ใหญ่ก็ผิดถ้าพิสูจน์ได้ บิ๊กตู่ไฟเขียวฟัน'เปรมชัย' ทส.ตั้งทีมตามคดีถึงที่สุด!


เพิ่มเพื่อน    

      “ประยุทธ์” ลั่นคดีเจ้าสัวเปรมชัยล่าสัตว์ ใหญ่แค่ไหนก็ไม่เอาไว้ ไฟเขียวลุยเต็มที่ “รมว.ทส.” ชี้มีเจตนาชัดเจน ตั้งทีมติดตามคดีจนถึงที่สุด “จรัมพร” มั่นใจมีคนติดคุก ศรีวราห์สำทับฟันแน่ทั้ง 4 รายโดยไม่ต้องสนว่าใครลั่นกระสุน คุยไม่มีมวยล้มต้มคนดู หัวหน้าชุดพญาเสืออึ้งพกเกลือ 4 ถุงอยู่ได้ 2 เดือนเข้าป่า แฉ!เศรษฐีขี้เหนียวค่าเข้าอุทยาน 110 บาทยังเบี้ยว นายกฯ  สมาคม บลจ.ยกเอกสารบรรษัทภิบาลอิตาเลียนไทยตบหน้า สังคมเริ่มกดดันพ่นเสือดำทับแผ่นป้ายบริษัทที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าแล้ว
เมื่อวันพฤหัสบดี ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีการจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกอีก 3 คน ที่ลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ได้พร้อมของกลางซากไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง ซากเสือดำถูกชำแหละและถลกหนัง รวมถึงอาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก เมื่อวันที่ 4 ก.พ.
โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า ก็ดำเนินคดีไปตามกฎหมายตามกระบวนการยุติธรรม อย่าไปเขียนให้เลอะเทอะ ใครกล้าช่วยเหลือก็ตามใจ ก็ต้องถูกลงโทษทั้งหมด ช่วยกันไม่ได้ ผิดก็คือผิด จะใหญ่แค่ไหนมันก็คือผิดถ้าพิสูจน์ได้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขาตรวจสอบมาตามหลักฐาน
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก Gen.Prayun Chan-o-cha ซึ่งเป็นเพจทีมทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้โพสต์ข้อความว่า นายกฯ ย้ำเจ้าหน้าที่กรณีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร กาญจนบุรี ตรงไปตรงมา ห้ามช่วยใครเด็ดขาด พร้อมโพสต์ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ และมีข้อความบนภาพว่า "ทำคดีตรงไปตรงมา ห้ามช่วยใครเด็ดขาด ไม่ว่าจะผู้ถูกกล่าวหา ข้าราชการ หรือใครก็ตามที่เกี่ยวข้อง"
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นเรื่องดังกล่าว
ส่วนที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรฯ เป็นประธานคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าได้ประชุมเรื่องดังกล่าวกับผู้เกี่ยวข้องโดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง และให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า มีความชัดเจนว่าเจตนาก่อเหตุ ซึ่งเบื้องต้นได้แจ้งความผิด 9 ข้อหาไปแล้ว โดยในการประชุมได้ร่วมหารือว่าจะเอาหลักฐานทั้งหมดที่มีอยู่ให้สมบูรณ์ที่สุด เพราะ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรได้กำชับให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา  ไม่เลือกปฏิบัติ และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยได้ตั้งคณะกรรมการติดตามเรื่องนี้ โดยมีอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นประธาน และมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายมาเข้าร่วมด้วย แม้ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจ แต่ในส่วนของ ทส.ไม่ได้หยุดแค่นี้ต้องติดตามเรื่องจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
