ฉะสมยศตำรวจไซด์ไลน์ จี้ปธ.สนช.สอบจริยธรรม


เพิ่มเพื่อน    

    กก.ปฏิรูปตำรวจตกใจ! "สมยศ" ยึดอาชีพตำรวจเป็นไซด์ไลน์ ดีดปากพูดไม่เหมาะสม เวรกรรมประเทศไทย สมาชิก สนช.พะอืดพะอมไม่กล้าตรวจสอบมาตรฐานจริยธรรม โยนให้ ปธ.ตั้งเรื่อง ยุภาคประชาชนกดดัน "วัชระ" ซัดหยามตำรวจทั่วประเทศ จี้ขอโทษ ปชช.คืนยศ พล.ต.อ. จ่อยื่น ปธ.สนช.สอบส่อผิดจริยธรรมข้อ 19, 22 โทษหนักตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต บี้ "บิ๊กตู่" รับผิดชอบหลังแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร.-คสช.
    “ตลอดชีวิตรับราชการตำรวจผมนี่ เกือบจะเรียกว่าอาชีพตำรวจนี่เป็นไซด์ไลน์ พูดแล้วจะเหมือนคุย  อาชีพหลักๆ ของผมคือทำธุรกิจ ซึ่งคนในแวดวงธุรกิจรู้เรื่องดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องหุ้น (เล่นหุ้น) ผมนิยมมาก ผมมีรายได้หรือมีผลกำไรจากการเล่นหุ้น และเสียหายจากการเล่นหุ้นจำนวนมาก...” คำพูด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เข้ารายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ทางทีวีสปริงนิวส์  ตอบคำถามเรื่องยืมเงินนายกำพล วิระเทพสุภรณ์     เจ้าของสถานบันเทิงอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์กว่า 300 ล้านบาท นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง 
    เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นายมานิจ สุขสมจิตร  ประธานอนุกรรมการด้านสื่อสารกับสังคม ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม   (ตำรวจ) กล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกตกใจที่ พล.ต.อ.สมยศ ให้สัมภาษณ์ว่าอาชีพตำรวจเป็นไซด์ไลน์ และตัวเองมีอาชีพหลักเป็นนักธุรกิจเล่นหุ้น ซึ่งความจริงต้องแยกให้ออกงานใดเป็นงานหลัก งานใดเป็นงานรอง พล.ต.อ.สมยศถือเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หากเป็นเช่นนี้ ถามว่าตำรวจคนอื่นๆ จะเป็นอย่างไร 
    "กรณียืมเงิน 300 ล้านบาทจากนักธุรกิจที่กระทำผิดกฎหมายเพราะค้ามนุษย์นั้น เป็นการกระทำที่สนับสนุนคำพูดของ พล.ต.อ.สมยศเองที่ว่างานตำรวจเป็นงานรอง อย่างไรก็ตาม มีคนระบุว่าเป็นเวรกรรมของประเทศไทยที่มีคนไม่รู้จักหน้าที่ ซึ่งผมก็เห็นด้วย" นายมานิจกล่าว
    นายเสรี สุวรรณภานนท์ กรรมการปฏิรูปตำรวจ กล่าวว่า การตรวจสอบ พล.ต.อ.สมยศ ไม่ใช่หน้าที่ของคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำและคำพูดที่แสดงออกมา และขณะนี้เป็นอดีตตำรวจ ขณะที่หน้าที่ของคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจคือการออกแบบโครงการระบบการทำงานของตำรวจ อย่างไรก็ตาม เรื่องคำพูดของ พล.ต.อ.สมยศ เกิดจากคำชี้แจงเรื่องไปยืมเงินจากนักธุรกิจ 300 ล้านบาท ที่พัวพันกับการกระทำผิดกฎหมาย และบอกว่างานหลักคือการทำธุรกิจ และอาจจะพยายามชี้แจง แต่กลับไปพูดว่าตำรวจคืองานไซด์ไลน์ 
    "อันนี้ถือว่าเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสม ส่วนจะผิดจริยธรรมหรือไม่ ผู้ที่มีหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องไปตรวจสอบว่าผิดจริยธรรมหรือไม่ เพราะเรื่องมันเกิดมานานแล้ว ต่างกรรมต่างเวลา และไม่ทราบว่าเกี่ยวพันกับตำแหน่งต่างๆ หรือไม่" นายเสรีกล่าว 
    แหล่งข่าวจาก สนช.เปิดเผยว่า สนช.สายพลเรือนหลายคนเกิดความไม่สบายใจเมื่อได้ฟังคำพูดของ พล.ต.อ.สมยศ ที่บอกว่าทำงานตำรวจเป็นไซด์ไลน์ เป็นคำพูดไม่เหมาะสม และทำลายสถาบันตำรวจที่เป็นต้นน้ำของกระบวนการยุติธรรม และขวัญกำลังใจพี่น้องตำรวจกว่า 2 แสนคนทั่วประเทศ อีกทั้งยังเป็นห่วงเรื่องการยืมเงิน 300 ล้านบาทจากธุรกิจค้ามนุษย์หมิ่นเหม่จริยธรรมหรือไม่ จึงอยากให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ตรวจสอบ หลังมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 มีผลบังคับใช้ ที่ครอบคลุมไปถึง สนช. เพราะเป็นห่วงว่าหากไม่ทำอะไรจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของ สนช. และโยงไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่แต่งตั้ง พล.ต.อ.สมยศ มาเป็น สนช.
