เฮ้ออ์อ์อ์...น่าเหนื่อยซะเหลือเกิน!!!


เพิ่มเพื่อน    

 

เห็นภาพบรรดาชาว กปปส. เดินตามคุณลุง เทพเทือก ไปขึ้นศาลกันเป็นเทือกๆ เจอเข้ากับข้อหาประเภทร้ายๆ ทั้งนั้น ไม่ว่ากบฏ อั้งยี่ ซ่องโจร ก่อการร้าย ต้องหาเงินมาประกันตัว ต้องถูกสั่งห้ามไม่ให้เดินทาง ท่องเที่ยว อย่างอิสรเสรี ไปประเทศไหนต่อประเทศไหน แม้ตัวเองจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย แต่อดไม่ได้ที่จะรู้สึก เหนื่อยย์ย์ย์ ไปด้วย...

------------------------------------------------------

            คือถึงแม้ผู้ที่ต้องตกเป็นจำเลย เป็นผู้ต้องหา จำนวนนับสิบ หรือนับเกือบครึ่งร้อย ท่านอาจจะยังไม่เหนื่อย ยังคงยิ้มแย้ม แช่มชื่น พร้อมจะเดินเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย พร้อมยอมรับให้ความเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม โดยไม่คิดจะเผ่นหนีไปอย่างเยือกเย็น หนักแน่น และสง่างาม ตามแบบฉบับวีรบุรุษ วีรสตรี บางประเภท แต่โดยความรู้สึกของปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย อดที่จะเหนื่อยแทน เบื่อแทน อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ เพราะมันเป็นภาพซ้ำๆ ที่มักปรากฏให้เห็นในบริบทการเมืองไทย คือภาพของผู้ที่ลงแรง ลงเหงื่อ ลงเลือดเนื้อและชีวิต แต่สุดท้าย...ก็มักจะต้อง กำตด กันไปเป็นรายๆ ไม่ได้มีโอกาส กำขี้ เหมือนอย่างผู้ที่นั่งรอ นอนรอ ทั้งหลาย...

--------------------------------------------------

            และตดที่กำๆ เอาไว้ในมือ...มันก็ออกจะน่าคลื่นเหียน วิงเวียน มิใช่น้อย ไม่ใช่แค่ต้องเดินเข้า-เดินออก ขึ้นโรง ขึ้นศาล กันเป็นปีๆ เสียเวลาทำมาหารับประทาน เสียเซลฟ์ เสียรังวัด กันไปมิใช่น้อย เผลอๆ...อาจถึงขั้นต้อง ล้มละลาย กันตลอดชีวิต แม้ไม่มี-ไม่หนี-ไม่จ่าย แต่ก็ไม่มีโอกาสได้อะไรต่อมิอะไรอย่างใครๆ เขา บ้างก็ต้องติดคุก ติดตะราง กว่าจะออกมาได้ก็อาจหมดสภาพ หมดเรี่ยว หมดแรง ที่จะยิ้มแย้ม แช่มชื่น ได้อีกต่อไปแล้ว ต่างไปจากผู้ที่ กำขี้ ทั้งหลาย ซึ่งถึงแม้จะเลอะมือ เปื้อนมือ ไปโดยตลอดก็ตาม แต่ก็ยังพอได้จับ ได้กำ นอกจากไม่ต้อง ล้มละลาย เผลอๆ...อาจได้แหวน ได้นาฬิกา มาไว้ใช้ป้องแดด บังแดด อีกด้วยต่างหาก ได้รับการ นิรโทษกรรม โดยทันทีที่กำเอาไว้ได้ ส่วนจะเหม็นมาก เหม็นน้อย อันนั้น...คงแทบไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง เพราะมันคงต้องเหม็นเหมือนกันนั่นแล...

------------------------------------------------

            การที่ ความเหนื่อย ในแต่ละรูป แต่ละแบบ มันมี ความแตกต่าง กันอย่างเห็นได้โดยชัดเจนเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้แม้ว่าบรรดาชาว กปปส. ชาวพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือชาวอะไรต่อมิอะไรที่เคยลงเหงื่อ ลงแรง ลงเลือด ลงเนื้อ กันมาโดยตลอด ยังมิรู้เหน็ด รู้เหนื่อย ยังไม่คิดจะเหนื่อย พร้อมที่จะยิ้มแย้ม แช่มชื่น พร้อมน้อมรับชะตากรรมของตัวเองโดยไม่คิดจะปริปาก แต่มันคงไม่ได้ช่วยให้ผู้ที่สังเกตการณ์อยู่วงนอก หรือผู้ที่เป็นอนุชนรุ่นถัดๆ ไป ซึ่งย่อมต้องอาศัยผู้คนในอดีตเป็นตัวอย่าง แบบอย่าง จะเกิดความรู้สึกสนุกสนานไปกับบรรดา ผู้เสียสละ ทั้งหลาย เกิดความรู้สึกอยากจะเอาเป็นตัวอย่าง แบบอย่าง ยิ่งบรรดาเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ใฝ่ฝัน ทะเยอทะยาน อยากจะประสบความสำเร็จใน ทางลัด กันซะเป็นส่วนใหญ่ ดูเหมือนว่าพวกที่ กำขี้ นั่นแหละ ที่เหมาะจะนำมาใช้เป็น ไอดอล ได้ดีและได้ถนัดถนี่ซะยิ่งกว่าพวกที่ กำตด ล้วนๆ...

