'โฆษกไก่อู' วอน 'เครือข่ายปลดอาวุธคสช.' หันหน้าคุยรัฐบาล


เพิ่มเพื่อน    

20 ม.ค. 61 - พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่ม People GO network จัดกิจกรรมเดินมิตรภาพวันนี้ ว่าโดยปกติแล้ว ประกาศคสช.ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ยังมีผลบังคับใช้อยู่ แต่จากที่ตนติดตามมีการเคลื่อนไหว โดยการเดินจำนวนชุดละ 4 คน ก็ถือเป็นดุลยพินิจของท่าน แต่ตนอยากขอให้ทุกคนเคารพในกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่เองก็พยายามยืดหยุ่นให้ที่สุด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากชี้แจง คือเรื่องที่ทางกลุ่มเรียกร้องนั้น จะพบว่ารัฐบาลมีความตั้งใจจริงที่จะแก้ไขปัญหาทั้งหมดอยู่แล้ว และหลายๆเรื่องก็ดำเนินการได้ดีขึ้น เพียงแต่ว่าในช่วงเวลานี้ ยังไม่ใช่ช่วงเวลาปกติ จึงขอความกรุณาให้หันหน้าเข้ามาคุยกัน และประเด็นไหนที่สามารถร่วมกันแก้ปัญหาให้ลุล่วงมากกว่าเดิมได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดี 

"สิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วง คือการเดินของกลุ่มดังกล่าวที่มีระยะทางไกล หากในระหว่างเดินมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น ก็จะสร้างความเสียใจให้กับทุกฝ่าย ประกอบกับอากาศที่ร้อน ผมจึงอยากให้ทุกฝ่ายคุยกัน เพื่อแก้ไขปัญหาจะดีกว่า ยืนยันว่ารัฐบาลมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้อยู่แล้ว และเราก็ได้รับทราบปัญหาเหล่านี้มาพร้อมๆกันกับท่านเช่นกัน"พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

พล.ท.สรรเสริญ  กล่าวต่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยในสวัสดิภาพของผู้ชุมนุม จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ใช้ความระมัดระวังในการดำเนินการ และย้ำว่ารัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอ โดยขอให้รวบรวมข้อมูลและส่งมายังรัฐบาล น่าจะเหมาะสมกว่า เพราะอาจลุกลามเป็นความขัดแย้ง ขึ้นมาอีก นอกจากนี้รัฐบาลมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้ชุมนุม เนื่องจากเป็นการเดินทางระยะไกลหลายร้อยกิโลเมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจะดูแลรักษาความปลอดภัยได้ตลอดเส้นทางอย่างแน่นอน หากเกิดเหตุการณ์แทรกซ้อนขึ้นมาจะทำให้เกิดปัญหาได้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ยืนยันว่าข้อเรียกร้องทุกประการของผู้ชุมนุม เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอด ซึ่งหลายเรื่องดีขึ้นกว่าในอดีตมาก โดยรัฐบาลได้ดำเนินการอย่างจริงจังหลายด้าน เช่น ด้านทรัพยากรธรรมชาติ มีการปราบปรามและหยุดยั้งการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมในพื้นที่สูงชัน จัดทำแนวเขตที่ดินป่าไม้ จัดสรรที่ดินทำกินให้แก่ผู้ยากไร้เพื่อให้คนอยู่ร่วมกับป่า จัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ลดปัญหาสภาวะโลกร้อนและก๊าซเรือนกระจก แก้ไขกฎหมายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ

ด้านการเกษตร ส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ แจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ เพื่อช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต สร้างรายได้ ให้เกษตรกร ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์และเกษตรทางเลือกตามแนวทางศาสตร์พระราชา สนับสนุนให้เกษตรกรลดการปลูกพืชเชิงเดี่ยวทำเกษตรแบบผสมผสาน และส่งเสริมการรวมกลุ่มเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ผลักดันให้เกษตรกรเป็น Smart farmer ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิต ฯลฯ

 ด้านหลักประกันสุขภาพ สนับสนุนค่าใช้จ่ายรายหัวให้กับโรงพยาบาลของรัฐเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนประชาชนที่เข้ารับบริการสาธารณสุขเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้รับการจัดสรรงบประมาณ เป็นจำนวนเงิน 128,533 ลบ. เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ๆ โดยประชาชนยังคงได้รับสิทธิเช่นเดิม และได้รับเพิ่มขึ้นอีก คือ ค่าบริการวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ค่าบริการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ และค่าบริการเจ็บป่วยฉุกเฉิน เป็นต้น 

ด้านการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ประชาชนและสื่อมวลชนมีสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ดำรงชีวิตได้อย่างปกติ ไม่มีการบังคับหรือจำกัดสิทธิเสรีภาพ นอกจากมีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายจึงต้องเข้าดำเนินการ มีการเปิดช่องทางรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย ผ่านศูนย์ดำรงธรรม ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ หน่วยทหาร ฯลฯ ปรับปรุงกฎหมายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน ฯลฯ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"