        “หลังจากนี้มาตรการจะเข้มงวดมากขึ้น ป้องกันไม่ให้นำอาวุธเข้าพื้นที่ ซึ่งจะตรวจเข้มในทุกพื้นที่ นอกจากนี้จะประสานงานกระทรวงมหาดไทยที่ขึ้นทะเบียนปืนล่าสัตว์มาเป็นฐานข้อมูลของกรมอุทยานฯ เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมบุคคลด้วย” พล.อ.สุรศักดิ์กล่าว และว่า ส่วนอดีตข้าราชการกรมอุทยานฯ ประสานงานให้นายเปรมชัยและพวกเข้าพื้นที่ ต้องปล่อยให้ตำรวจสอบสวน รวมทั้งเรื่องคลิปเสียงที่เกี่ยวข้องการกับติดสินบนเจ้าหน้าที่ด้วย
ลั่นมีคนติดคุกแน่นอน
        นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า กรมพร้อมสนับสนุนและดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีอย่างเต็มที่ ส่วนใครมีส่วนเกี่ยวข้องหรือนำทางเข้าไปล่าสัตว์ป่านั้น ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนต่อไป แต่กรมจะจัดทำบัญชีพรานป่าในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงทั่วประเทศ 
    ทั้งนี้ นายธัญญายังปฏิเสธข่าวในโลกโซเชียลที่จะมีการโยกย้าย น.ส.กาญจนา นิตยะ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า และนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ซึ่งเป็นผู้จับกุมนายเปรมชัยด้วย
         พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ และเคยทำคดีข้าราชการตำรวจเข้าไปล่าสัตว์ป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี กล่าวว่า หลักฐานเบื้องต้นที่ได้มา ถือว่ามีการเตรียมการวางแผนมาเป็นอย่างดี เพราะไม่มีการนำอาหารอื่นหรือเสบียงเข้ามาในพื้นที่เลย ที่สำคัญมีการแวะรับแม่ค้าร้านอาหารที่ย่านบางกรวย จ.นนทบุรี ก่อนเดินทางเข้าพื้นที่ด้วย
“เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบร่องรอยที่พบในหนังเสือดำและตัวไก่ฟ้าหลังเทา ว่าจะใช้อาวุธปืนประเภทใด ทั้งยังเก็บดีเอ็นเอและลายนิ้วมือของผู้ต้องหาทั้ง 4 คน และเขม่าปืนในอาวุธที่พบ ซึ่งหลักฐานเหล่านี้มีความสมบูรณ์ เชื่อว่าผลจากนิติวิทยาศาสตร์จะเชื่อมโยงไปถึงผู้กระทำความผิดได้แน่นอน” พล.ต.อ.จรัมพรระบุ
       พล.ต.อ.จรัมพรกล่าวต่อว่า การจะเชื่อมว่านายเปรมชัยเป็นคนลั่นไกล่าสัตว์ป่าด้วยตัวเองหรือไม่นั้น ต้องผลรอทางนิติวิทยาศาสตร์ แต่แนวทางการสอบสวนน่าจะเป็นความผิดร่วม เพราะมีเจตนาชัดเจนในการเข้าไปล่าสัตว์ป่า แต่ใครจะผิดอะไรบ้าง ขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนและการพิจารณาของศาลต่อไป อย่างน้อยที่สุดนายเปรมชัยผิดฐานพกพาอาวุธปืนเข้าไปในพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งความผิดนี้ก็มีโทษจำคุก และจากการทำคดีที่ผ่านมาเชื่อว่าคดีนี้ต้องมีคนติดคุกแน่นอน 
      ขณะที่นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก กล่าวว่า การต่อสู้ทางกฎหมายไม่ได้กังวลอะไร เพราะกรมอุทยานฯ มีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายให้คำแนะนำอยู่แล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าเสียใจ ไม่คาดฝันว่าจะเกิด ทำงานที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ มา 1 ปี เพิ่งเจอกรณีเป็นครั้งแรกที่ผู้กระทำผิดขออนุญาตเข้าพื้นที่แล้วยิงสัตว์ป่าแบบนี้ ส่วนใหญ่ที่เจอเป็นลักษณะที่แอบเข้ามา แอบทำผิด มีการพรางตัว แต่นายเปรมชัยและพวกมาแบบเปิดเผย และพกอาวุธครบมือเป็นการกระทำที่ไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย
