สตช.ตื่นฟัน'มานัสอั่งเปา' แนะถอดยศตร.ไซด์ไลน์


เพิ่มเพื่อน    

   "ศรีวราห์" สั่งสันติบาลฟัน "ร.ต.ต.มานัส" เสี่ยแจกอั่งเปา 60 สีกากี ฐานละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่ ขาดราชการตั้งแต่ปี 2558 พบเข้า-ออกประเทศเกือบ 100 ครั้ง โวรู้ข้อมูลพัวพันธุรกิจสีเทามากว่า 10 ปี "รอง ผบ.ตร." ฮึ่ม! เชือด ผกก.หรี่ตาลูกน้องรับซองแดง "ผบช.น." อ้างแค่รุ่นพี่ให้น้อง "ประทิน" ซัดตำรวจไซด์ไลน์ "ลูกสมยศ" ร้อง ปอท.โดนโพสต์เอี่ยวค้ามนุษย์
    เมื่อวันจันทร์ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงคำสั่งให้ ร.ต.ต.มานัส เติมธนะศักดิ์ รองสารวัตรสืบสวน กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 มารายงานตัวที่ต้นสังกัด หลังพบเป็นคนแจกอั่งเปาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 60 นาย และขาดราชการหลายครั้งว่า จากการตรวจสอบมีหลักฐานตั้งแต่ปี 2558 ถึงวันที่ 13 ก.พ.2561 ร.ต.ต.มานัสละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่ เดินทางเข้า-ออกนอกราชอาณาจักร จำนวน 96 ครั้ง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา 
    พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการประพฤติตนไม่สมควร จึงสั่งการให้ต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้รายงานผลภายใน 30 วัน ซึ่งหากละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่องเกิน 15 วัน จะมีโทษสูงสุดถึงไล่ออก แต่ต้องรอผลการตรวจสอบจากคณะกรรมการอีกครั้ง
    "ประเด็นการแจกอั่งเปาให้กับตำรวจในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 (บก.น.7) จำนวน 60 นาย และประเด็นความเกี่ยวข้องกับธุรกิจบ่อนการพนัน เป็นอำนาจของ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ที่รับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม แต่ส่วนตัวยอมรับทราบข้อมูล ร.ต.ต.มานัสเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทามานานกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาลในการตรวจสอบ" รองผบ.ตร.กล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ในฐานะที่รับผิดชอบกำกับดูแลสำนักงานตำรวจสันติบาล (บช.ส.) ได้มีคำสั่งด่วนที่สุด ที่ 0001 (มค.)/221 ลงวันที่ 8 ก.พ.2561 ถึงผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) เรื่องให้สอบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตำรวจประพฤติตัวไม่สมควร 
    คำสั่งระบุว่า ด้วยปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ว่า ผู้กว้างขวางฝั่งธนฯ แจกเอง.! สอบ 60 ตร.เข้าแถว ไหว้-รับ อั่งเปา ผบก.น.7 ลั่นต้องรู้ผลในหนึ่งสัปดาห์ และจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงจาก พล.ต.อ ไพศาล เชื้อรอด อดีตที่ปรึกษา (สบ 10) ผบ.ตร., บช.ส., บช.สตม. และ บก.น.7 ได้ความโดยสังเขปว่า ผู้ที่แจกอั่งเปาให้กับตำรวจเข้าแถวไหว้รับอั่งเปาประมาณ 60 นาย คือ ร.ต.ต.มานัส เติมธนะศักดิ์ รอง สว.(สส.)กก.4 บก.ส.1 ปฏิบัติหน้าที่นายตำรวจอารักขา พล.ต.อ ไพศาล 
    "จากการตรวจสอบมีหลักฐานว่า ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 ร.ต.ต.มานัสได้ละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่เดินทางเข้า-ออกนอกราชอาณาจักร จำนวน 96 ครั้ง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาอันเป็นการประพฤติตนไม่สมควร" 
