่อหยิ่งในความมียศลาภ แต่ราษฎรกินอยู่อย่างยากลำบาก ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรที่มันน่าจะเรียบๆ ง่ายๆ เป็นไปตามธรรมชาติ มันเลยกลายเป็นความยุ่งยาก และไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ยิ่งขึ้นทุกที...
                                                              -------------------------------------------------------
    ยิ่งถ้าหากเมื่อไหร่ที่ ผู้ปกครอง ชักมองเห็นใครต่อใครเป็น ศัตรู เป็น ฝ่ายตรงข้าม ที่คิดจะหักล้าง โค่นล้ม ตัวเองให้จงได้ อันนี้นี่แหละ...ที่แรงเสียดสี เสียดทาน มันจะยิ่งเพิ่มไปตามหลักวิชากลศาสตร์ ตามแรงกิริยาที่เท่ากับแรงปฏิกิริยา ตามแบบฉบับลูกตุ้มนาฬิกาที่แรงเหวี่ยงไปในด้านใด ด้านหนึ่ง ย่อมส่งผลให้เกิดแรงเหวี่ยงกลับมาในด้านตรงกันข้าม อะไรที่ไม่น่าจะเกิด มันก็อาจเกิดขึ้นมาได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ อะไรที่ไม่น่าจะเร็ว ไม่น่าจะแรง มันอาจทั้งเร็ว ทั้งแรง จนเปิดตำรับ ตำรา รับมือแทบไม่ทัน ไม่ว่าจะเก่ง จะฉลาด จะยอกย้อน ซ่อนเงื่อน ลับ-ลวง-ครางง์ง์ง์ ประเภทรุมตีประตูหน้า เปิดอ้าประตูหลังยังไงๆ ก็แล้วแต่ มีสิทธิ์ เอาไม่อยู่ ไปด้วยกันทั้งนั้น...
                                                            -----------------------------------------------------
    ด้วยเหตุนี้...ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น ผู้ปกครอง ย่อมต้องตั้ง สติ เอาไว้ให้มั่น ให้เกิด ปัญญา พอที่จะนำมาใช้พิจารณา ทบทวน ใคร่ครวญ ถึงสิ่งต่างๆ ไม่ว่าอดีตเท่าที่ผ่านมา ปัจจุบัน ไปจนถึงอนาคต อย่างจริงๆ จังๆ และอย่างเป็นระบบ ต้องตัดขาดตัวเองออกจากเสียงชมและเสียงด่า จากการยกย่องสรรเสริญและการนินทา ที่จะเอามาเป็นสาระอะไรมิได้เลย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ด้วยเหตุเพราะไม่ว่าจะ ฝ่ายเชียร์ หรือ ฝ่ายด่า เอาเข้าจริงๆ แล้ว...ล้วนแต่เป็น อันตราย ต่อตัวเองและบ้านเมืองไปด้วยกันทั้งคู่ คือเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเองอาจไขว้เขวในการประเมินสถานการณ์ไปตามสภาพความเป็นจริง...
                                                             ----------------------------------------------------
    และเมื่อไหร่ที่เกิด ปัญญา ไม่ว่าจะเป็น สื่อ, นักการเมืองที่มีปัญหา ไปจนถึง ข้าราชการที่ไม่สุจริต ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรที่น่ากลัว น่าเกรง เอาเลยแม้แต่น้อย ไม่สามารถที่จะแย่งชิงอะไรไปจากตัวเองได้เลย ถ้าหากตัวเองไม่คิดจะแย่งชิงสิ่งนั้นๆ ซะอย่าง!!! พูดง่ายๆ ว่า...ถ้าด้วยปัญญาส่งผลให้ตัวเองเกิดอาการ ผมพอแล้ว ขึ้นมาเมื่อไหร่ อะไรที่ดูน่ากลัว น่าเกรง ย่อมมีแต่กระจอก งอกง่อย ไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่สามารถนำมาเทียบเท่ากับความเป็น อริยบุคคล ได้โดยเด็ดขาด แต่ถ้าหากตัวเองดันลดระดับลงไปกัดกะหมา อันนั้นนั่นแหละ...โอกาสที่หมาเลียปากย่อมเป็นไปได้ทุกเมื่อ....
                                                           -----------------------------------------------------------
    ก็เอาเป็นว่า...ด้วยความปรารถนาดี ความห่วงใย เป็นที่ตั้ง เลยอดไม่ได้ที่จะต้องขอชี้แนะ ชี้นำ เอาไว้ ณ ที่นี้ แม้ไม่ได้ออกไปในแนว เชียร์ แบบบรรดา กองหนุน ที่จะเหลืออยู่อีกกี่หมวด กี่หมู่ ก็มิอาจคาดคำนวณได้ แต่ขอให้คิดซะว่า...มีที่มาจากความบริสุทธิ์ใจโดยไม่ได้มีอะไรปนเปื้อนเอาเลยแม้แต่น้อย...
                                                          ----------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Froude (อีกครั้ง)... The upward sweep of excellence is proportioned, with strictest accuracy, to oblivion of the self which is ascending.-การก้าวขึ้นสู่เบื้องสูงแห่งคุณธรรมความดี มีส่วนสมดุลอย่างเคร่งครัด กับการลด-ละ-เลิก...อัตตา...ซึ่งมักทวีเพิ่มขึ้นไปตามลำดับ...
                                                           ----------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"