          “ผมดีใจและภูมิใจที่ประชาชนเป็นห่วงผม แต่อย่าห่วงผมคนเดียว เพราะมีคนทำงานที่ทุ่งใหญ่นเรศวรกว่า 200 ชีวิตที่ยังทำงานอยู่ อย่าลืมพวกเขาด้วย ส่วนมาตรการการป้องกัน ผมอยากให้มีเทคโนโลยีเข้ามาในการตรวจสอบความปลอดภัย เช่น อุปกรณ์ที่สามารถส่งสัญญาณได้ว่าเป็นโลหะ หรือเครื่องมือที่ให้เห็นเป็นรูปร่างอาวุธปืน ก็จะช่วยเจ้าหน้าที่ทำงานได้รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น” นายวิเชียรกล่าว
หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่และข้าราชการกระทรวงทรัพยากรฯ ได้เข้าขอถ่ายรูปคู่ โอบกอด และให้กำลังใจนายวิเชียรอย่างคับคั่ง
นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตรและสหกรณ์กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวอดีตบิ๊กในกระทรวงเกษตรฯ ทำหน้าที่เป็นประสานให้นายเปรมชัยเข้าไปในพื้นที่ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ว่ายังไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่เท่าที่ทราบขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ ไม่มีใครไปยุ่งเกี่ยว 
แหล่งข่าวจากกระทรวงทรัพย์เผยว่า ขณะนี้ผู้ใหญ่ในกระทรวงเกษตรฯ กำลังตรวจสอบว่าอดีตบิ๊กเกษตรฯ  เป็นใคร ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าเป็นอดีตข้าราชการของกรมกรมหนึ่งในกระทรวง ได้โทร.เคลียร์ก่อนล่วงหน้าวันที่ 4 ก.พ. โดยประสานกับบิ๊กกระทรวงทรัพย์ที่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องเรียนที่เดียวกัน ขอให้ช่วยอำนวยความสะดวกให้คณะนายเปรมชัยตั้งแคมป์ และไม่ทำการตรวจค้นรถยนต์ 
โวไม่มีคดีล้มแน่นอน
    ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ยืนยันว่า ไม่กังวลว่าผู้ต้องหาเป็นนักธุรกิจชื่อดัง เพราะอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน และขณะนี้ก็ยังไม่จำเป็นที่ต้องสั่งการให้โอนคดีมาไว้ที่ส่วนกลาง แต่ให้ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกันในการสืบค้นข้อเท็จจริง
    พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า หากพบว่านายเปรมชัยติดสินบน ก็จะแจ้งความเพิ่มเติม จากก่อนหน้านี้ที่เคยแจ้งข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.สัตว์ป่าไปแล้ว 9 ข้อหา รวมถึงเอาผิดกับเจ้าหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มผู้ต้องหาด้วย ส่วนอาวุธปืนที่นายเปรมชัยนำเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งห้ามนำอาวุธเข้านั้น ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในภายหลัง ส่วนงาช้าง 2 กิ่งที่ตรวจพบนั้น อยู่ระหว่างส่งตรวจพิสูจน์ว่าเป็นงาช้างไทยหรือไม่ แต่คิดว่าไม่ใช่ ซึ่งหากไม่ใช่ก็จดทะเบียนไม่ได้ 
