ฉีกข้อเสนอฟันป้อม บิ๊กตู่ฉุนสร้างความสับสน 'ต่อ'ย้อนที ขรก.โดนระนาว


เพิ่มเพื่อน    

    "ประยุทธ์" หงุดหงิดประธานอนุ คตช. หาทำให้วุ่นวาย เกิดปัญหาสับสนอลหม่านไปหมด หลังส่งหนังสือให้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อป้อมนาฬิกาหรู อ้างรอสอบก่อน หากผิดก็เข้าสู่กระบวนการศาลยุติธรรม "ต่อตระกูล" สวนทีข้าราชการอยู่ระหว่างตรวจสอบยังสั่งย้ายหรือพักงานเป็นจำนวนร้อยๆ คน ยันเป็นห่วงเพราะนานทีมีนายกฯ เอาจริงกับปราบโกง แต่ปล่อยกรณีนี้จะเกิดผลกระทบโดยตรง
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ถึงกรณีนายต่อตระกูล ยมนาค ประธานอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติด้านการป้องกันการทุจริต ในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะเป็นประธาน คตช. แสดงความกังวลต่อบทบาทของ คตช.ในสถานการณ์ปัจจุบัน หลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องนาฬิกาหรูว่า เป็นเรื่องของ คตช. ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการตรวจสอบอยู่แล้ว เป็นเรื่องของกระบวนการตรวจสอบ ไม่อยากให้มาพูดจนวุ่นวายไปหมด 
    “ทำเรื่องการทุจริต แต่ก็อย่าทำให้มันวุ่นวาย ให้มันมีปัญหา ให้มันสับสนอลหม่านไปหมด ให้กลไกในการตรวจสอบทำไป และถ้าตรวจสอบมาแล้วมีการทำความผิดจริง ก็เข้าไปสู่กระบวนการของศาลยุติธรรม ศาลตัดสินออกมา ก็เป็นเรื่องของศาล ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยสำรวจดัชนีสถานการณ์การทุจริตคอร์รัปชัน พบว่าปี 2560 มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะสูงสุดในรอบ 3 ปี และสถานการณ์คอร์รัปชันในปี 2561 นี้จะรุนแรงมากขึ้นว่า  เรื่องนี้ตนเช็กแล้ว ได้เรียกทางมหาวิทยาลัยหอการค้าฯ มาพบ ซึ่งได้รับแจ้งว่าเป็นการชี้แจงทางหลักการวิชาการเฉยๆ ซึ่งไม่ได้มีหลักฐานชัดเจน เพียงแต่ว่าเป็นการประมาณการประเมินสถานการณ์เท่านั้น 
    นายกฯ และหัวหน้า คสช.กล่าวว่า ถ้าเราจะจับให้ได้จริงๆ ว่าทุจริตจริงๆ เท่าไหร่ มันต้องไปหาคนให้หลักฐานมา แต่ถ้ากลัวกันหมด กลัวว่าวันหน้าจะไม่ได้ทำโครงการของรัฐ เพราะเป็นคนมาเปิดเผยข้อมูล แล้วเราจะสะอาดบริสุทธิ์กันได้เมื่อไหร่ แบบนี้ก็แก้ไม่ได้หรอก รัฐบาลก็แก้ไม่ได้ ต่อให้สิบรัฐบาลก็แก้ไม่ได้ ร้อยนายกฯประยุทธ์ก็แก้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องร่วมมือกัน ข้อมูลต้องชัดเจน ซึ่งการนำเสนอลักษณะแบบนี้บางทีมันอาจจะมีผลเสียกับประเทศ โดยเฉพาะต่างประเทศจะมองว่าเรามีทุจริตมากขึ้น ก็จะมีผลต่อการลงทุนหรือไม่ 
    "ความจริงวันนี้เขาพร้อมลงทุนในประเทศเรา แต่พอข่าวแบบนี้ออกไปก็จะเสียหายได้ แต่ผมไม่ได้หมายความว่าจะให้ปกปิดข้อเท็จจริง ไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศ ถ้าใครทุจริต ผมไม่ละเว้นแน่ ด้วยขั้นตอนตามกฎหมาย ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะลงโทษใครก็ได้ ผมไม่เคยลงโทษแบบนั้น” นายกฯ กล่าว และว่า เรื่องนี้มีอาจารย์ที่ทำโพลแห่งหนึ่งมาอธิบายผ่านรายการเดินหน้าประเทศไทยแล้ว ลองไปดูกัน ไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะทำโครงการอะไรขึ้นมาแล้วจะต้องมีการทุจริตเท่านั้นเท่านี้ มันไม่ใช่บัญญัติตรายาง ไปคิดใหม่ ต้องดูว่าใครผิดตรงไหน ก็ลงโทษตรงนั้น
    พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ติดเชื้อเอดส์ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งในหลายจังหวัดว่า เรื่องการทุจริตในเรื่องดังกล่าวพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้รายงานให้ตนรับทราบว่ามีการตรวจสอบทุจริตตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งกำลังตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่ปรากฏว่าล่าช้า ก็ต้องไปดูว่าทำไมล่าช้า ในเมื่อตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ต้องไปดูว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง โดยตนได้สั่งการไปว่าจะต้องลงโทษทุกคนที่มีหลักฐานเกี่ยวข้อง เรื่องที่เกิดเราก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องไปตรวจสอบ เพราะการเซ็นรับเงิน การเบิกจ่ายเงินนั้น ต้องทำเป็นกระบวนการ และมีคนข้างในร่วมมือ สิ่งเหล่านี้เกิดมาตั้งนานแล้ว ก่อนที่จะรัฐบาลนี้จะเข้ามา
    “นี่คือสิ่งที่ต้องแก้ปัญหา ทั้งรัฐบาล ส่วนราชการ หน่วยงานที่ตรวจสอบ ตัวผู้ปฏิบัติงานต้องมีจิตสำนึก ผมก็ไม่คิดว่าจะกล้าทำขนาดนี้ หากตรวจสอบพบตามหลักฐานที่มีอยู่ ใครที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม หรือคนที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่หากปล่อยปละละเลยก็ต้องลงโทษทางวินัย ผมเตือนทุกกระทรวง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้ประกาศในที่ประชุม ครม. ว่าหากใครมาแอบอ้าง ป.ปลา ไปสั่งการนู้นนี่ แจ้งมาได้เลย หรือบอกไปที่ตัว พล.อ.ประวิตรเองได้เลย ซึ่ง พล.อ.ประวิตรก็จะดูแลและรักษาความลับให้ ฉะนั้นอย่าไปเชื่อคนที่มาแอบอ้าง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    เมื่อถามว่า ควรให้กระทรวง พม.ปรับเปลี่ยนวิธีการเบิกจ่ายเงินหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องไปดู เพราะมีหลายส่วนร่วมกัน ทั้งข้าราชการเลวๆ ประชาชนกลุ่มหนึ่งที่อยากได้เงิน ตนไม่อยากจะพูด สมัยก่อนมีคนจากฝ่ายการเมืองเอาโครงการที่เขาอ้างว่าไปดูแลคนจน เอางบประมาณต่างๆ ลงไปถึงตรงไหนก็ตรงนั้น ไม่ใช่แค่กระทรวงนี้ด้วย เอาโครงการลงไป แล้วไปหาคนที่อยากได้ก็เอาเข้ามาเสนองบ แล้วก็มีข้าราชการที่ไม่ดีร่วมมือ
    พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ระบุในที่ประชุม ครม.พบมีการแอบอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตร, พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ว่า จริงๆ เริ่มจากช่วงข้อสั่งการรองนายกฯ โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวตอนหนึ่งว่า "ผมไม่เคยสั่งการใครในทางที่ผิดกฎหมาย หรือให้ไปล็อบบี้ใคร ถ้าใครไปแอบอ้างโดยเฉพาะชื่อผมให้มาแจ้งกับผมเลย ผมจะเอาเรื่องไอ้คนนั้น"
    พล.ท.สรรเสริญเล่าต่อว่า จากนั้นนายกฯ จึงได้พูดขึ้นว่า ได้ข่าวมาเหมือนกัน อ้างชื่อ 3 ป. พล.อ.ประยุทธ์, พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา (ป๊อก) รมว.มหาดไทย ยืนยันเลยว่าทั้งตน พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ ไม่เคยสั่งการอะไรเหล่านี้ และเชื่อมั่นองคาพยพที่เลือกมาใน ครม.ไม่มีบุคลิกเช่นนี้เหมือนกัน  เพราะฉะนั้นทุกคนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ทำงานของตัวเองแล้ว ยังต้องตรวจสอบคนในอาณัติของตัวเองด้วยว่าได้อยู่ในกติกา ระเบียบวินัย สิ่งที่ดีงามหรือไม่ หรือไปเบียดเบียนประชาชน
