ดันโชห่วยสู่ร้านค้าประชารัฐไฮบริด ปูทางผู้ประกอบการก้าวสู่ตลาดนอก


เพิ่มเพื่อน    

    การสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการสร้างเครือข่ายธุรกิจในรูปแบบร้านค้าประชารัฐไฮบริดที่ทันสมัย มั่นคง และมีรายได้ยั่งยืน
    เมื่อเร็วๆ นี้ รศ.นที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) และนางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (พค.) ได้ลงนามร่วมกันในการประสานผ่านองค์ความรู้สู่การยกระดับร้านค้าประชารัฐทั่วประเทศให้เป็นร้านค้าประชารัฐไฮบริด โดยมีนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ในงาน "สร้างเศรษฐกิจชุมชน รวมพลคนรากฐาน" ที่สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ จัดขึ้น จากการสนับสนุนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์


    รศ.นทีกล่าวว่า การจัดงานสร้างเศรษฐกิจชุมชน รวมพลคนฐานรากครั้งนี้ เพื่อผลักดันและกระตุ้นให้ร้านค้าประชารัฐจำนวนกว่า 20,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญผ่านคลินิกธุรกิจเพื่อเรียนรู้แนวทางการสร้างตลาด และรายได้ที่มั่นคงแก่ชุมชน พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นด้านราคาและคุณภาพสินค้าให้กับผู้บริโภค
    "ที่ผ่านมาชาวบ้านจะกังวลเรื่องของภาษี การจดทะเบียนร้านค้า ซึ่งทางเราได้มีการจัดอบรมให้ความรู้ร้านค้าต้นแบบในการพัฒนาสินค้าและการตลาดออนไลน์ เพื่อทำเป็นระบบเครือข่ายเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนกันทั้งในเรื่องของการต่อรองราคากาสต๊อกสินค้า และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ไปในทิศทางเดียวกัน ในอนาคตจะทำให้บัตรใบเดียวใช้ได้ทุกร้านค้าทั่วประเทศ ร้านค้าเองจะมีต้นทุนที่ถูกลงนอกจากนี้จะส่งเสริมให้มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนมากขึ้นด้วย" รศ.นทีกล่าว


    นายสมชาย พรรัตนเจริญ เจ้าของร้านค้าประชารัฐต้นแบบ กล่าวว่า ร้านค้าประชารัฐนอกจากประชาชนจะได้เลือกซื้อสินค้าราคาประหยัดและมีคุณภาพแล้ว ยังช่วยกระจายสินค้าของชุมชนให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เนื่องจากร้านจะคัดเลือกสินค้าชุมชนทั่วประเทศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ มีความต่อเนื่องเข้ามาขายในร้าน เพื่อช่วยให้ชุมชนมีรายได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น โดยชุมชนที่สนใจนำผลิตภัณฑ์มาวางจำหน่ายสามารถติดต่อร้านค้าประชารัฐได้ทุกแห่ง แต่ต้องมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพโดดเด่น ซึ่งทางร้านจะช่วยทำตลาดให้