“ยืนยันว่าไม่หนักใจ เพราะพยานหลักฐานชัดเจนอยู่แล้ว ว่าใครครอบครองปืน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว ต้องขออนุญาตเข้าไปและห้ามนำอาวุธเข้าไป แต่กลุ่มผู้ต้องหาก็ไม่ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้อง และยังนำปืนเข้าไปล่าสัตว์ มีหลักฐานซากสัตว์ชัดเจน มั่นใจฟ้องได้แน่นอน และไม่มีการวิ่งเต้นล้มคดีแน่” พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว 
    ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) พล.ต.อ.ศรีวราห์พร้อมคณะได้ประชุมติดตามความคืบหน้าคดี พร้อมนำพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ เข้าบันทึกปากคำการจับกุมนายเปรมชัย โดยมีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดปฏิบัติการพญาเสือ กรมอุทยานฯ และนายวิเชียร รวมทั้งเจ้าหน้าที่เข้าให้ปากคำด้วย
    ก่อนเข้าประชุม นายชัยวัฒน์กล่าวถึงเรื่องคลิปเสียง ยอมรับว่าเป็นเสียงการสนทนาระหว่างคนขับรถของนายเปรมชัยและเจ้าหน้าที่จริง โดยได้ให้นิติกรกรมอุทยานฯ ตรวจสอบดูว่าจะฟ้องร้องได้หรือไม่ และยืนยันว่าไม่รู้สึกกดดัน เพราะเคยจับมาแล้วทั้ง ส.ส.และนักการเมือง รวมทั้งไม่มีคนมาเคลียร์ด้วย โดยในแง่กฎหมาย ถ้ากลุ่มของนายเปรมชัยหลุดคดี ก็ยังมีชั้นอุทธรณ์ อย่างกรณีแก่งกระจาน เบื้องต้นศาลพิพากษายกฟ้อง แต่ในชั้นอุทธรณ์ชั้นฎีกา ศาลสั่งจำคุก              
    “พฤติกรรมนักท่องเที่ยวไม่มีใครพกปืนเข้าไปในป่าทีละ 3 กระบอก นายเปรมชัยสามารถพกปืนสั้นไปได้เพื่อป้องกันตัว แต่นี่พกไปถึง 3 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุน และยังมีเกลืออีก 4 ถุง ซึ่งคนหรือนักท่องเที่ยวทั่วไปที่เข้าป่าจะไม่พกเกลือไปถึง 4 ถุง การกระทำของนายเปรมชัยและพวกแสดงให้เห็นว่าเตรียมการไว้แล้ว เพื่อเอาไปแช่หรือหมักให้เนื้อมีคุณภาพนานขึ้น และการเตรียมเกลือไปเยอะขนาดนั้นอยู่ได้ถึง 2 เดือน ส่วนใครยิงเสือดำนั้น ขณะนี้ยังไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ ปืน 1 กระบอกที่ยึดได้เป็นของนายเปรมชัย ถึงเขาให้การว่าไม่ได้ยิง แต่เขาก็อยู่เบื้องหลัง” นายชัยวัฒน์กล่าว
แฉ 110 บาทเจ้าสัวยังเมินจ่าย
    หัวหน้าชุดปฏิบัติการพญาเสือยังกล่าวว่า จุดที่นายเปรมชัยเข้า ใครก็เข้าไปได้ เสียเงินแค่คนละ 20 บาท รถยนต์คันละ 30 บาท ซึ่งคณะของนายเปรมชัยไม่ต้องมีหนังสือก็เข้าได้ เพียงจ่ายเงิน 110 บาทตามขั้นตอน แต่คนระดับนายเปรมชัยที่เป็นถึงมหาเศรษฐี กลับประหยัดเงิน 110 บาทเพื่อทำเรื่องขอเข้าฟรี รู้สึกหดหู่ เพราะตัวเองมีเงินจนไม่รู้จะไปไว้ตรงไหน แต่กับเงิน 110 บาทกลับขอประหยัด ทั้งที่ความจริงซื้อตั๋วเข้าไปก็ไม่เดือดร้อนใครแล้ว
    ส่วนนายวิเชียรกล่าวถึงเรื่องคลิปเสียงว่า ไม่รู้เป็นการจัดฉากขึ้นมาหรือไม่ โดยผู้ปล่อยคลิปต้องแสดงตัวออกมา แต่ส่วนตัวมองว่ามีเจตนาเพื่อดิสเครดิตเจ้าหน้าที่มากกว่า จึงอยากฝากให้พี่น้องประชาชนรวมทั้งสื่อมวลชนอย่าหลงเชื่อการสร้างข่าวลวง การปล่อยคลิปเสียงต่างๆ ออกมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่เกิดความไม่น่าเชื่อถือว่ามีการเรียกร้องทรัพย์สินเงินทอง แต่ยืนยันไม่ท้อถอย ไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ทั้งนั้น เราก็ทำงานของเราไป ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่ารู้สึกอย่างไร จากการปฏิบัติหน้าที่จนหลายฝ่ายชื่นชม