ผงะคลังแสงเปรมชัย ค้นบ้านเจอปืน43กระบอก 'ตลท.'ซัดผิดธรรมาภิบาล


เพิ่มเพื่อน    

   ตำรวจปูพรมนำกำลังตรวจค้นบ้าน "เสี่ยเปรมชัย" พร้อมแก๊งล่าสัตว์ป่า รวม 4 คน 6 จุด 5 จว.   ผงะ! คลังแสงบ้านบิ๊กอิตาเลี่ยนไทยกลางกรุง 43  กระบอกพร้อมเครื่องกระสุน "ศรีวราห์" ระบุหลักฐานแวดล้อมชี้ชัดมีเจตนาเข้าไปล่าสัตว์แน่นอน พงส.ตั้ง 9 ข้อหาหนัก เปิดบันทึกจับกุมแก๊งเถื่อนมึนเมา เตือนให้ออกจากจุดหวงห้ามแต่ไม่ยอม กระทั่งได้ยินเสียงปืนจึงเข้าตรวจค้น อธิบดีกรมอุทยานฯ นั่ง ฮ.ใช้ GPS ตรวจสอบระบุพิกัดมัด "ตลท." ชี้ผิดหลักธรรมาภิบาลองค์กร
    เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ และพวกรวม 4 คน เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมหลังถูกเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี จับกุมขณะเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร พร้อมด้วยของกลางอาวุธปืนไรเฟิล ปืนลูกซอง และอาวุธปืนยาวขนาด .22 พร้อมด้วยเครื่องกระสุน และซากสัตว์ป่าคุ้มครอง จนถูกพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ แจ้ง 9 ข้อหา
    จุดแรก เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.สุวัฒน์ อินทสิทธิ์ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รอง ผบก.ปทส.) พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 (บช.ภ.7) และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ นำหมายศาลอาญาเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 12/3 ซ.ศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบ้านของนายเปรมชัย  
    เมื่อเจ้าหน้าที่ถึงหน้าบ้าน พบว่าบรรยากาศเงียบเหงา จึงได้กดออดเรียกหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการตอบรับ จึงต้องใช้เครื่องขยายเสียงเพื่อให้คนในบ้านได้รับทราบ กระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที มีหญิงแสดงตัวเป็นผู้ดูแลบ้านออกมาพบเจ้าหน้าที่ ระบุว่าไม่มีเจตนาขัดขืนคำสั่งเจ้าหน้าที่ แต่ขอให้รอทนายความก่อน กระทั่งเวลา 12.00 น. ทนายความเดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายค้นและเดินทางเข้าไปค้นภายในบ้าน โดยไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปในบ้านแต่อย่างใด
    กระทั่งเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.สุวัฒน์เปิดเผยว่า ในการเข้าตรวจค้น มีภรรยาของนายเปรมชัยพานำตรวจค้น ส่วนทนายที่เข้าสังเกตการณ์ตรวจค้นก็ดูในเรื่องของกฎหมาย ทุกคนให้ความร่วมมือในการตรวจค้นเป็นอย่างดี ตอนแรกก็ตกใจ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงเขาก็เข้าใจ ยอมที่จะให้เข้าตรวจค้น 
     ต่อมาเวลา 14.55 น. พ.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวภายหลังตรวจค้นบ้านเลขที่ 12/1 และ 12/2 ซึ่งเป็นของนายเปรมชัย ที่อยู่ในรั้วเดียวกันว่า บ้านทั้ง 2 หลังเป็นบ้านของญาติที่มีการแยกโฉนดจากบ้านของนายเปรมชัยอย่างชัดเจน แต่เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเข้าตรวจค้นเพื่อตรวจสอบป้องกันการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินหรือเคลื่อนย้ายหลักฐาน เบื้องต้นพบอาวุธปืนเกือบ 10กระบอก เป็นปืนยาว ลักษณะใกล้เคียงกับปืนที่ตำรวจตรวจยึดได้จากป่าที่เกิดเหตุ จากการสอบถามภรรยานายเปรมชัย ระบุเพียงว่านายเปรมชัยเป็นคนรักธรรมชาติ มีกิจกรรมเดินป่าบ่อยครั้ง แต่ตัวภรรยาไม่เคยไปด้วย และไม่สามารถบอกได้ว่าตอนนี้นายเปรมชัยอยู่ที่ไหน
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะ พ.ต.อ.สุวัฒน์นำกำลังเข้าตรวจค้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.และคณะ ได้นำกำลังเดินทางไปร่วมตรวจค้น ที่บ้านพักนายเปรมชัยด้วย