    ขณะที่นายสิริเชษฐ จิรพงษ์วัฒนะ เจ้าของแบรนด์ ชิมมะฟรุตผลไม้อบแห้ง กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นเมืองผลไม้อยู่แล้ว โดยเฉพาะมะม่วงกับทุเรียน เป็นที่ชื่นชอบของคนจีนมาก จึงได้คิดทำอบแห้งน้ำกะทิ โดยในห่อจะมีผลไม้อบแห้งกับกะทิผง เวลารับประทานสามารถละลายน้ำจิ้มทานได้เลย รสชาติจะคล้ายทุเรียนน้ำกะทิ ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี
    นอกจากนี้ยังมีเมนูถั่วซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เรามองว่าถั่วมีประโยชน์ มีโปรตีนสูง จึงได้ทำเป็นถั่วอบแห้งไม่ผสมเกลือ แต่คงรสชาติถั่วดั้งเดิม เนื่องจากเราอยากให้คนกินถั่วเพื่อสุขภาพ โดยจะเน้นขายในประเทศ สำหรับการจัดบูธในงานสร้างเศรษฐกิจชุมชน รวมพลคนฐานราก เป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้งของเราสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ต่อจากนี้จะประสานกรมการค้าระหว่างประเทศเพื่อออกบูธในต่างประเทศด้วยเพื่อให้ต่างชาติรู้จักกับผลไม้ไทยมากขึ้น
    ด้านนางพรทิพย์ พุ่มสำเนียง สมาชิกกองทุนหมู่บ้านกระแซง อำเภอเมืองปทุมธานี กล่าวว่า เป็นสมาชิกกองทุนมาเป็น 6-7 ปีแล้ว สินค้าหลักของกลุ่มจะเป็นผลไม้ตามฤดูกาล มีทุเรียน มังคุด ลองกอง รางสาด หน้าหนาวก็จะเป็น สตรอว์เบอร์รี ไรซ์เบอร์รี อะโวคาโด เสาวรส ก่อนที่จะเข้ามาร่วมออกร้านค้าในงานแบบนี้เรามีรายได้แค่วันละพันสองพันบาท พอเข้าร่วมแล้วเราทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นวันละเป็นหมื่น ออกขายนอกพื้นที่ทำให้เราขยายตลาดได้มากขึ้น ลูกค้ารู้จักมากขึ้น บางรายโทรตามเพื่อซื้อสินค้า อย่างมาเปิดร้านที่คลองผดุงฯ ก็ได้ลูกค้ามากขึ้น ขายดีมาก เราเป็นกลุ่มที่มีชาวสวนเป็นสมาชิกเยอะ เราก็รับซื้อจากสมาชิกของเรามาขาย เดือนหนึ่งออกร้านแบบนี้สัก 4-5 วัน ก็ทำให้มีรายได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน แล้วเรายังได้ช่วยเพื่อนๆ สมาชิกของเราด้วย รายได้ต่อเดือนหักค่าใช้จ่ายก็เยอะกว่าเดิมมาก อยากให้มีการจัดงานได้แบบนี้เรื่อยๆ เพราะไม่ได้แค่เรายังช่วยสมาชิกกองทุนหมู่บ้านคนอื่นด้วย เพราะเพื่อนสมาชิกกองทุนบางรายมีสินค้าจำนวนน้อยก็ไม่พอมาออกร้าน ก็เอามาให้เราช่วยขายต่อเป็นการช่วยเหลือกันอีกทางหนึ่ง
    ส่วนนางสาวพิชญภัสสร์ ปลื้มภรมย์ เจ้าของร้านกาแฟข้าวกล้องงอก จังหวัดราชบุรี กล่าวว่า เริ่มต้นจากการขายข้าวออร์แกนิก โดยเฉพาะข้าวเพาะงอก หรือข้าวฮาง มีประโยชน์สูงมาก แต่คนไม่นิยมบริโภค ประกอบกับกระแสกาแฟกำลังได้รับความนิยม จึงได้ลองคิดค้นบดข้าวกล้องงอกผสมในเครื่องดื่มประเภทกาแฟเพื่อเป็นเมนูทางเลือกให้กับลูกค้าที่ดูแลสุขภาพ แต่ก็ชอบกินกาแฟ และใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาล โดยเปิดตัวครั้งแรกด้วยการออกบูธตามโรงพยาบาล ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ดื่มก็จะบอกว่า รสชาติดี ดื่มง่าย จากนั้นก็นำมาผสมกับเครื่องดื่มตัวอื่นๆ ด้วย ผลตอบรับดีเกินคาด
    "ในอนาคตอยากเปิดเป็นร้านกาแฟเพื่อสุขภาพต้นแบบในลักษณะคาเฟ่ มีอาหารเครื่องดื่มบริการพร้อม ซึ่งการมาออกร้านที่งานสร้างเศรษฐกิจชุมชน รวมพลคนฐานรากนี้ อยากให้คนรู้จักกาแฟข้าวกล้องงอกให้มากขึ้น และอยากให้มีการกระจายวัตถุดิบไปสู่ร้านกาแฟอื่นๆ เพื่อให้คนไทยได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย รวมถึงการนำผลิตภัณฑ์สุขภาพไปงานร้านในต่างประเทศเพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย".


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"