อาจารย์ ส.กับเรื่องเสือๆ


เพิ่มเพื่อน    

ช่วงระหว่างนี้...คงต้องยอมรับว่าเรื่องล่าสัตว์ ล่าเสือ ออกจะมาแรง แซงโค้ง เอาจริงๆ กลบเรื่องนาฬิกา เรื่องหวย เรื่องเลื่อน-ไม่เลื่อนเลือกตั้ง ชนิดจมขอบ จมกระเบื้อง แต่สำหรับใครก็ตาม ที่มีโอกาสพลิก หรือคลิก ไปเจอรายการสัมภาษณ์ อาจารย์ ส.ศิวรักษ์ ในเอเอสทีวี ผู้จัดการ เกี่ยวกับเรื่องเหตุการณ์บ้านเมือง เมื่อวัน-สองวันมานี้ เผลอๆ เรื่องประเภทเสือดำ เสือโคร่ง ทั้งหลาย อาจถึงขั้นต้องชิดซ้าย ตกคู ตกคลอง เอาเลยก็ไม่แน่...

                                                           ---------------------------------------------

      คือ อาจารย์ ส. มาคราวนี้...ต้องเรียกว่า แทบไม่ได้คิด อมเสือ (กระบาก) ใดๆ เอาไว้เลย มีเท่าไหร่ก็งัดออกมาหมด ไม่รู้จะกี่แท่ง กี่ด้าม ชนิดใครที่ถูกท่านเอ่ยถึง พาดพิงถึง อาจต้องกลายสภาพเป็น เสือร้องไห้ ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ ไม่ว่าคุณน้อง เติมศักดิ์ จารุปราณ พิธีกรเจ้าของรายการ คนเคาะข่าว จะตั้งโจทย์ไว้ในเรื่องไหน แบบไหน อาจารย์ ส. ท่านพร้อมและกล้าพอ ที่จะควักสาก ออกมาทิ่มแหลก ตำแหลก ชนิดแทบไม่เห็นเม็ดพริกปนอยู่ในเครื่องแกงเอาเลยแม้แต่น้อย ทุกสิ่งทุกอย่างจึงทั้งเผ็ด ทั้งร้อน ทั้งเนียน สามารถเอามาละลายน้ำ ทำเป็นแกงส้ม แกงเหลือง แกงเผ็ด แกงกะทิ ได้เป็นหม้อๆ...

                                                            -----------------------------------------------

      อย่างไรก็ตาม...สำหรับอาจารย์ ส. นั้น คงต้องทำความเข้าใจเอาไว้ก่อนว่า ท่านไม่ใช่เหลือง ไม่ใช่แดง ไม่ใช่กองหนุน หรือกองหลอน มาโดยตลอด แต่ออกไปทางประเภทไม่ว่าใครก็เถอะ...ล้วนแล้วแต่ ควบคุมไม่ได้ ไปด้วยกันทั้งสิ้น แต่ด้วยความอาวุโส ความรอบรู้ระดับสัพพัญญู ขึ้นชั้นเป็น นักปราชญ์ ได้สบายๆ อีกทั้งความสม่ำเสมอทั้งในจุดยืน ในความคิดความอ่าน อาจต้องจัดประเภทอยู่ในฐานะ กองเกิน ที่ไม่ว่า วันทหารผ่านศึก เวียนมาบรรจบ ครบรอบ กันเมื่อไหร่ ตอนไหน จังหวะใด โอกาสที่จะเห็นท่านมาพร้อมกับสายสะพาย เหรียญตรา เหรียญเชิดชูความแกล้วกล้ากลางสมร ในช่วงจังหวะนั้นๆ วาระนั้นๆ ย่อมมีความเป็นไปได้เสมอๆ...

                                                           -------------------------------------------------

      ซึ่งก็เผอิญว่า...ช่วงระหว่างที่รัฐบาลกำลังขาลงๆ เช่นนี้ ใครก็ตามที่สามารถไปอาราธนา ไปอัญเชิญ นิมนต์ อาจารย์ ส. มาขึ้นธรรมาสน์ ได้อย่างตรงช่วง ตรงจังหวะ ย่อมต้องมีโอกาสได้เห็น สากกะเบือบิน ปลิวว่อนในทุกทิศ ทุกทาง ส่วนจะเข้าหัว เข้าหู เข้าหำ ผู้ที่เป็นรัฐบาลซักกี่ด้าม ต่อกี่ด้าม อันนั้น...คงต้องไปนับกันเอาเอง หรือต้องไปฟังกันเอาเอง แต่ก็อย่าถึงกับต้องไปเกลียด โกรธ พิโรธควันออกหู อะไรกันมากมาย เพราะโดยสถานะ โดยวุฒิ-ปัญญา ของท่านอาจารย์ “ส.” นั้น พึงต้องถือเอาแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ที่ท่านซัด ท่านสาดออกมา ใช้เป็นเครื่อง เตือนสติ เอาไว้นั่นแหละดี เก็บสากกะเบือแต่ละแท่ง แต่ละด้าม เอามาปิดทองวางไว้บนหิ้งบูชา โอกาส เจริญขึ้น ไม่ใช่ เจริญลง ย่อมต้องมีมากกว่าอยู่แล้วแน่ๆ...