    ต่อมาเวลา 16.00 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์เปิดเผยว่า เบื้องต้นพบงาช้าง 2 คู่ โดยภรรยาของนายเปรมชัย อ้างว่ามีใบอนุญาตในการครอบครองถูกต้อง แต่ไม่มีสติกเกอร์ติดแสดงอยู่ที่งาช้าง จึงต้องยึดไว้ให้กรมอุทยานฯ ตรวจสอบว่าเป็นงาช้างชิ้นเดียวกันกับที่ขอใบอนุญาตไว้หรือไม่ นอกจากนี้ยังพบอาวุธปืนอีกกว่า 40 กระบอก เป็นปืนยาว 38 กระบอก ปืนสั้น 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน จึงให้อายัดอาวุธปืนทั้งหมดไว้ตรวจสอบทะเบียนการครอบครอง รวมถึงดีเอ็นเอลายนิ้วมือเพื่อหาความเชื่อมโยง
ผงะคลังแสง 43 กระบอก
    พล.ต.อ.ศรีวราห์เปิดเผยว่า ส่วนตัวแล้วมองว่าหลักฐานแวดล้อมขณะนี้ชัดเจนว่านายเปรมชัยมีพฤติการณ์เป็นคนชอบล่าสัตว์ เนื่องจากปืนยาวส่วนใหญ่เป็นปืนคล้ายกับอาวุธปืนที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และในมุมของนักสืบก็มองว่ามีเจตนาเข้าไปล่าสัตว์ชัดเจน เพราะไม่มีการเตรียมเสบียงอาหาร แต่ในทางสำนวนต้องรวบรวมพยานหลักฐานอีกครั้ง หากนายเปรมชัยอ้างว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือยิง ก็ขอให้ไปต่อสู้ในชั้นศาล ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าในห้องทำงานของนายเปรมชัยมีหนังเสือโคร่งประดับอยู่ ขอนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสอบสวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง ในวันที่ 8 ก.พ. จะเชิญเจ้าหน้าที่ที่เข้าเวรในช่วงวันเกิดเหตุมาสอบปากคำที่ บก.ปทส. ส่วนกรณีคลิปเสียงเจรจาต่อรองและผู้อนุญาตให้เข้าพื้นที่ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ยืนยันหากใครมีส่วนรู้เห็นในการเข้าไปล่าสัตว์ ก็ต้องมีความผิดด้วย
    “สำหรับวันนี้มีการตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาในคดีทั้งหมด 4 คน ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี นนทบุรี ราชบุรี นครราชสีมา และกรุงเทพมหานคร รวม 6 จุด ซึ่งพบหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดีเพียงจุดเดียว คือบ้านพักของนายเปรมชัยเท่านั้น ส่วนจุดอื่นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย” พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว 
    มีรายงานว่า จากการตรวจค้นบ้านของนายเปรมชัย ซึ่งมีอยู่ 3 หลังติดกัน คือบ้านเลขที่ 12/1,12/2 และ 12/3 แต่จากการตรวจค้นพบปืนทั้งหมด 43 กระบอก แบ่งเป็นปืนสั้น 2 กระบอก, ปืนยาว ได้แก่ ปืนลูกซอง 13 กระบอก, ปืนยาวขนาดต่างๆ เช่น .22, .30 และ 9 มม. 28 กระบอก รวม 41 กระบอก, ลูกกระสุน .40 จํานวน 1,550 นัด, ลูกซองจํานวน 49 นัด, ลูกกระสุนปืนไรเฟิลจํานวน 30 นัด, กล้องติดปืน จํานวน 11 กล้อง, งาช้าง 2 คู่ อยู่ในห้องนอนและบริเวณบ้านพักของนายเปรมชัยบ้านเลขที่ 12/3 ได้นําส่งพนักงานสอบสวนดําเนินคดีต่อไป
    ขณะเดียวกัน เวลาประมาณ 12.00 น. ศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้อนุมัติหมายค้น ที่ 102/2561 ให้กับ พ.ต.อ.ไพบูลย์ แพรสีนวล ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมพวก ดำเนินการตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 47 บ้านโป่งปัด หมู่ 3 ต.ช่องสะเดา อ.เมืองฯ จ.กาญจนบุรี ของนายธานี ทุมมาศ อายุ 56 ปี, นายยงค์ โดดเครือ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ที่ 8 ตำบลคุ้งพยอม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และนางนที เรียมแสน อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102 หมู่ที่ 1 ต.ทุ่งสว่าง อ.ประทาย จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมพร้อมด้วยนายเปรมชัย  
    จากการเข้าตรวจค้นบ้านของนายธานี ทุมมาศ พบว่าบ้านหลังดังกล่าวปลูกเป็นบ้านปูนชั้นเดียว สภาพค่อนข้างทรุดโทรม ส่วนภายในบ้านพบนายวิเชียร เอกชะอุ่ม อายุ 79 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 3 ต.ช่องสะเดา อยู่ภายในบ้านเพียงคนเดียว จากการตรวจค้นภายในบ้านและพื้นที่โดยรอบไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