    ท้ายคำสั่งระบุว่า ฉะนั้นจึงให้ดำเนินการดังนี้ 1.ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ร.ต.ต.มานัส ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2556 ประพฤติตนในลักษณะที่ไม่สมควรและความผิดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง 2.ให้เรียกตัว ร.ต.ต.มานัสกลับจากการปฏิบัติหน้าที่อารักขา พล.ต.อ ไพศาล มาปฏิบัติหน้าที่ยังต้นสังกัด 3.รายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้นให้ทราบภายในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561 พร้อมนี้ได้แนบเอกสารมาเพื่อประกอบการดำเนินการจำนวน 42 แผ่น แจ้งมาเพื่อดำเนินการ คำสั่งดังกล่าวระบุ
    ต่อมามีรายงานว่า พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ ผบก.ส.1 ได้มีคำสั่งด่วนที่สุด ที่ 0028.214/537,548 ลงวันที่ 8 ก.พ.2561 ให้ พ.ต.อ.คัมภีร์ พรหมสนธิ ผกก.บก.ส.1 ให้ปฏิบัติตามคำสั่ง พล.ต.อ.ศรีวราห์ และให้สั่งการให้ ร.ต.ต.มานัส ให้มารายงานตัวยังต้นสังกัดในวันที่ 19 ก.พ.2561 ซึ่งต่อมา พ.ต.อ.คัมภีร์ ได้มีคำสั่งกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล ที่ 3/2561 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยมี พ.ต.ท.เอกนิรุจน์ วันสิริภักดิ์ รอง ผกก.4 บก.ส.1 บช.ส. เป็นประธาน
    ขณะที่ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า การเข้าแถวต่อคิวรับอั่งเปาของตำรวจตามคลิบที่ปรากฏ ถือเป็นเรื่องตัวบุคคล ไม่ได้มองว่าเป็นการท้าทายอำนาจสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้ตำรวจนครบาล 1-9 ตรวจสอบว่าในซองดังกล่าวเป็นเงินหรือสิ่งใด และให้รายงานผลมา ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบผล จึงยังไม่สามารถตอบได้ 
    "นอกจากนี้จะต้องตรวจสอบว่าผู้กำกับการแต่ละ สน. ปล่อยปละลูกน้องหรือไม่ หากจริงจะต้องถูกดำเนินการด้วย เพราะถือเป็นการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา หากผลออกมาเป็นเช่นไร ก็พิจารณาดำเนินการตามกฎระเบียบและความเหมาะสม เพราะกรณีนี้ถือว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับวินัย มีขั้นตอนการลงโทษตามระเบียบอยู่แล้ว ยืนยันไม่มีการปกป้องแน่นอน" รองผบ.ตร.กล่าว
    พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคลิปตำรวจรับซองอั่งเปาว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลสอบสวนข้อเท็จจริงที่ บก.น.7 ดำเนินการว่าผู้ที่เกี่ยวข้องมีความผิดทางวินัยหรืออาญาหรือไม่ คาดจะทราบผลใน 7 วัน 
    "เบื้องต้นได้รับรายงานเป็นการให้ซองตามธรรมเนียมของวันตรุษจีนของ ร.ต.ต.มานัส ในลักษณะพี่ให้น้อง ที่เปิดบ้านทำบุญเลี้ยงพระเป็นประจำทุกปี โดยมีข้าราชการตำรวจในสังกัด บก.น.7 ประมาณ 60 นายเข้าแถวรับซอง ขณะที่ในซองพบมีทั้งผ้ายันต์และเงินสดประมาณ 500 บาท" พล.ต.ท.ชาญเทพกล่าว 
    ผบช.น.กล่าวว่า ตามกฎหมายของ ป.ป.ช. ข้าราชการมีสิทธิรับของขวัญหรือเงินสดได้ไม่เกิน 3,000 บาท แต่ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกคำสั่งห้ามข้าราชการตำรวจเรียกรับผลประโยชน์ในเทศกาลต่างๆ โดยเฉพาะตรุษจีน ซึ่งเจตนาของคำสั่งดังกล่าวคือการห้ามข้าราชการตำรวจตระเวนไปรับซองตามบริษัท ห้างร้านต่างๆ เพราะดูไม่เหมาะสม ดังนั้นเรื่องนี้ดูแล้วไม่น่ามีความผิดทางอาญา แต่ถ้าจะผิดอาจผิดทางวินัย
    ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีตำรวจเข้าคิวรับอั่งเปาว่า ต้องดูว่ารับกับใคร กระทบกระเทือนกับการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบคนที่ให้คือผู้มีอิทธิพล ยศ ร.ต.ต. นายตำรวจรับราชการอยู่ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคยเรียกในฐานะผู้มีอิทธิพลให้มารายงานตัว ซึ่งจะเป็นปัญหาเรื่องผลประโยชน์ขัดกัน
    นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ระบุรายได้กว่าล้านบาทต่อปี แต่มีรายได้จากแหล่งอื่นอีกว่า เรื่องนี้จะเกิดคำถามว่ารายได้ดังกล่าวสัมพันธ์กับการดำรงตำแหน่งหรือไม่ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบต่อไป และอดีต ผบ.ตร.ต้องชี้แจงให้ได้ 
    ส่วน พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ กล่างถึงกรณีอดีต ผบ.ตร.ระบุอาชีพตำรวจเป็นเพียงไซด์ไลน์ว่า คนที่พูดแบบนี้ไม่ควรเป็นตำรวจ เพราะการที่คุณเป็นตำรวจ คุณต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง มีความตั้งใจทำงาน และมีความยุติธรรมในใจ บ้านเมืองถึงจะสงบเรียบร้อย หากแค่เอาเครื่องแบบตำรวจมาใส่แล้วไปทำมาหากินทางอื่น แม้จะมีความได้เปรียบ เนื่องจากสามารถไปหากินกับบ่อนก็ได้ กับซ่องก็ได้ หรือผู้ค้ายาเสพติดก็ได้
    “การพูดแบบนี้ทำลายสถาบันตำรวจ ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อถือ ขนาดตำรวจชั้นผู้ใหญ่ยังมองอาชีพตำรวจแบบนี้ จะทำหรือไม่ทำก็ได้ ซึ่งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น ต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง จึงต้องตั้งใจทำงานอย่างเคร่งครัด เข้มแข็ง และทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ หากผมเป็นผู้มีอำนาจ คงเสนอถอดยศไปแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แล้วยังหมิ่นเหม่กับมาตรา 112 อีกด้วย ซึ่งเมื่อพูดไปแล้ว ผมไม่ได้ต้องการให้มีการขอโทษประชาชน เพราะก่อนจะพูดอะไรออกมาท่านต้องคิดก่อนอยู่แล้ว แต่ขอให้รู้ไว้ว่าคำพูดดังกล่าวนอกจากสร้างความเสื่อมเสียให้ตำรวจแล้ว ยังลามไปถึงผู้ที่เลือกท่านขึ้นมาดำรงตำแหน่งและรัฐบาล” พล.ต.อ.ประทินกล่าว
    อดีตอธิบดีกรมตำรวจกล่าวว่า ในการปฏิรูปตำรวจเคยเสนอไปให้ยุบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยแบ่งเป็นตำรวจส่วนกลางและตำรวจส่วนท้องถิ่น ในลักษณะเดียวกับสหรัฐอเมริกา ที่มีเอฟบีไอและตำรวจท้องถิ่น โดยตำรวจท้องถิ่นไม่สามารถแต่งตั้ง-โยกย้ายออกนอกพื้นที่จังหวัดได้ โดยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขึ้นกับผู้ว่าราชการจังหวัด โดยรับเงินเดือนจากงบประมาณของแต่ละจังหวัด ซึ่งจะช่วยให้ตำรวจมีความมั่นคงในชีวิต เข้าใจปัญหาของแต่ละพื้นที่อย่างถ่องแท้ เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่มาเป็นระยะเวลานาน และภาคประชาชนยังสามารถช่วยเป็นหูเป็นตาในการทำงานของตำรวจได้อีกทางหนึ่ง
    วันเดียวกัน ร.ต.อ.รชต พุ่มพันธุ์ม่วง บุตรชายพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.) เพื่อเอาผิดกับบุคคลที่โพสต์ข้อความใส่ร้าย กรณีเครือข่ายค้ามนุษย์และฟอกเงิน ร่วมกับนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ บุตรชายนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของวิคตอเรีย ซีเครท
    ร.ต.อ.รชตกล่าวว่า ได้แจ้งความร้องทุกข์ในข้อหาหมิ่นประมาทกับบุคคลที่พาดพิงใส่ความในโซเชียลมีเดียทางแอปพลิเคชันไลน์ ซึ่งมีข้อความอันเป็นเท็จและทำให้เสื่อมเสีย โดยใช้ลิงก์ข่าวของสื่อสำนักหนึ่ง แต่ในเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกันเลย รวมถึงมีการพิมพ์ข้อความเพิ่มเติมลงไปด้วย
    "ผมไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีค้ามนุษย์หรือคดีฟอกเงินแต่อย่างใด ไม่เคยรับรู้และยุ่งเกี่ยว แค่เพียงรู้จักกับนายธนพลเท่านั้น โดยส่วนตัวสามารถรู้จักได้ทุกคน แต่ใครจะเป็นอะไรไม่อาจตัดสินแทนกันได้ จึงมาใช้สิทธิปกป้องตัวเอง" บุตรชาย พล.ต.อ.สมยศกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"