รวมทั้งทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้ทรงโพสต์ข้อความในอินสตาแกรม นายวิเชียรกล่าวว่า ส่วนตัวใช้คำราชาศัพท์ไม่ค่อยเก่ง  ไม่คาดคิด รู้สึกปลาบปลื้ม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ เปรียบเสมือนน้ำทิพย์ชโลมยอดหญ้าให้สดชื่นและมีพลังเรี่ยวแรงในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าต่อไป จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามที่ได้รับมอบหมาย และไม่ทำให้พระองค์ทรงผิดหวัง
ภายหลังการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนายเปรมชัย พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดตามและรวบรวมข้อเท็จจริง ในส่วนหลักฐานที่ระบุใครเป็นคนยิง ตอนนี้คือร่วมกันล่าสัตว์ป่า เท่ากับร่วมกันยิง หลักฐานที่ได้มาถือว่าสมบูรณ์ โดยไม่จำเป็นต้องสนใจว่าใครเป็นผู้ยิง ซึ่งการนำปืนเข้าไปก็ถือว่าผิดแล้ว สำหรับกรณีทนายความนายเปรมชัยอ้างว่าพกปืนไปเพื่อป้องกันตัวจากเสือนั้น ในกฎกระทรวงระบุว่าห้ามนำอาวุธเข้าอย่างชัดเจน การนำอาวุธเข้าไปถือว่าผิดแล้ว อัตราโทษเท่ากันทั้ง 4 คน 
“เชื่อมั่นว่าสำนวนคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิและ บก.ปทส.ที่รับผิดชอบทำสำนวนส่งพนักงานอัยการ พนักงานอัยการต้องสั่งฟ้องให้เราแน่ เพราะตามหลักฐานที่มีอยู่ถือว่าสมบูรณ์ ประเด็นหลักคือเอาอาวุธเข้าไปเพื่อล่าสัตว์ ซึ่งหลักฐานคืออาวุธปืน และเนื้อกับหนังสัตว์ที่พบ หัวกระสุนปืนที่ฝังอยู่ในซากสัตว์” พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว และยืนยันว่า คดีนี้ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูแน่ โดยขณะนี้นายเปรมชัยยังอยู่ใน กทม. ซึ่งหากจะออกนอกประเทศก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ได้กำชับทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ไว้แล้วว่าหากนายเปรมชัยจะออกนอกประเทศให้รีบแจ้งทันที เนื่องจากศาลไม่ได้ระบุห้ามออกนอกประเทศ
นายชัยวัฒน์กล่าวว่า เบื้องต้นในส่วนของคลิปเสียงที่ปรากฏนั้น เป็นคลิปเสียงที่คนคุยเป็นนายยง หนึ่งในผู้ต้องหา ซึ่งนายยงก็รับสารภาพกับเจ้าหน้าที่แล้ว จึงถามว่าได้เอาเสือดำมาอย่างไร แต่นายยงไม่ยอมบอก กลับพูดเรื่องการบริจาคของแทน
ส่วนความเคลื่อนไหวในพื้นที่นั้น พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ ผกก.สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ระบุว่า เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน โดยจะเชิญเจ้าหน้าที่ของอุทยาน รวมถึงฝั่งนายเปรมชัยและพวกอีกอย่างน้อย 4-5 คนเข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ยังไม่สามารถระบุวันเวลาที่แน่ชัดได้ เพราะต้องรอการตรวจสอบพยานหลักฐานด้านอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย ส่วนเรื่องการส่งฟ้องนั้น ได้กำหนดเวลาไว้ประมาณ 40 วัน แต่อาจบวกลบได้ ขึ้นอยู่กับการรวบรวมพยานหลักฐานว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน
แม่หัวหน้าวิเชียรรับห่วง