    สอบถามนายวิเชียร ทราบว่านายวิเชียรมีฐานะเป็นพ่อตาของนายธานี  โดยนายวิเชียรเล่าว่า ลูกเขยคือนายธานีและภรรยาไปทำมาหากินด้วยการค้าขายอาหารอยู่ในพื้นที่ตลาดคลองเตย กทม. และพักอาศัยอยู่ที่แถว อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่ง 2-3 เดือนลูกเขยกับลูกสาวจึงจะเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านสักครั้งหนึ่ง และเมื่อคณะเจ้าหน้าที่ทราบ จึงจดทำบันทึกเอาไว้ ก่อนที่จะรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป
    ส่วน จ.ราชบุรี พ.ต.ท.เพทาย จันทร์ไพร รอง ผกก. 3 บก.สส.ภ.7 ได้นำกำลังตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 84 ม.8 ต.คุ้งพยอม อ.บ้านโป่ง ซึ่งเป็นบ้านของนายยงค์ โดดเครือ พบนายยงค์ซึ่งได้รับการประกันตัวออกมาอยู่ที่บ้านกับญาติๆ โดยไม่ยินยอมให้สื่อเข้าไปถ่ายภาพภายในบ้าน จากการตรวจค้นไม่พบหลักฐานและสิ่งผิดปกติใดๆ
    ที่ จ.นครราชสีมา พ.ต.อ.สมคิด ทิพยจักรพงศ์ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจ ปทส. พร้อมกำลังกว่า 20 นาย เข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 102 หมู่ 1 บ้านวังม่วง ต.ทุ่งสว่าง อ.ประทาย เป็นบ้านพักของ นางนที เรียมแสน โดยพบเป็นบ้านชั้นเดียว เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ มีนายวิศิษฐ์ แก้วข้อนอก อายุ 72 ปี และนางแจ้ แก้วข้อนอก อายุ 64 ปี พ่อและแม่ของนางนทีพักอาศัยอยู่ โดยทั้ง 2 คนมีอาการตื่นตระหนกตกใจ แต่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้นภายในบ้านพักนานกว่า 30 นาที ปรากฏว่าไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ 
     "ทราบข่าวลูกสาวถูกจับกุมพร้อมผู้บริหารบริษั ทอิตาเลียนไทยฯ รู้สึกตกใจ เพราะก่อนนี้ลูกสาวโทรศัพท์มาบอกว่าไปเที่ยวป่ากับเจ้านาย ซึ่งลูกสาวเป็นเพียงลูกจ้างในตำแหน่งแม่บ้านคอยทำความสะอาด หุงหาอาหาร และทำกับข้าวให้กับนายจ้าง โดยทำงานกับบริษัท อิตาเลียนไทยฯ มา 3 ปี ส่งเงินกลับบ้านเดือนละ 3,000-5,000 บาทเท่านั้น" นางแจ้ กล่าว 
พงส.ตั้ง 9 ข้อหาหนัก
     สำหรับคดีนี้ พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ได้ตั้งข้อหานายเปรมชัยกับพวกรวม 9 ข้อหาด้วยกัน คือ 1.ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 36 และมาตรา 53 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 2.ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 16 และมาตรา 47 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฯ 3.ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 19 และมาตรา 47 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฯ 4.ฐานร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 36 และมาตรา 53 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฯ      
    5.ฐานร่วมกัน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำความผิดตามมาตรา 55 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 6.ฐานร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามข้อ 1 (1) ของกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2538) ออกตามความตามมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฯ 7.ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฯ 8.ฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 14 แห่ง พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 9.สำหรับความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 และพนักงานสอบสวนดำเนินการแจ้งความกล่าวโทษตามฐานความผิดต่อไป
    พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้ พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผบช.ภ.7 ลงไปกำชับดูแลด้วยตนเอง ขณะเดียวกันได้มอบให้ พล.ต.ท.ศักดิ์ดา ชื่นภักดี ผู้ช้วย ผบ.ตร.ที่ดูแลเรื่องเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ลงไปดูแลอีกครั้งด้วย การดำเนินการสอบสวนต่างเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการ คงไม่มีใครที่จะทำนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ ถึง แม้จะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง
    ด้าน พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผบช.ภ.7 กล่าวว่า แม้นายเปรมชัยจะได้รับการประกันตัวชั่วคราว หลังถูกจับกุมได้พร้อมของกลางซากสัตว์และอาวุธปืนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร แต่จะไม่กระทบต่อการทำสำนวนคดี จากนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะลงพื้นที่ตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด รวมถึงสอบปากคำเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมและพยานแวดล้อมเพื่อประกอบสำนวนคดี
     วันเดียวกัน มีรายงานว่า นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  ลงพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เพื่อติดตามตรวจสอบกรณีนายเปรมชัย พร้อมพวกรวม 4 คน เข้าพื้นที่ลักลอบฆ่าสัตว์ป่าคุ้มครองด้วย
    นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าหน่วยพญาเสือ กรมอุทยานฯ เปิดเผยว่า ได้ทำการบินสำรวจเส้นทางพร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับอธิบดีกรมอุทยานฯ เพื่อเก็บหลักฐานเพิ่มเติมเตรียมเอาผิดนายเปรมชัย จากหลักฐานต่างๆ ที่ยึดได้ โดยเฉพาะปืนไรเฟิล รวมทั้งซากสัตว์ บ่งบอกชัดเจนว่านายเปรมชัย มีเจตนาล่าสัตว์ป่า ไม่ใช่หลงป่าตามที่กล่าวอ้าง เพื่อให้หลักฐานมีความชัดเจนและไม่ให้ทนายของนายเปรมชัยใช้เป็นช่องโหว่ ขณะที่การลงพื้นที่ในครั้งนี้จะพยายามเก็บหลักฐานให้ได้มากที่สุด เพื่อเอาผิดนายเปรมชัยและพวก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้กระทำผิด 
    "โดยจะมีการใช้ GPS ตรวจสอบ และระบุพิกัดให้ชัดเจนว่าจุดที่นายเปรมชัยตั้งแคมป์อยู่นอกพื้นที่หวงห้าม และไม่ได้เป็นไปตามที่ขอตั้งแคมป์ ทั้งนี้ ยืนยันว่าในวันเกิดเหตุ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อนที่นายเปรมชัยจะถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปเตือนไม่ให้ตั้งแคมป์ในจุดดังกล่าวแล้ว แต่นายเปรมชัยไม่ยินยอม และยืนยันจะอยู่ต่อ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมพร้อมของกลาง" นายชัยวัฒน์กล่าว
แก๊งเถื่อนเมาเตือนไม่ฟัง
     ขณะที่แฟนเพจ คนอนุรักษ์ ได้โพสต์ภาพบันทึกการจับกุม/ตรวจยึดของเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ ทั้งหมด 7 แผ่น เพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าเจ้าหน้าที่ได้พบกลุ่มของนายเปรมชัยและพวกที่บริเวณลำห้วยป่าชิ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ของวันที่ 4 ก.พ.2561 ขณะตั้งแคมป์กางเต็นท์พักแรมอยู่ติดถนนลำลองริมห้วยป่าชิ ซึ่งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรไม่อนุญาตให้พักค้างแรม และเป็นบริเวณที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ชุกชุม มีความเปราะบางทางระบบนิเวศสูง ประกอบกับกลุ่มคนดังกล่าวมีอาการลักษณะมึนเมาจึงได้ตักเตือนให้หยุดการกระทำ จากนั้นจึงได้ซุ่มดูพฤติกรรม และพบว่าเวลา 14.00 น. มีเสียงปืนดังมาจากบริเวณดังกล่าว 
    จนเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจค้นแคมป์ที่พัก พบเบ็ดราวสำหรับจับสัตว์น้ำ จึงได้แจ้งให้กลุ่มของนายเปรมชัยออกจากพื้นที่ แต่นายเปรมชัยได้ต่อรองขอพักในพื้นที่ดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นเวลาใกล้ค่ำเกรงจะเกิดอันตราย ต่อมาเวลา 16.30 น. มีเสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเข้าไปตรวจสอบพบว่านายธานี ทุมมาศ กำลังยิงกระรอกป่า จึงสั่งให้หยุดและควบคุมตัว เมื่อตรวจค้นบริเวณใกล้เคียง พบซากสัตว์ที่เพิ่งชำแหละ เจ้าหน้าที่จึงกลับมาตรวจค้นแคมป์ที่พักและบริเวณโดยรอบอย่างละเอียด พบของกลางเป็นอาวุธปืนและซากสัตว์ป่าหลายรายการ อาทิ เสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เนื้อเก้ง จึงได้ควบคุมตัวกลุ่มของนายเปรมชัยเอาไว้ทั้งหมดในช่วงกลางคืนวันที่ 4 ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 5 ก.พ.