                                                             -------------------------------------------------

      แต่มาคราวนี้...ต้องเรียกว่า เป็นอะไรที่น่าหวาดเสียว น่าหนาวว์ว์ว์กันไปมิใช่น้อย คือท่านไม่ได้เอาแต่ ด่ากับด่า ตามแบบสไตล์เดิมๆ เท่านั้น เมื่อถามถึงทางออก ทางไป ของสังคมไทย ต้องถือว่าออกจะ แปลก ออกจะน่า ประหลาดใจ มิใช่น้อยที่ท่านหันไปให้ความสำคัญกับบทบาทของ ทหาร ระดับพันเอก พันโท พลตรี ที่จะมีฐานะเป็นลูกศิษย์ ลูกหา หรือเป็นผู้ที่ผ่านมาอาราธนาท่านโดยบังเอิญ หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจสรุปได้ แทนที่จะหันไปให้บทบาทกับพรรคการเมือง นักการเมือง หรือแม้แต่มวลชน ที่เคยเป็นตัวเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ เป็นตัวสร้างทางออก ทางไป ให้กับเหตุการณ์บ้านเมืองในอดีตมาโดยตลอด...

                                                              ---------------------------------------------------

      อันนี้นี่แหละ...ที่ต้องเรียกว่า ฟังแล้วหนาวว์ว์ว์ ฟังแล้วน่าหวาดเสียวมิใช่น้อย เพราะโดยสถานะของผู้ซึ่งมีลูกศิษย์ ลูกหา อยู่เต็มบ้าน เต็มเมือง อย่างอาจารย์ ส. นั้น ถ้าหากลูกศิษย์โดยส่วนใหญ่ของท่าน ยังเป็นประเภทพวกเอ็นจีโอ เอ็นโตดี แบบเดิมๆ ก็คงไม่ถึงกับน่าหนาวว์ว์ว์ น่าเสียวซักเท่าไหร่ แต่ถ้าเมื่อไหร่ท่านดันแอบไปมีลูกศิษย์เป็นพันเอก พันโท พลตรี ขึ้นมาแล้วล่ะก็ อันนี้...ชักเป็นเรื่อง!!! หรือชักต้องเริ่มคิดๆ กันประมาณ 3 ชั้น 8 ชั้น เป็นอย่างน้อย แบบถ้าหาก โสเกรติส มีลูกศิษย์เป็นเพลต้ง เพลโต เป็นไครโต ฯลฯ อันนั้น...คงไม่ต้องเสียเวลาคิดมากซักเท่าไหร่ แค่ยื่น ถ้วยยาพิษ เอาไว้ในมือ อุตมรัฐ หรือรัฐในอุดมการณ์ อุดมคติ คงต้องดีเลย์ไปอีกนาน อีกเป็นพันๆ ปี ก็ยังคงไม่เกิดจนตราบเท่าทุกวันนี้ แต่ถ้าหาก โสเกรติส ดันมีลูกศิษย์เป็น อเล็กซานเดอร์มหาราช หรือเป็นนักการทหารล้วนๆ อันนี้...คงหนีไม่พ้นต้องเก็บไปคิดๆ ประมาณ 3 ชั้น หรือ 8 ชั้น เป็นอย่างน้อย...

                                                                 -------------------------------------------------

      แต่ก็เอาเถอะ...บ้านเมืองของหมู่เฮา เท่าที่วนไป-วนมาเกือบจะร่วมๆ ศตวรรษเข้าไปแล้ว ใครต่อใครต่างเหนื่อยกันมาเยอะแล้ว โดยเฉพาะบรรดามวลชนทั้งหลาย ที่ปล้ำผีลุก-ปลุกผีนั่ง มาตลอดรอบแล้ว รอบเล่า ของวัฏจักร วงจร ที่ถูกเรียกขานกันในนาม วงจรอุบาทว์ ยิ่งช่วงล่าสุด...ที่ออกกันมาเป็นล้านๆ มาถึงทุกวันนี้...ก็น่าจะยัง ไม่หายเหนื่อย กันซักเท่าไหร่ ถึงจะเปลี่ยนเรื่องเหนื่อย จากเรื่อง นาฬิกา ไปเป็นเรื่อง เสือ ก็คงต้องเหนื่อยกันต่อไปเรื่อยๆ อาจต้องปล่อยให้ผู้อื่นเขาลองเหนื่อยกันดูมั่ง โดยเฉพาะบรรดาลูกศิษย์อาจารย์ ส. ที่ยังไม่รู้ว่าต้องเหนื่อยขนาดไหน เมื่ออาจารย์ออกมาในรูปนี้...

                                                            ----------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Anon... You can do everything with bayonet except sit on them.-ท่านจะใช้ดาบทำอะไรก็ได้ เว้นแต่ใช้นั่ง...

                                                            ---------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"