'เรืองไกร'ร้องกกต.ตามบี้'หมอธี'ถือหุ้นขัดกม.


เพิ่มเพื่อน    

19 ก.พ.61-  นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต สว. เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) มีการกระทำเข้าข่ายเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามหมวด 9  ของรัฐธรรมนูญ 2560 และเข้าข่ายขาดคุณสมบัติตามมาตรา  186 ประกอบมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (2) ประกอบมาตรา  170  วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่   พร้อมทั้งของให้ กกต.ดำเนินการตามมาตรา 170  วรรคสาม  ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรรมนูญวินิจฉัย  

นายเรืองไกร กล่าวว่า จากรณีที่ นพ.ธีระเกียรติ ได้มีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.  4 ครั้ง เป็นรัฐมนตรีช่วย ยื่น 3 ครั้ง และตอนเป็นรัฐมนตรีว่าการ 1 ครั้ง   โดยพบว่า  3 ครั้งแรก  มีหุ้น เอสซีจี. หรือหุ้นบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)  4,200 หุ้น แต่ครั้งหลังสุดในการยื่นเมื่อพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการครบ 1 ปี นพ.ธีระเกียรติไม่ระบุวันได้มา  และยังพบว่ามีจำนวนหุ้นที่เพิ่มมากขึ้นด้วย จาก 4,200  เป็น 5,000 หุ้น เพิ่มมาก 800 หุ้น  จึงได้ตรวจสอบว่า 800 หุ้นได้มาในระหว่างการดำรงตำแหน่งหรือไม่  เพราะไม่มีการชี้แจง  จึงมีเหตุอันควรเชื่อว่าได้มาหลังจากรัฐธรรมนูญ 2560 มีผลใช้บังคับ  ถ้าหลังรัฐธรรมนูญใช้บังคับและยังคงถืออยู่  ตนจึงต้องมาให้ กกต.ตรวจสอบ ตามาตรา 186  ประกอบ 184 (2) หรือไม่  ส่วนการที่รัฐมนตรีอ้างความเห็นกฤษฎีกา  ซึ่งตนค้น แต่หาไม่เจอ แต่พบเพียงว่า มีครั้งหนึ่งที่กฤษฎีกาตีความ พ.ร.บ.การเป็นหุ้นส่วนของรัฐมนตรี ที่ตีความว่า ครม.ต้องทำตามรัฐธรรมนูญ  จะไม่ทำตามไม่ได้ 

"เรื่องมีความเห็นของรองฯ วิษณุ ว่าหุ้น ร้อยละ 5  ซึ่งเป็นเรื่องของมาตรา 187  ซึ่งของนพ.ธีระเกียรติ ไม่ถึงร้อยละ 5 ซึ่งไม่เกี่ยว เพราะหุ้นสัมปทานเพียงหุ้นเดียวก็ถือไม่ได้    แต่นายมีชัย ฤชุพันธ์ ก็แสดงความเห็นในเรื่องนี้ ซึ่งตนแปลกใจว่ามีการแสดงความเห็นเพื่อที่จะประคับประคองรัฐบาลให้ไปรอดให้ได้ โดยอ้างความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าหุ้นสัปทานถือมาก่อนก็คงไม่เป็นไร  ผมไปตรวจสอบซึ่งกรณีนี้ผมก็เป็นคนร้อง สุดท้ายศาลปลด ส.ส.ไป 6 คน   เพราะหุ้นสัปทานถ้าถือมาก่อนเป็น ส.ส. และ ส.ว.ไม่เป็นไร  แต่ถ้าถือหลังดำรงตำแหน่งแล้วไม่ได้  ซึ่งในส่วนของรัฐมนตรีต้องเข้มกว่า เพราะมีบทบัญญัติห้ามคงไว้ ดังนั้นเป็นหน้าที่ กกต.ต้องตรวจสอบ  ซึ่งตนยื่นตรวจต่อศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็น ส.ว.แล้ว  หากเป็นไปอย่างที่นายมีชัยพูด ครม.ครั้งหน้าถือหุ้นสัมปทานกันสบาย   และหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่มีใครถือเปิน 5 เปอร์เซ็นต์แน่  ตามเห็นของทั้งสาม ผมเคารพ แต่ต้องให้ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญตัดสินและวินิจฉัย"นายเรืองไกรกล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"