    บันทึกดังกล่าวยังระบุการให้ถ้อยคำของนายเปรมชัยว่า ตนดำรงตำแหน่งประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทยฯ เป็นเจ้าของรถยนต์โตโยต้าแลนด์ครุยเซอร์ สีน้ำตาลอ่อน ทะเบียน 7 กค 2192 กทม. ตนกับพวกรวม 4 คน ได้เดินทางโดยรถยนต์คันดังกล่าวจากกรุงเทพฯ เข้ามาท่องเที่ยวในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นำเข้ามาเป็นของตน และตนทราบถึงกฎ ระเบียบ ประกาศของทางราชการในการเข้ามาท่องเที่ยวในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก
     ในตอนท้ายของบันทึกนายเปรมชัยและพวกได้ลงนามรับรองว่า ได้อ่านบันทึกการจับกุม/ตรวจยึดฉบับนี้แล้ว และยอมรับว่าถูกต้องเป็นความจริงทุกประการ และยินยอมให้ใช้บันทึกการจับกุม/ตรวจยึดนี้เป็นพยานหลักฐานในชั้นพนักงานสอบสวนและชั้นศาลได้
    บันทึกการจับกุมได้ระบุถึงความสัมพันธ์ของผู้ต้องหาอีก 3 หาด้วย คือ 1.นายยงค์ โดดเครือ อายุ 65 ปี ให้ถ้อยคำว่าตนเองเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายเปรมชัยมากว่า 30 ปี จนถึงปัจจุบัน หน้าที่คือคนขับรถ 2.นางนที เรียมเสน อายุ 43 ปี ระบุว่าตนเองทำงานเป็นแม่บ้านให้นายเปรมชัยมาอย่างต่อเนื่องกว่า 5 ปี การเข้ามาท่องเที่ยวยังป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ตนเองเป็นผู้ปรุงอาหารให้กับทุกคน 3.นายธานี ทุมมาศ อายุ 56 ปี ให้ถ้อยคำว่าตนเองเป็นเจ้าของร้านอาหารที่กรุงเทพฯ และรู้จักนายเปรมชัยมานานกว่า 5 ปี
    ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก เงิบซินะคนไทย โพสต์รูปภาพและข้อความระบุว่า ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายเปรมชัย กรรณสูต ) พร้อมพรานประจำตัวเข้าไปเที่ยวป่า เพราะเมื่อปลายปี 2559 เคยเข้าไปป่าจังหวัดกาญจนบุรีมาก่อน ....ไหนๆๆ ได้ยินแว่วๆ ว่าใครกล่าวว่า "แค่ไปเที่ยวป่า และไปครั้งแรกไม่เคยไปล่าสัตว์มาก่อน" ภาพนี้ยันชัดวะ .... ทั้งพราน ทั้งประธานคนดัง .... ป่าเมืองกาญจบุรี ปลายปี 2016
         ขณะที่เพจแหม่มโพธิ์ดำ ชี้ให้เห็นว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Yong Dod Krua ซึ่งเป็นผู้โพสต์ดังกล่าวเมื่อปี 2559 สนทนากับเพื่อนในเฟซฯ ว่า "เที่ยวป่าล่าสัตว์" และยังมีโพสต์ที่ระบุว่า "คุณเปรมหล่อเนอะ" อย่างไรก็ตาม บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ Yong Dod Krua ปิดการใช้งานไปแล้ว
ไม่กระทบการลงทุน 
    ทางด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย 
    พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ในยุคของ คสช.ทุกคนทำผิดต้องถูกดำเนินคดีเหมือนกัน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้แจ้งความไปแล้ว ส่วนที่นายเปรมชัยมีชื่อเสียงจะเกิดกรณีให้คนอื่นมารับผิดแทนหรือไม่ เราอย่าเพิ่งมองไปถึงจุดนั้น ทุกอย่างขอให้เดินไปตามกฎหมายก่อน ที่หลายคนเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ อาจถูกกลั่นแกล้ง ก็ไม่น่าจะมีการทำอะไรได้ เพราะเจ้าหน้าที่ทำตามหน้าที่ เราต้องให้กำลังใจเขาด้วยซ้ำ เพราะถ้าไม่ให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ที่ทำงานเหล่านี้อาจจะท้อถอยและหมดกำลังใจในการทำงานได้ อันนี้ต้องชื่นชมที่เขาปฏิบัติงานอย่างถูกต้อง และเรื่องไม่น่าจะเงียบ นายกฯ พูดแล้วว่าเป็นไปตามกฎหมาย คงไม่มีใครไปช่วยได้ 
