'นิพิฏฐ์'จวกยับ'เรียงหิน'คบคิดรัฐบาลคสช.ปูทางเลื่อนเลือกตั้ง!


เพิ่มเพื่อน    

นิพิฏฐิ์ อินทรสมบัติ

15 ธ.ค.60 - นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มวังน้ำยม ที่ให้แก้รัฐธรรมนูญให้ส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมืองและมีแต่ส.ส.เขต 400 คน ว่า ในขณะที่มีการร่างรัฐธรรมนูญมีการถกเถียงจนตกผลึกแล้วว่า ระบอบประชาธิปไตยจะเดินไปได้ส.ส.ต้องสังกัดพรรค และในอดีตก็เห็นความล้มเหลวของระบบรัฐสภาที่ส.ส.ไม่สังกัดพรรคมาแล้ว รัฐบาลอยู่ยาก การกำหนดนโยบายแต่ละเรื่องทำไม่ได้เลย เมื่อสิ่งนี้ตกผลึกไปแล้วกลับมารื้อฟื้นใหม่แสดงให้เห็นถึงความไม่มีหลักการของคนที่คิดเรื่องนี้ส่วนประเด็นเรื่องส.ส.เขต 400 คนก็ตกผลึกแล้วเช่นกันว่าการที่เอาระบบสัดส่วนผสมมาเพราะไม่ต้องการให้คะแนนตกน้ำ ทำให้ทุกคะแนนมีความหมาย ข้อเสนอเรื่อง 400 คน 400 เขตเป็นระบบเก่า ซึ่งรัฐธรรมนูญผ่านการประชามติมาแล้ว อย่าทำให้เป็นปัญหาอีกเลย พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า หากมีการเสนอเรื่องนี้แล้วสนช.รับลูกถ้าสมมติว่าตนไปเสนอบ้างว่ารัฐธรรมนูญมาจากประชามติขอให้คงไว้ ไม่ขอให้แก้ไข สนช.จะรับลูกหรือไม่

ส่วนที่นายสมศักดิ์ ระบุว่า สามารถแก้รัฐธรรมนูญโดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 นั้น นายนิพิฏฐ์ เห็นว่า รัฐธรรมนูญใหญ่กว่าอำนาจตามมาตรา 44เพราะผ่านการทำประชามติ ในขณะที่มาตรา 44 เป็นอำนาจของบุคคลคนเดียว จึงไม่อยากให้ทำเรื่องนี้ให้เป็นปัญหา และหากจะแก้รัฐธรรมนูญก็ต้องไปทำประชามติ ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องใช้รัฐธรรมนูญเลยจะดีหรือไม่ ใช้มาตรา 44 เพียงอย่างเดียว จึงอยากให้ผู้มีอำนาจอยู่บนหลักการ อย่าโลเล กลับไปกลับมา ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน ผู้ที่บริหารประเทศชาติในตำแหน่งสำคัญอยู่ได้ด้วยความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากประชาชน อย่าทำตัวให้ไม่มีความไว้วางใจเพราะประเทศชาติจะมีปัญหาเพราะท่านเอง

นายนิพิฏฐ์ ยังเชื่อด้วยว่า ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทั้งเรื่องการเสนอแก้กฎหมายพรรคการเมืองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นทฤษฎีสมคบคิดเพื่อเลื่อนการเลือกตั้งหรือไม่ให้มีการเลือกตั้ง โดยมีการคิดเป็นขั้นเป็นตอนแล้ว จึงมีการรับลูกแบบแบ่งหน้าที่กันทำ เป็นเรื่องที่ผู้มีอำนาจ มีอิทธิพลในบ้านเมืองคิด ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาระบุว่าจะนำเรื่องแก้กฎหมายพรรคการเมืองเข้าสู่ที่ประชุมคสช. สะท้อนว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่คิดกันมาแล้วว่าใครทำหน้าที่อะไร เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ

“โดยส่วนตัวคิดว่าจากข้อเท็จจริงทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าจะไม่มีการเลือกตั้ง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้คิดเช่นนั้นก็เพราะกฎหมายเลือกตั้งส.ส.ที่สนช.รับหลักการวาระที่ 1 ไปแล้วนั้น เป็นกฎหมายพวงใน 4 ฉบับ ที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง เช่นเดียวกับกฎหมายพรรคการเมือง เพราะเป็นกฎหมายชุดที่ต้องเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันจะขัดแย้งกันไม่ได้ หากมีการแก้กฎหมายพรรคการเมืองในขณะที่กำลังพิจารณากฎหมายเลือกตั้งส.ส.ที่ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ก็จะกระทบกับกฎหมายเลือกตั้งส.ส.จนอาจนำไปสู่การคว่ำกฎหมายเลือกตั้งส.ส. ผมคิดว่าออกสูตรนั้นแน่นอน และเชื่อว่าผู้มีอำนาจจะเดินไปถึงจุดนั้น เพราะข้อเท็จจริงที่ออกมาไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้เลย นอกจากการเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่มีเลือกตั้ง ผมไม่เรียกร้องให้ปลดล็อคหรือให้เลือกตั้งแต่ขออวยพรให้คุณประยุทธ์ คุณประวิตร อยู่ไปจนถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร อยู่จนถือไม้เท้ากลับบ้าน เพื่อให้สังคมได้เรียนรู้ และผู้มีอำนาจก็จะได้มีบทเรียนด้วยว่า ท่านกำลังอยู่ตรงไหน และความพอดีอยู่ตรงไหน” นายนิพิฏฐ์ กล่าว .

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นักการเมืองชื่อดัง แถลงข่าวเรียกร้องรัฐบาลคสช.งดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราเป็นเวลา 1 ปี เมื่อวันที่14 ธ.ค.ที่ผ่านมา

สำหรับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุโขทัย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีครั้งแรกในรัฐบาลของพลเอกสุจินดา คราประยูร ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาลชุดต่อมาของนายชวน หลีกภัย จึงได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีอีกครั้ง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ต่อเนื่องมาจนกระทั่งรัฐบาลของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และยังได้รับการปรับใปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้งในรัฐบาลชุดนี้

นายสมศักดิ์  ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาลชวน 2 ต่อมาจึงได้ย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย และลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2544 โดยให้ภรรยาลงสมัครในระบบเขตแทน และนายสมศักดิ์ ยังได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในปี พ.ศ. 2545 แล้วจึงปรับมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปี พ.ศ. 2546 และเป็นรองนายกรัฐมนตรีในเวลาต่อมา จากนั้นในปี พ.ศ. 2548 จึงได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีอีกครั้งในรัฐบาลทักษิณ 2 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และปรับเปลี่ยนมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

เขายังเป็นหัวหน้ากลุ่มการเมืองในพรรคไทยรักไทยที่ชื่อ "กลุ่มวังน้ำยม" อันเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในพรรค ในการหาเสียงการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2548 นายสมศักดิ์ มีนโยบายที่รู้จักกันเป็นอย่างดี คือ "โคล้านตัว" เป็นนโยบายที่จะทำการแจกโคให้แก่เกษตรกรฟรีทั่วประเทศ และเป็นที่มาของการจัดตั้งบริษัท ส่งเสริมธุรกิจเกษตรกรไทย จำกัด แต่โครงการดังกล่าวก็ไม่ประสบความสำเร็จ สามารถดำเนินการจัดหาโคได้เพียง 21,684 ตัวเท่านั้น และยังได้รับฉายาจากสื่อว่าเป็น "รัฐมนตรีเรียงหิน" หลังนายสมศักดิ์ เป็นรัฐมนตรี แล้วดึงเอางบประมาณไปทำเขื่อนกันดินพังตรงริมตลิ่งแม่น้ำยม ที่ จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นริมตลิ่งหน้าบ้านของนายสมศักดิ์เอง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"