    “แต่ก็ยังเป็นกังวลว่าสุดท้ายประธาน สนช.หรือมีสนช.คนใดออกมาเรียกร้องให้ตรวจสอบตามมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ เพราะอาจมีความเกรงใจพล.ต.อ.สมยศ จึงอยากให้ภาคประชาชนยื่นหนังสือต่อประธาน สนช. เพื่อให้เกิดแรงกดดันจากสังคมเข้ามาอีกทาง” แหล่งข่าวจาก สนช.กล่าว   
     สำหรับความเป็นมาของ พล.ต.อ.สมยศ ที่เข้ามาดำรงตำแหน่ง สนช. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้แต่งตั้ง พล.ต.อ.สมยศ ขณะเป็นรอง ผบ.ตร. ให้เป็นสมาชิก สนช. เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 และวันที่ 20 สิงหาคม คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ได้ประชุมเพื่อแต่งตั้ง ผบ.ตร. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทนผบ.ตร. ได้เสนอชื่อ พล.ต.อ.สมยศเพียงคนเดียว ซึ่งคณะกรรมการ ก.ต.ช.ก็ลงมติเลือก พล.ต.อ.สมยศ เป็น ผบ.ตร. วันที่ 15 กันยายน พล.ต.อ.สมยศได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 122/2557 และดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 ถึง 30 กันยายน 2558
    ขณะที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นการหยามหมิ่นตำรวจทั่วประเทศหรือไม่ การที่บอกว่าตำรวจเป็นอาชีพไซด์ไลน์ เท่ากับเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพพิเศษ เป็นความเสื่อมเสียของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อย่างยิ่ง ที่มอบยศให้ พล.ต.อ.สมยศ รวมทั้งตำแหน่ง ผบ.ตร.และตำแหน่ง คสช. ในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.อีกด้วย และการระบุว่าอาชีพตำรวจเป็นแค่ไซด์ไลน์ จึงทำให้ประชาชนสงสัยว่า ในสมัยที่ท่านเป็น ผบ.ตร.นั้นได้เบียดบังเวลาข้าราชการไปทำธุรกิจหรือไม่ และการไปยืมเงินจากสถานบริการค้ากามและค้ามนุษย์จำนวน 300 ล้านบาท อยากทราบว่าเอาเงินไปทำอะไร และธุรกิจอะไร 
    นอกจากนี้ พล.ต.อ.สมยศยังได้รับการแต่งตั้งเป็นสนช.ลำดับที่ 155 ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ที่เพิ่งประกาศใช้ ซึ่งครอบคลุมไปถึง สนช.ด้วย ดังนั้นในวันที่ 12 ก.พ. ตนจะทำหนังสือถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ให้ตรวจสอบตามมาตรฐานจริยธรรม ที่เชื่อว่ากระทำผิดหลายข้อ โดยเฉพาะข้อ 19 และ 22 และดำเนินการลงโทษตามกฎหมาย รวมทั้งอาจเรียกร้องให้ ป.ป.ช., ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงินอีกด้วย
    “พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะที่แต่งตั้ง พล.ต.อ.สมยศ เป็น คสช. และ สนช. จะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร ที่ออกมาสารภาพว่าทำอาชีพตำรวจเป็นแค่งานไซด์ไลน์   ถึงว่าในยุคของท่านที่เป็น ผบ.ตร. คดีความต่างๆ จึงเกิดขึ้นมากมาย พร้อมกับทำความเสื่อมเสียให้องค์กรต่างๆ ที่ท่านสังกัดอยู่อีกด้วย ดังนั้นถ้า พล.ต.อ.สมยศ ไม่รักวิชาชีพของท่าน ก็ควรออกมาขอโทษประชาชน  และคืนยศ พล.ต.อ.” นายวัชระกล่าว
    สำหรับมาตรฐานจริยธรรมฯ คือ ข้อ 19 ไม่คบหาสมาคมกับคู่กรณี ผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล หรือผู้มีความประพฤติหรือผู้มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ และข้อ 22 อุทิศเวลาแก่ทางราชการ ไม่เบียดบังเวลาราชการไปประกอบธุรกิจ เพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือผู้อื่น อย่างไรก็ตาม หากสุดท้ายมีการตรวจสอบ และเรื่องไปถึงศาลฎีกา และตัดสินว่ามีความผิด บุคคลนั้นจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"