ขณะที่ช่วงเช้า บรรยากาศที่บ้านเลขที่ 27 บ้านลิ้นฟ้า หมู่ 10 ต.ลิ้นฟ้า อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของนายกรณ์ นางวงเดือน ชิณวงษ์ พ่อและแม่ของนายวิเชียร พ.ต.อ.กมลวรรธ สุกใส ผกก.สภ.ยางชุมน้อย พร้อมนายสถิต กาหลง กำนันตำบลลิ้นฟ้า พร้อมตำรวจและเพื่อนบ้านกว่า 30 คน ได้ไปเยี่ยมให้กำลังใจ แต่ในนายกรณ์ไม่อยู่บ้าน มีเพียงนางวงเดือน 
        นางวงเดือนกล่าวว่า หลังจากทราบข่าวจากสื่อก็รู้สึกกังวลใจ ยิ่งโทรศัพท์ติดต่อลูกไม่ได้ยิ่งทำให้ไม่สบายใจ ตอนนี้ลูกโทร.มาหาแล้ว ได้คุยกันแล้ว ก็คลายความกังวลลงไปได้บ้าง แต่ก็ยังห่วงความปลอดภัยของลูก ห่วงความปลอดภัยของทุกคนทางบ้านด้วย ขอให้ผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องได้ช่วยเหลือดูแลลูกชายด้วย และขอให้ย้ายลูกกลับมาอยู่ทางภาคอีสานใกล้บ้าน เพราะเชื่อว่าจะไม่มีอันตรายอะไร จะทำให้ลูกได้ทำงานอย่างมีความสุข และอยู่ใกล้พ่อแม่ด้วย
วันเดียวกัน สมาคมอุทยานแห่งชาติได้ออกแถลงการณ์ให้มีมาตรการป้องกันกรณีดังกล่าว และประณามผู้กระทำผิด เช่นเดียวกับนางภินันทน์ โชติรสเศรณี ประธานกลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ ที่ระบุว่า รู้สึกช็อก เพราะถึง พ.ศ.นี้แล้ว นายเปรมชัยยังไม่มีความตระหนักถึงความสำคัญของสัตว์ป่าอีกหรือ ซึ่งความผิดของนายเปรมชัยต้องมากกว่าบุคคลธรรมดาหลายเท่า เพราะเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ
นางภินันทน์กล่าวอีกว่า ชาวกาญจนบุรีได้ผลักดันให้ผืนป่าแห่งนี้เป็นมรดกของโลกมาตั้งแต่ปี 2530 จนกระทั่งได้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 2535 เราต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ยุคสมัยของเขื่อนน้ำโจน แต่นายเปรมชัยเป็นคนมีทรัพย์สินเงินทองเป็นแสนๆ ล้าน กลับมาบุกเข้าไปในมรดกโลกเพื่อต้องการเพียงแค่ยิงสัตว์ป่ามาเป็นอาหารเท่านั้น และไม่รู้ว่าเสือดำยิงนั้นอาจเป็นเสือดำตัวสุดท้ายที่มีอยู่ก็ได้ ดังนั้นต้องไม่มีการยกโทษหรือผ่อนผันโทษให้ เราอยากจะวิงวอนไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องที่ดูแลคดีนี้ ต้องให้บทเรียนกับผู้รู้แต่ตั้งใจกระทำเช่นนี้ให้หนัก          
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีเสนอให้แบล็กลิสต์บริษัท อิตาเลียนไทยฯ ในการทำสัมปทานกับรัฐ หลังจับกุมนายเปรมชัย ว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น เร็วไปที่จะพูด เพราะไม่ได้ผิดในนามของบริษัท เป็นการทำผิดของส่วนบุคคล แต่บริษัท อิตาเลียนไทยฯ อาจจะปรับเปลี่ยนผู้บริหารออกไปก็ได้ แน่นอนเรื่องนี้ต้องสอบในแง่ของธรรมาภิบาลของบริษัท ว่ามีอะไรที่พัวพันกันหรือไม่ แต่เร็วไปที่เราจะพูดว่าพัวพันกันแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้ต่างประเทศให้ความสนใจจะกระทบกับภาพพจน์ประเทศหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ถูกต้อง เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นที่ไหนคนสนใจทั้งนั้น ถ้าเราอยู่ในประชาคมของโลก และอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศว่าด้วยชนิดสัตว์ป่าและพืชป่า (ไซเตส) เขาดูแลคุ้มครองสัตว์ป่าอยู่ เราต้องให้ความสนใจว่าคนคนนั้นจะรับผิดอย่างไร จะมีโทษอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้น สนใจว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ รัฐเข้าไปรู้เห็นเป็นใจอะไรหรือไม่ ถ้าไม่มีคือไม่มี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นมรดกโลกที่ขึ้นทะเบียนไว้ และเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของไทยที่เราหวงแหน และมีประวัติความเป็นมาที่น่าตื่นเต้น น่าสนใจ
