สิ้นระพีสาคริก ราษฎรอาวุโส อนิจกรรมสงบ 


เพิ่มเพื่อน    

    ศาสตราจารย์ระพี สาคริก ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบด้วยวัย 95 ปี เปิดประวัติราษฎรอาวุโส ทำคุณประโยชน์ไว้ให้กับประเทศมากมาย 
    เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 17 กุมภาพันธ์  ศาสตราจารย์ระพี สาคริก ราษฎรอาวุโส ปรมาจารย์ด้านกล้วยไม้ ผู้บุกเบิกวงการกล้วยไม้ของประเทศไทยสู่สากล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบด้วยวัย 95 ปี ที่บ้านพักย่านบางเขน โดยจะมีการตั้งศพบำเพ็ญกุศล ณ วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน ในวันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นต้นไป   
    ศ.ระพี เกิดเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2465 ที่กรุงเทพฯ เป็นบุตรชายคนโตของขุนตำรวจเอก พระมหาเทพกษัตริยสมุห (เนื่อง สาคริก) และคุณแม่สนิท ภมรสูตร เริ่มต้นการศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนสามเสนวิทยาคาร และจากนั้นได้ย้ายโรงเรียนอีกหลายแห่ง ตั้งแต่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนจิตรลดา โรงเรียนนาฏศิลป์ โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร หรือโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตรในปัจจุบัน จนจบชั้นมัธยมบริบูรณ์ และได้รับประกาศนียบัตรจากกระทรวงศึกษาธิการถึง 2 ใบ
    จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ต่อมาสถาปนาขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หลักสูตรปริญญาตรี 5 ปี เมื่อ พ.ศ. 2486) ซึ่งเปิดสอนระดับเตรียมมหาวิทยาลัยที่แม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ (แม่โจ้รุ่น 7) โดยศึกษาในคณะเกษตร ศ.ระพีได้เลือกศึกษาด้านกสิกรรมและสัตวบาล สาขาปฐพีวิทยาระดับปริญญาตรี และได้รับพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อ พ.ศ.2490 ศ.ระพียังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขานวัตกรรมเกษตร จาก มหาวิทยาลัยรังสิต ในวันที่ 23 ก.พ.2558
    ศ.ระพีได้รับการทาบทามจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่กรุงเทพฯ ให้เข้าเป็นอาจารย์ประจำ แต่เนื่องจากความชอบทำงานค้นคว้าภาคสนามจึงเลือกไปทำงานที่สถานีทดลองกสิกรรมที่แม่โจ้ในตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราว ได้รับมอบหมายให้ทำการวิจัยพันธุ์ข้าว พันธุ์ผักและยาสูบ
    ในขณะเดียวกันก็ทำการศึกษาค้นคว้าด้าน "กล้วยไม้" ไปด้วยด้วยทุนส่วนตัว ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกิจวัตรในชีวิตของท่านที่ได้อุทิศให้กับงานค้นคว้าวิจัยด้านกล้วยไม้ตลอดมา จนได้รับการยอมรับจากวงการกล้วยไม้ของโลกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญมากที่สุดผู้หนึ่ง เมื่อทำงานวิจัยได้ 2 ปี จึงกลับเข้ามารับราชการเป็นอาจารย์ประจำที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
         ผลงานการค้นคว้าและส่งเสริมกล้วยไม้ทั้งในด้านการปรับปรุงพันธุ์ ขยายพันธุ์ ตลอดจนด้านธุรกิจการส่งออก ทำให้กล้วยไม้ไทยกลายเป็นสินค้าส่งออกด้านเกษตรที่สำคัญชนิดหนึ่งของประเทศไทย ด้วยเหตุนี้ ศ.ระพีจึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา สาขาเกษตรศาสตร์ พ.ศ.2511 นอกจากนี้ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ พ.ศ.2513 อีกด้วย
    ศ.ระพีเคยดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาล พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ รวมทั้งตำแหน่งอื่นๆ ที่สำคัญอีกมากมาย แม้จะเกษียณอายุราชการนานแล้วก็ตาม ศ.ระพี สาคริก ก็ยังได้รับความเคารพยกย่องเป็นปูชนียบุคคล โดยเฉพาะในวงการศึกษาและวงการกล้วยไม้ จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นบิดาแห่งกล้วยไม้ไทย
    ศ.ระพีสมรสกับคุณกัลยา มนตริวัตร บุตรีขุนพิชัยมนตรี หัวหน้าเสรีไทยสายกาญจนบุรี มีบุตร 4 คน เป็นชาย 3 คน ได้แก่ นาย รวิวรรณ สาคริก, นายพีระพงศ์ สาคริก, นายวงษ์ระวี สาคริก หญิง 1 คน ได้แก่ นางสาว มาลีกันยา สาคริก
    ในปี 2533 ศ.ระพีได้ลาออกจากตำแหน่งประจำต่างๆ ที่ท่านดำรงทั้งภาคราชการ กึ่งราชการและภาคเอกชน เพื่อหันมาใช้ชีวิตที่สงบและเรียบง่าย เหลือเพียงการเป็นที่ปรึกษาให้วิทยาทานด้วยการบรรยาย สัมมนา โดยเฉพาะด้านการพัฒนาชนบทและเยาวชนที่เน้นด้านคุณธรรมและจริยธรรม 
    นอกจากนี้ ศ.ระพียังเป็นบุคลที่ต่อต้านการใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรม และการคอร์รัปชันของรัฐบาลระบอบทักษิณมาอย่างต่อเนื่อง 
        ศ.ระพีพักรักษาตัวที่บ้านย่านบางเขน หลังมีอาการวูบขณะร่วมงานทางวิชาการงานหนึ่งเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2559  ซึ่ง ศ.ระพีเป็นประธานในพิธี จนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในทันที หลังแพทย์ตรวจรักษาพบเป็นเบาหวานและมีอาการทางสมอง คนไข้มีอาการเพ้อตลอดเวลา น่าจะเป็นอาการสับสนเฉียบพลัน ซึ่งเป็นปกติของผู้สูงอายุ 
    เมื่อวันที่  5 ตุลาคม 2560 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมีคําสั่งให้ ศ.ระพีเป็นคนไร้ความสามารถ และให้อยู่ในความอนุบาลของนางมาลีกันยา สาคริก ผู้ร้อง หลังศาลไต่สวนเห็นว่า ศ.ระพีป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ โรคพาร์กินสัน มีอาการสมองเสื่อม และโรคถุงลมเรื้อรัง ไม่สามารถประกอบกิจการงาน และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องมีคนคอยดูแลตลอดเวลา ก่อนถึงแก่อนิจกรรมในวัย 95 ปี.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"