    ขณะที่ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีการปลอมลายมือชาวบ้านเพื่อเซ็นรับเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ติดเชื้อเอดส์ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งในจังหวัดต่างๆ ว่าเรื่องดังกล่าวมีความคืบหน้าไปมาก เราทำจริงจังอยู่แล้ว และมีการลงพื้นที่ตรวจสอบเต็มที่ควบคู่ไปด้วย ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินการเรื่องนี้อยู่ เราตรวจสอบหมดอยู่แล้ว และตรวจสอบก่อน ป.ป.ท. แต่เราเป็นหน่วยราชการ มีขั้นตอน ถ้าพูดไปก่อนจะไม่ดี ป.ป.ท.เป็นหน่วยงานตรวจสอบ สามารถพูดไปก่อนได้
    ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากศูนย์ที่ จ.เชียงใหม่และ จ.ขอนแก่นแล้ว ยังมีศูนย์ที่จังหวัดไหนที่ผิดปกติอีกหรือไม่ พล.อ.อนันตพรกล่าวว่า เราลงพื้นที่ทั้งหมดทุกจังหวัด  แต่ยังไม่อยากพูด เมื่อเจ้าหน้าที่กลับมาเขาจะมารายงานให้ทราบ แล้วจะมาวินิจฉัยว่ามีมูลหรือไม่ ถ้ามีมูลจะให้ย้ายไปช่วยราชการก่อน ซึ่งที่ จ.ขอนแก่นและ จ.เชียงใหม่ เราได้สั่งย้าย ผอ.ศูนย์คนไร้ที่พึ่งและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว ยืนยันว่าผลตรวจสอบจะแล้วเสร็จไม่เกิน 1 เดือน เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจน ขณะเดียวกัน ระบบราชการจะมีทั้งอุทธรณ์และฎีกา ซึ่งต้องยอมรับสภาพตรงนี้ด้วย แต่ถ้าของ ป.ป.ท.จะลงโทษได้เลย  อย่างไรก็ตาม ขอให้ ป.ป.ท.แจ้งเรามา เรายินดี ถ้าออกข่าวทางสื่ออย่างเดียวแล้วไม่แจ้งเรา เราไม่กล้าที่จะดำเนินการทันที เพราะต้องไปตรวจสอบซ้ำอีก
    “ป.ป.ท.ไม่ได้แจ้งรายละเอียดให้เราเป็นทางการ มีเพียงการแจ้งผ่านสื่อ ซึ่งพอเป็นแบบนี้เราลำบาก ต้องไปตรวจสอบซ้ำ ให้มีหลักฐานเพื่อให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการ หาก ป.ป.ท.แจ้งเรามาเป็นทางการ จะถือว่ามีมูลดำเนินการได้ทันที ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งเฉย ถ้าพบลงโทษแน่นอน วันนี้เราก็เริ่มดำเนินการแล้ว” พล.อ.อนันตพรกล่าว
    ด้านนายทองสุข ณ พล นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. เขต 4 จ.ขอนแก่น ให้สัมภาษณ์ว่า เราจะไม่ตอบโต้หรือโต้แย้งตามที่ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ระบุว่า ป.ป.ท.กล่าวหาลอยๆ ในการตรวจสอบข้อเท็จริงที่เกิดขึ้น เราทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และเป็นไปตามคำส่งของเลขาธิการ คสช.และผู้บริหารของ ป.ป.ท. ซึ่งขณะนี้ รักษาการเลขาธิการ ป.ป.ท.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเองแทบจะทุกพื้นที่ โดยมีคณะทำงานลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อให้การทำงานทุกขั้นตอนรัดกุม มีความคืบหน้ารายงานให้กับ คสช. รวมทั้งสังคมที่ติดตามข้อมูลข่าวสารนี้ได้รับทราบ 
    นายทองสุขกล่าวต่อว่า ขณะที่การสอบสวนผู้ที่มีรายชื่อทั้ง 2,000 รายในพื้นที่ขอนแก่นนั้น ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ต้นเรื่องได้มีการระดมพนักงานสืบสวนสอบสวนมือดีของ ป.ป.ท. มาทำการสอบปากคำทุกรายเพื่อให้เสร็จทันตามระยะเวลาที่กำหนด จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนของการเรียกตัวผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้ง 6 คนมารับทราบข้อกล่าวหา และจะมีการสรุปสำนวนส่งให้ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ท.ชี้มูลความผิดและสั่งฟ้องต่ออัยการตามขั้นตอนการทำงานของ ป.ป.ท.