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ใน พ.ศ.นี้ เมื่อเป็นอย่างนี้ต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ถือเป็นบทเรียนสำหรับคนที่จะไปทำแบบนี้ จะรู้ว่าการล่าสัตว์ในป่าสงวน หรือในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ไม่ได้ผิดแค่นี้ แต่ยังผิดอีกหลายเรื่อง สื่อมวลชนช่วยกันจับตาดู ไม่มีใครกล้าเบี่ยงเบนหรอก เขาเฝ้าดูกันทั้งโลก ดังนั้นเขาไม่กล้าหรอก ส่วนเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่มีการอนุญาตให้นำอาวุธเข้าไปล่าสัตว์ ก็ต้องถือว่าผิด ไม่มีปัญหา เหมือนที่นายกฯ พูด หากทำโดยเจ้าหน้าที่ไม่เกี่ยว ผู้ที่ทำก็ผิด แต่ถ้าโดยเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ก็ผิด ถ้าร่วมกันทำถือว่าสมคบร่วมกันทำ 
    นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการจับกุมนายเปรมชัย ประธาน บมจ.อิตาเลี่ยนไทยว่า จะไม่ส่งผลกระทบกับโครงการการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทั้งโครงการรถไฟฟ้า โครงการทางหลวงแผ่นดิน หรือมอเตอร์เวย์ ที่บริษัทดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นประเด็นส่วนบุคคลไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัท ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และไม่มีผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนด้วย 
    นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง กล่าวเช่นว่า ไม่เกี่ยวกับการบริหารงานของบริษัท แต่เป็นเรื่องของบุคคลมากกว่า หากพบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความผิดจริง บุคคลก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ ไม่เกี่ยวกับบริษัท 
    นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ไม่มีกำหนดเกณฑ์ว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดหรือไม่ เพราะเกณฑ์ที่ควบคุมจะเป็นเรื่องกรณีที่ผู้บริหารทุจริต กล่าวโทษ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะเป็นผู้ดำเนินการ มองว่ากรณีดังกล่าวเป็นความผิดส่วนบุคคในการละเมิดสิทธิ และผิดหลักธรรมาภิบาลขององค์กร ส่วนจะมีการออกกฎหมายควบคุมเรื่องดังกล่าวหรือไม่นั้น เป็นเรื่องยาก เนื่องจากกฎหมายไทยมีเป็นหมื่นฉบับ แต่เชื่อว่าเรื่องหลักธรรมาภิบาลจะครอบคลุมมากกว่า 
    นายสันติ กีระนันทน์ ผู้แทนสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า การเป็นบริษัทมหาชนจะต้องรับผิดชอบต่อนักลงทุนและผู้ถือหุ้น เนื่องจากเน้นในเรื่องของธรรมาภิบาล และกรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้น ดังนั้นผู้บริหารจะต้องแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น หรือกรรมการบริษัทก็จะต้องพิจารณาทบทวนในเรื่องนี้ ถ้าไม่ดำเนินการใดๆ ก็จะเกิดแรงผลักดันจากสังคมเอง
    นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานสภาตลาดทุนไทย กล่าวว่า ตามหลักเกณฑ์บรรษัทธรรมาภิบาลของ ITD ข้อ 1.6 เกี่ยวกับแนวปฏิบัติต่อสังคมโดยรวม จะไม่ทำการใดที่มีผลเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม และเรื่องนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ซึ่งสังคมต้องติดตาม และขณะนี้ยังไม่มีแอคชั่นอะไรออกมา.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"