'สุริยะใส' โพสต์เศร้า!วันเดียวสูญเสียทั้งผู้เป็นครูและลูกศิษย์


เพิ่มเพื่อน    

17 ก.พ. 61 - นายสุริยะใส กตะศิลา เป็นรองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสต์เรื่องราว "ในวันที่ผมสูญเสียทั้งผู้เป็นครูและลูกศิษย์" ผ่านเพจเฟซบุ๊ก สุริยะใส กตะศิลา ว่า "วันนี้ตื่นมาต้องเจอกับข่าวร้าย 2 ข่าว ข่าวแรกคือการถึงแก่อนิจกรรมของ ศาสตราจารย์ระพี สาคริก 

ส่วนตัวผมสมัยเรียนปริญญาตรีที่ ม.เกษตรศาสาตร์ ได้มีโอกาสฟังท่านอาจารย์บรรยายหลายครั้ง ในช่วงที่มาเคลื่อนไหวทางการเมืองช่วงหลังก็ได้พูดคุยกระทั่งขอคำปรึกษาจากท่านในหลายๆเรื่อง 

ท่านไม่ใช่แค่ผู้บุกเบิกวงการกล้วยไม้ไทยให้โด่งดังไปทั่วโลกจนเรียกขานว่าเป็น “บิดาแห่งกล้วยไม้ไทย” เท่านั้น แต่ท่านยังเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเสนอแนะขับเคลื่อนนโยบายที่ยั่งยืนต่อภาคเกษตร แม้แต่บทบาทของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในฐานะที่ท่านเคยเป็นอธิการบดี ที่ควรจะเป็นในยุคโลกาภิวัฒน์ที่ภาคเกษตรตกเป็นเหยื่อรุนแรงที่สุด  ท่านก็มีข้อเสนอที่กระตุกเตือนสังคมมาแล้วหลายครั้งหลายครา

สำหรับผมท่านอาจารย์เป็นปราชญ์แห่งผ่นดินอีกคนที่ควรค่าแก่การจดจำและเราควรสานต่อภารกิจเหล่านั้น

การจากไปครั้งนี้ก็ถือเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของคนไทย

อีกข่าวที่ผมใจหายจนแทบจะออกไปสอนหนังสือไม่ได้ เช้าที่ผ่านมาเมื่อทราบว่าลูกศิษย์ผม นายธนกร เกษตริกะ หรือเบย์  นักศึกษาวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม  ม.รังสิต ปี 2  ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา 

ผมจำได้ดีวันที่เบย์ จบ ม .6 ใส่กางเกงขาสั้นชุดนักเรียนมายื่นสมัครเรียนที่วิทยาลัยนวัตกรรมสังคมเขามาส่งใบสมัครกับผม  ผมนั่งคุยกับเขา ด้วยความอยากรู้ว่าทำไมตั้งใจมาเรียนวิทยาลัยแห่งนี้ ในขณะที่เด็กทั่วไปสนใจอยากเรียนคณะอื่นที่อยู่ในกระแสหลัก เขาตอบผมว่าชอบ ดูเนื้อหาหลักสูตรแล้วใช่  น่าจะเหมาะกับเขา เพราะเขาสนใจเรียนด้านสังคม จึงไม่แปลกทุกครั้งที่ไปค่ายไปลงพื้นที่หลายๆครั้ง ก็เจอเขาแทบทุกครั้งและเราก็สนทนาพูดคุยกันตามประสาครูกับลูกศิษย์ เขาเป็นคนพูดน้อย ยิ้มง่าย แต่แววตาเขาครุ่นคิดและพร้อมเรียนรู้ตลอดเวลา

กระทั่งก่อนเขาเสียชีวิต ในตอนกลางวัน เบย์กับเพื่อน นศ.วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม รังสิต 10 กว่าคน  ก็ไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใชชาวบ้านเทพาที่มาชุมนุมหน้า UN เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เบย์ไม่ได้ไปชุมนุมเพียงเพราะเขาเป็นคนใต้ เป็นคนกระบี่ที่เป็นพื้นที่เตรียมสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเท่านั้น แต่ผมว่าเบย์ไปเพราะแรงบันดาลใจที่เขาอยากช่วยเหลือแบ่งปันทุกข์สุขกับผู้คนในสังคมโดยเฉพาะคนด้อยโอกาส ซึ่งวิทยาลัยนวัตกรรมสังคมพร่ำบอกและสอนนักศึกษาตลอดว่าเราต้องรับผิดชอบต่อสังคม

คงไม่ต้องบอกว่าผมเสียใจขนาดใหน กับการจากไปกะทันหันก่อนวัยอันควรของเบย์ ผมเห็นแววตาและใบหน้าที่ครุ่นคิดตั้งใจเรียนทั้งในห้องและนอกห้องเรียนลอยวนอยู่บนแป้นพิมพ์ตลอดระหว่างผมพิมพ์ข้อความเหล่านี้ เพราะวันพุธที่ผ่านมาเบย์เรียนกับผมในวิชา ขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม (Social Movement) ด้วย

แม้ว่าทั้งท่านอาจารย์และเบย์ รวมทั้งผม จะไม่ได้รู้จักหรือเป็นเครือญาติอะไรกัน แต่ช่วงชีวิตของทั้งคู่ที่วัยอาจแตกต่างกันก็ตามได้แบ่งปันพื้นที่ของชีวิตให้กับเรื่องราวทุกข์สุขของสังคม ที่คนส่วนใหญ่อาจจะมองไม่เห็นหรือคิดว่าไม่ใช่ธุระ 

ผมโชคดีมากที่ได้มีโอกาสพบเจอคนทั้งสอง ผมจะจดจำความดี ความเสียสละของทั้งคู่ไปจนชีวิตจะหาไม่

ขอให้ดวงวิญญาณของทั้งท่านอาจารย์ระพี สาคริก และเบย์ ธนกร สู่สุคติครับ"


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"