เมื่อถามถึงกรณีกรมอุทยานฯ จะแก้ไขกฎหมายกำหนดโทษให้แรงขึ้นนั้น นายวิษณุกล่าวว่า ให้เสนอมา แต่กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเพิ่งจะแก้ไปไม่นาน เพื่อให้เข้ากับไซเตส เราจะไปแก้กฎหมายตามกระแสไม่ได้ อย่าเพิ่งไปเรียกร้องว่าต้องลงโทษให้หนักอย่างนั้นอย่างนี้ รอให้กระบวนการกฎหมายเดินไป พยานหลักฐานจะปรากฏเอง
ย้อนธรรมาภิบาลอิตาเลียนไทย
ส่วนนายธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ได้โพสต์เฟซบุ๊กตั้งข้อสังเกตในเรื่องปัญหาการบังคับใช้พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ใน 4 หัวข้อคือ 1.ปัญหาการไม่ได้กำหนดโทษทางอาญาไว้สำหรับการกระทำผิดกฎหมายในบางกรณี 2.ปัญหาอัตราโทษที่กำหนดไว้ไม่เหมาะสม โดยมีอัตราโทษปรับที่ต่ำเกินไปเมื่อพิจารณาถึงสภาพการณ์ในปัจจุบัน 3.ปัญหาการไม่มีบทบัญญัติที่กำหนดหลักเกณฑ์เฉพาะในการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐ และ 4.ปัญหาการไม่มีบทบัญญัติที่ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ในการออกคำสั่งให้ผู้กระทำความผิดรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า (อ่านรายละเอียดหน้า 4)
    ส่วนนางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า บริษัทนี้เป็นกิจการที่ได้รับงานใหญ่จากภาครัฐ ถ้าภาครัฐเห็นความสำคัญของการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมและการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย ก็ควรส่งความกดดันไปยังกิจการ เพื่อให้ความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายยังคงอยู่ และมีความเป็นธรรมเมื่อเทียบกับกรณีอื่นๆ ที่เคยเกิดขึ้น
    “หากผู้บริหารระดับสูงของกิจการใดๆ กระทำผิดต่อกฎหมายอื่นๆ ไม่ใช่ผิดกฎหมายหลักทรัพย์  ผลกระทบต่อบริษัทน่าจะขึ้นอยู่กับคณะกรรมการของบริษัทนั้นๆ ว่าจะพิจารณาผู้บริหารรายนั้นๆ อย่างไรให้เหมาะสม ซึ่งเสียงสะท้อนจากสาธารณชนจะมีส่วนกดดัน” นางวรวรรณโพสต์
    นางวรวรรณโพสต์อีกว่า เอกสารบรรษัทภิบาล ปี 2561 ของบริษัทนี้ ประกาศต่อผู้ลงทุนและสาธารณชน ในหน้า 10 ข้อ 6.ด้านสังคมส่วนรวมระบุว่า บริษัทฯ จะไม่กระทำการใดๆ ที่จะส่งผลเสียหายต่อสังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม และในหน้า 11 เรื่องจริยธรรมธุรกิจและจรรยาบรรณ ในหน้า 13 ข้อ 1.6 เรื่องผู้บริหารต่อสังคมส่วนรวม ระบุไว้ว่า "ไม่กระทำการใดๆ ที่จะมีผลเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ และสภาพแวดล้อม" กรณีนี้ จึงน่าจะเป็นเรื่องที่คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณจุดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงสถานีรถไฟฟ้าเสนานิคม ถ.พหลโยธิน ตรงเกาะกลาง ซึ่งมีการก่อสร้างได้มีการพ่นสเปรย์ลักษณะคล้ายเสือดำร้องไห้ทับตราบนแผ่นป้ายผ้าใบของบริษัท อิตาเลียนไทยฯ แทน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"