ล่า173คนไทยรับจ้างเปิดบัญชี ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์นำไปหลอกลวงผู้เสียหาย


เพิ่มเพื่อน    

  ตำรวจท่องเที่ยวโชว์ผลงาน รวบหนุ่มชาวไต้หวันหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่คาสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะจะเดินทางออกนอกประเทศ สมุน 5 คนที่จนมุมก่อนหน้านี้ให้การซัดทอดเป็นผู้สั่งการ มูลค่าความเสียหายเกือบ 100 ล้าน "สุรเชษฐ์" เผยอยู่ระหว่างตามล่า 173 คนไทยรับจ้างเปิดบัญชี

    ที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 (บก.ทท.1) วันที่ 21 มกราคมนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. แถลงผลการจับกุมนายหลัวลุ่ยเจี๋ย หรือ สือโถว อายุ 23 ปี ตัวการใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวไต้หวัน จับกุมได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะกำลังเดินทางออกนอกประเทศ พร้อมของกลางเป็นสมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม 
    พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ระบุว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากการขยายผลหลังจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ทำหน้าที่กดเงินได้เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุม 3 ผู้ต้องหาสัญชาติไต้หวัน ทำหน้าที่กดเงินในเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ได้ที่วิวเพลสแมนชั่น เขตบางกะปิ คือ นายซือเซินหง อายุ 20 ปี, นายเชินฮ่าวเจ๋ อายุ 24 ปี และนายหวังเหวินชง อายุ 23 ปี พร้อมของกลางเป็นสมุดบัญชีธนาคารจำนวน 5 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 4 ใบ เงินสด 90,600 บาท รวมถึงใบเสร็จกดเงินตามตู้ต่างๆ จากการสอบปากคำ 3 ผู้ต้องหาให้การซัดทอดนายหลัวลุ่ยเจี๋ย หรือ สือโถว สัญชาติไต้หวัน เป็นตัวการใหญ่ที่เป็นผู้นำบัตรกดเงิน สมุดบัญชี มาให้ พร้อมกับสอนวิธีการกดเงิน รวมทั้งเป็นผู้สั่งการ ตำรวจจึงออกหมายจับนายสือโถว
    นอกจากนี้ ในวันที่ 20 ม.ค. ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติไต้หวันได้เพิ่มเติมที่ร้านกาแฟย่านแพรกษาใหม่ จ.สมุทรปราการ คือ นายแหยนเชิงเลียน อายุ 21 ปี, นายเหลียงเกิ่นปิน อายุ 25 ปี พร้อมของกลาง เป็นบัตรเอทีเอ็ม 1 ใบ สมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม เงินสด 30,000 บาท ใบบันทึกรายการถอนเงิน จากการสอบปากคำ 2 ผู้ต้องหาให้การซัดทอดถึงนายสือโถวด้วยเช่นกัน
    เบื้องต้นพบว่ามูลค่าความเสียหายเฉพาะแก๊งของนายสือโถวเกือบ 100 ล้านบาท ซึ่งตำรวจแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้งหมดคือ “ร่วมกันมีไว้เพื่อนำออกใช้ และร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
    พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ล่าสุดตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ได้อีก 5 ราย ขณะนี้กำลังสอบปากคำและรอศาลออกหมายจับ โดยตำรวจทราบผู้เป็นเจ้าของคอลเซ็นเตอร์แล้ว เป็นชาวต่างชาติและพำนักอยู่ต่างประเทศ และในวันศุกร์นี้จะเดินทางไปพบตำรวจสันติบาลมาเลเซีย เพื่อหารือในการจับกุมเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ในต่างประเทศด้วย อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ จะมีการคืนเงินให้กับผู้เสียหายอีก 2 ราย จำนวนกว่า 7 ล้านบาท และจากสถิติพบว่าสัปดาห์นี้มีผู้เสียหายเพียง 2 คนเท่านั้น นอกนั้นเป็นเพียงการแจ้งเบาะแส แต่ไม่มีการโอนเงิน ซึ่งถือว่าเป็นที่น่าพอใจมากที่ประชาชนเกิดการรับรู้และตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์น้อยลง 
    สำหรับคดีเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมดนั้น ตำรวจรับแจ้งเป็นคดี 287 คดี มูลค่าความเสียหายรวม 144 ล้านบาท ยึดอายัดได้ประมาณ 12 ล้านบาท เป็นเงินสดประมาณ 7 ล้านบาท ทรัพย์สินอีก 5 ล้านบาท ซึ่งจะเร่งดำเนินการนำเงินคืนผู้เสียหาย นอกจากนี้ยังพบว่ามีคนไทยที่รับจ้างเปิดบัญชีทั้งหมด 173 ราย อยู่ระหว่างติดตามจับกุม.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"