----------------------------------------------

            การนอนกลิ้ง นอนหงาย อยู่กลางถนนเป็นปีๆ ต้องเสี่ยงเอาเองกับการหลบระเบิด หลบลูกกระสุนปืน ตายบ้าง-ไม่ตายบ้างหลังจากนั้น...ก็ค่อยๆ หันมาเดินขึ้นโรง ขึ้นศาล หาเงินประกันตัว หาทนาย ที่อาจลืมมั่ง-ไม่ลืมมั่ง ในการยื่นอุธรณ์ ยื่นฎีกา ไปตามกระบวนการของกฎหมาย ส่วนอะไรที่เป็น เป้าหมาย เป็นความปรารถนา ความต้องการ ที่ทำให้ต้องลงทุน ลงแรง ต้องหันไปวานพวก กำขี้ ช่วยว่าต่อ ด้วยการระดมเอาพวกขี้ๆ ทั้งหลาย โดยเฉพาะพวกขี้ประจบ ขี้ประแจง แม้แต่พวกขี้หก ขี้ฉ้อ เข้ามาร่วมสืบสานปณิธาน จน ลำไม้ไผ่ กลายเป็น บ้องกัญชา ซะแทบทุกครั้งไป อันนี้...มันเลยเป็นอะไรที่ไม่ใช่แค่น่าเหนื่อยเท่านั้น ยังออกไปทางน่าเบื่ออีกด้วย...

-----------------------------------------------

            ด้วยเหตุนี้...โอกาสที่จะเกิดการ ส่งมอบคบไฟ ในแบบมือต่อมือ เกิดการสืบสานอุดมคติ อุดมการณ์ แห่งความเสียสละเพื่อส่วนรวม เพื่อชาติบ้านเมือง ในรูปแบบเดิมๆ แบบที่วนไป-วนมาในสังคมไทยตลอดช่วง 70-80 ปีของประวัติศาสตร์ทางการเมือง แบบ 14 ตุลาฯ 6 ตุลาฯ พฤษภาทมิฬ แบบพันธมิตรประชาธิปไตย แบบ กปปส.ฯลฯ ดูๆ มันน่าจะเป็นไปได้ยากซ์ซ์ซ์ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุเพราะเนื้อหา โครงสร้าง ของสังคมไทย มันไม่ค่อยเป็นใจกับกรรมวิธีเหล่านี้กันซักเท่าไหร่นัก ยิ่งภายใต้ภาวะที่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังไหลไปสู่ความเป็น สังคม 4.0 ด้วยแล้ว อุดมคติ อุดมการณ์ แห่งความเสียสละทั้งหลาย แทบจะกลายเป็น อนาล็อก ไม่ได้มีกลิ่นอายแห่งความเป็น ดิจิตอล ยิ่งขึ้นทุกที ไม่สามารถที่จะนำมาใช้ สตาร์ทอัพ แบบเดิมๆ ได้อีกต่อไปแล้ว ส่วนการหันไปหา นวัตกรรมใหม่ๆ มันจะออกมาในรูปไหน แบบไหน ก็ยังมิอาจคาดคะเนได้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...คงไม่มีใครคิดจะ กำตด อีกต่อไป สู้หันมานั่งรอ นอนรอ กำขี้ เป็นก้อนๆ น่าจะสบายกว่ากันเยอะเลย...

-----------------------------------------------------

            ทำไงได้...ในเมื่อ ทิศทางของสังคม มันมักเดินไปในแนวนี้ คือไม่ได้เดินไปในแบบ ส่งเสริมสนับสนุนคนดีให้มีโอกาส และป้องกันขัดขวางมิให้คนไม่ดีขึ้นมามีอำนาจ อย่างที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 ท่านได้ชี้แนะแนวทางเอาไว้ก่อนหน้านี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เลยออกมาในแนวน่าเหนื่อย น่าเบื่อ เอามากๆ บรรดาเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ไม่อยากเหนื่อย อยากเบื่อ เขาก็เลยต้องหันไปคิดค้น นวัตกรรมใหม่ๆ แบบนวัตกรรม ท่าสะพานโค้ง ของคุณน้อง ลำไย ไหทองคำ กันแทนที่ ขณะที่คนแก่ๆ ทั้งหลาย ได้แต่มุ่งหน้าเดินขึ้นโรง ขึ้นศาล กันไปเป็นสายๆ...

------------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Longfellow และราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 6 Lives of great men all remind us, We can make our lives sublime, And departing leave behind us, Foot-prints on the sand of time.- ประวัติวีรบุรุษไซร้-เตือนใจ เรานา/ว่าเราก็ยังชนม์-เลิศได้/แลยามจะบรรลัย-ทิ้งซึ่ง/รอยบาทเหยียบแน่นไว้-แทบพื้น ทรายสมัย”

-----------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"