    วันเดียวกัน นายต่อตระกูล ยมนาค ประธานอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติด้านการป้องกันการทุจริต ในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ระบุกรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร รอการตรวจสอบก่อน อย่าทำให้มันวุ่นวายมีปัญหาว่า ทราบว่าขณะนี้นายกฯ ได้รับจดหมายแล้ว กำลังให้เลขาธิการนายกฯ ตอบกลับมาอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าใจว่าน่าจะตอบกลับมาว่าให้รอการตรวจสอบเหมือนที่ท่านให้สัมภาษณ์ แต่หากนายกฯ ได้อ่านจดหมาย จะเห็นว่าเราได้เขียนไปแล้วว่า แม้จะอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่นายกฯ สามารถทำได้ 
    "เราเคยเห็นนายกฯ ทำกับข้าราชการที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบมาแล้ว มีการสั่งย้ายหรือพักงานเป็นจำนวนร้อยๆ คน ดังนั้นมันอยู่ในอำนาจของนายกฯ" นายต่อตระกูลระบุ และว่า ในจดหมายเราไม่ได้บอกว่า พล.อ.ประวิตรผิด เพียงแต่ไม่ได้รายงานทรัพย์สินชนิดหนึ่งคือหนี้สิน จริงๆ เราแน่ใจอยู่แล้วว่านายกฯ จะให้รอกระบวนการ แต่ตนทำงานร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มา ตนรู้ว่าขนาดบางเรื่องเป็นเรื่องเล็กๆ ยังสอบกันไปปีสองปียังไม่จบเลย
    ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไร หลังนายกฯ ให้รอกระบวนการตรวจสอบก่อน ประธานอนุกรรมการคตช.กล่าวว่า จริงๆ เรื่องนี้มันไม่ได้กระทบต่อกรรมการ คตช.เท่าไร แต่กระทบกับนายกฯ โดยตรง เราห่วงใยนายกฯ จริงๆ เพราะนานๆ ทีจะมีนายกฯ ที่เอาจริงเอาจังกับการปราบปรามการคอร์รัปชัน และมีอำนาจที่ทำได้ด้วย และยังเป็นนายกฯ ที่มีภาคเอกชนมาร่วมมือมากที่สุด เราก็เสียดาย คนรอบข้างคงไม่ได้บอกท่านว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องซีเรียส สำคัญ และมันกระทบต่อตัวนายกฯ จริงๆ 
    "สำหรับผมไม่ได้เสียอะไรหรือเดือดร้อนอะไร หากนายกฯ ปล่อยไว้เฉยๆ มีแต่นายกฯ ที่ได้รับผลกระทบกับการปล่อยไว้ จึงหวังว่าคนรอบข้างจะช่วยพูดกันหน่อย" นายต่อตระกูลกล่าว
    เมื่อถามว่า แม้นายกฯ ไม่ทำตามข้อเรียกร้องในจดหมาย ก็ไม่ลาออกจาก คตช.ใช่หรือไม่ นายต่อตระกูล กล่าวว่า ตนก็อยู่ช่วยคอยบอกและคอยเตือน ทำหน้าที่ของเรา ในฐานะที่นายกฯ เลือกตนมาเป็น คตช.เอง ตนก็มีสิทธิ์พูด.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"