อาชีพที่กำลังจะหายไป


เพิ่มเพื่อน    


    เห็นข่าวธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศโรดแมปในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะมีการลดจำนวนพนักงานหายไปหมื่นกว่าคน และลดจำนวนสาขาอีกกว่า 700 สาขา แล้วรู้สึกใจหาย
       หากย้อนกลับไปในอดีต คนที่ได้ทำงานธนาคาร คนอื่นมองว่าโก้เก๋ แต่งตัวสวยหล่อ รายได้ดี มีแต่คนนับหน้าถือตา แต่เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นอาชีพที่ไม่มีความมั่นคงเสียแล้ว
           ความจริงไม่ใช่แค่อาชีพ “นายแบงก์” หรอกที่มีความเสี่ยง ปัจจุบันนี้ทุกอาชีพต่างหากที่ต้องเจอความเสี่ยง ก็เพราะเจ้าเทคโนโลยีสมัยใหม่มันได้เข้ามาทำลาย (Disrupt) โมเดล ธุรกิจแบบเดิมๆ จนหมดสิ้นแล้วแทบทุกวงการ เพียงแต่จะมากบ้างน้อยบ้างเท่านั้น
    อย่างวงการสื่อเองก็ติดลิสต์เป็นอาชีพดาวร่วงไปนานแล้ว เห็นได้จากหลายสำนักข่าวมีการทยอยปลดคนงาน ลดคน และบางรายถึงกับปิดกิจการ
        ต้องยอมรับว่า ตอนนี้มันคือช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านแห่งยุค มันคือช่วงเวลาแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ เป็นยุคของดิจิทัลเทคโนโลยี ซึ่งก็มีการเรียกกันในหลายทฤษฎี บ้างก็ว่าเป็น Digital Revolution บ้างก็บอกว่าเป็น Internet Revolution บ้างก็มองไปถึงการปฏิวัติการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งอาจเรียกรวมๆ ได้ว่า Green Revolution
        แน่นอน ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านย่อมมีคลื่นลม ผู้ที่สามารถปรับตัวเข้ากับธุรกิจยุคใหม่ได้ก็จะไปรอดในอุตสาหกรรม ซึ่งบอกได้เลยว่า ช่วงนี้เป็นแค่การเริ่มต้นของยุคการเปลี่ยนผ่านเท่านั้น ยังไม่ถึงช่วงที่แรงและเข้มข้นที่สุด
    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ในอนาคตจะมีหลายอาชีพที่อาจจะหายไป อย่างอาชีพ “ครู” ต่อไปก็มีแนวโน้มว่า สถาบันการศึกษาอาจจะจ้างครูประจำน้อยลง และหันไปพึ่ง “ครูจอ” มากขึ้น ครูจอคนเดียวสามารถสอนนักเรียนได้ทั่วประเทศ แถมการสื่อสารที่ฉับไวขึ้นยังสามารถโต้ตอบนักเรียนได้ทันที หากมีข้อสงสัย
    นอกจากนี้องค์ความรู้ในยุคปัจจุบันก็มีมากมายในโลกอินเทอร์เน็ต อยากรู้อะไรก็หาคำตอบได้จาก Google หรือ Youtube แถมใครอยากจะพัฒนาองค์ความรู้ ก็มีคอร์สการเรียนการสอนมากมายในโลกออนไลน์ ดังนั้นอาชีพครูก็ตกอยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน
    อาชีพที่สอง นักเขียน นักข่าว อันนี้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ได้รับผลกระทบก่อนใคร การเข้ามาของสื่อโซเซียล และสื่ออินเทอร์เน็ตที่ใครก็เป็นนักข่าวได้ งานของนักข่าวก็ถูกแทนที่ด้วยนักข่าวสมัครเล่นทั่วประเทศ ที่พร้อมจะสร้างประเด็นน่าสนใจได้ตลอดเวลา
        อาชีพที่สาม คนขับแท็กซี่ ซึ่งตอนนี้ก็ได้รับผลกระทบแล้ว จากการเข้ามาของแพลตฟอร์มระบบขับร่วม อย่าง Uber หรือ Grab แต่ที่น่ากลัวไปกว่านั้น หากระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติถูกนำมาใช้ และรถยนต์ไร้คนขับเริ่มวิ่งบนถนน ถึงตอนนั้นก็คงรู้ว่าใครจะมาแย่งงานคนขับแท็กซี่
    อาชีพที่สี่ โบรกเกอร์ นายหน้า ไม่ใช่แค่นี้ พวกอาชีพตัวกลางทั้งหลายกำลังถูกบรรดาแอปพลิเคชัน แพลตฟอร์มต่างๆ ตัดช่องทางทำมาหากิน เพราะเทคโนโลยีเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อ ผู้ขาย คุยกันเอง ไม่ต้องผ่านคนกลาง ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ในต้นทุนที่ถูกลง ที่เห็นได้ชัดอย่าง Kaidee.com ก็สามารถจับคู่การซื้อขายได้อย่างมหาศาลในแต่ละวัน
    อาชีพที่ห้า นายแบงก์ พนักงานธนาคาร อันนี้ก็เห็นกันอยู่ว่า แอปพลิเคชันและตู้กดเงิน ATM ที่ให้บริการอยู่ในเวลานี้ สามารถทำงานแทนคนได้ในหลายหน้าที่แล้ว ซึ่งบรรดางานรูทีน ซึ่งเป็นงานที่ทำซ้ำไปซ้ำมา เหล่านี้ก็จะถูกแทนที่โดยเครื่องจักรกล คอมพิวเตอร์หมด ต่อไปหากระบบ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ถูกนำมาใช้มากขึ้น ก็จะยิ่งลดบทบาทคนลง ต่อไปอาชีพของนายแบงก์ก็จะกลายเป็นแค่เซลล์หาลูกค้าเท่านั้น สาขาบางแห่งอาจจะไม่ต้องใช้พนักงานเลยก็ได้
    อันนี้คือตัวอย่าง 4-5 อาชีพ ที่ได้รับผลกระทบที่ชัดเจนแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายอาชีพที่มีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน
        ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดของคนในเวลานี้คือ การเรียนรู้ และสร้างทักษะที่แตกต่าง หรือพยายามพัฒนามาเป็นผู้ควบคุมเทคโนโลยีมากขึ้น ซึ่งสิ่งนี้มันคงไม่สามารถหลีกหนีได้ มีเพียงการปรับตัวเท่านั้นที่จะอยู่รอดบนโลกเศรษฐกิจยุคใหม่แบบนี้.

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"