ฉะอาจารย์สอนนศ.ป่วน


เพิ่มเพื่อน    

    “ประยุทธ์” ยกศาสนาพุทธสอนให้ปรองดอง-สันติสุข อบรม “อาจารย์-นักวิชาการ” อย่าเสี้ยมนิสิต-นักศึกษาเลียนแบบฝรั่งมังค่า ชี้มีแต่ทำให้เกิดความสูญเสีย เตือนกลุ่มอยากเลือกตั้งเห็นหัวอกพ่อแม่บ้าง ส่งเสียให้เรียนแต่มาชุมนุม “บิ๊กป้อม” เผยอาจมีมากกว่า 3 กลุ่ม นายกฯ ลั่นไม่ล้มกฎหมายลูกแน่นอน พร้อมปัดทิ้งสารพัดเรื่องไสยศาสตร์ ผงะ! เกิดเหตุอีกาจิกซากนกพิราบกลางทำเนียบฯ
    เมื่อวันอังคารที่ 20 ก.พ. ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำคณะผู้บริหารกรมการศาสนา และองค์กรเครือข่ายทางพระพุทธศาสนา เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อรณรงค์เชิญชวนประชาสัมพันธ์จัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลมาฆบูชาประจำปี 2561 ซึ่งนายกฯ ได้เขียนคำว่า  "อุทิศถวาย" พร้อมข้อความ "ตักบาตร ภาวนา เมตตา สร้างบุญ" ในการ์ดวันมาฆบูชา 
จากนั้นเด็กนักเรียนได้ร้องเพลงวันมาฆบูชา โดยนายกฯ ได้ถามเด็กนักเรียนว่า ใครตอบลุงได้บ้างทำไมเรียกคำว่า จาตุรงคสันนิบาต ซึ่งเด็กนักเรียนตอบว่า คือการทำความดีละเว้นความชั่ว นายกฯ ได้ตอบว่า นั่นใช่อยู่แล้ว พร้อมบอกว่าสิ่งที่มหัศจรรย์วันนี้คือ 4 อย่าง หรือจาตุรงคสันนิบาต ต้องสอนเด็กแบบนี้ สอนให้หาแก่น สาระสำคัญของศาสนาพุทธ คือ สังคมแห่งความปรองดอง สังคมแห่งสันติสุข ศาสนาพุทธสอนแบบนี้ ไม่ได้สอนให้มาทะเลาะขัดแย้งกัน มีอะไรก็พูดจาหารือกัน นั่นแหละสังคมไทย ใครที่ไม่ได้ทำให้สังคมเป็นแบบนี้ก็แย่ เข้าใจไหม ลุงก็ทำให้พวกเรา ไม่ได้ทำให้คนอื่น เรียนหนังสือเก่งแล้วก็ขอให้เป็นคนดีด้วย อดทนหน่อย บ้านเมืองมีปัญหาพอสมควรแล้ว อย่าให้มีอีกเลย
    หลังจากนั้นนายกฯ ยังได้เขียนข้อความลงในการ์ดบูชามาฆบูชาอภิวันท์ว่า "อยากให้คนไทยทุกคนเข้าถึงแก่นแท้ของพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่ทำให้คนมีความสุข อิ่มเอมใจ ขอให้นำสู่การประพฤติปฏิบัติเพื่อบ้านเมืองของเราทุกคน"
    จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เด็กทุกคนเหมือนผ้าขาวที่พับไว้ โดยเป็นผ้าที่บริสุทธิ์ ซึ่งจะเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ ผ่านการสั่งสอนจากครอบครัวและครูบาอาจารย์ เพราะฉะนั้นครูอาจารย์ก่อนจะสอนอย่างอื่นต้องสอนให้เด็กอยู่ในกรอบศาสนา อยู่ในศีลในธรรม อย่าไปสอนเรื่องความขัดแย้งก่อน ไม่เช่นนั้นผ้าขาวจะไม่บริสุทธิ์ เพราะบางครั้งพื้นฐานหลักคิดของเด็กยังมีไม่เพียงพอ ถ้าไปรับหรือสอนแนวคิดแบบต่างประเทศ ก็จะไปกันใหญ่ทั้งหมด เพราะเด็กคือพลังสำคัญของการขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งต้องขับเคลื่อนในทางที่ถูกและดี
    “วันนี้ผมเป็นห่วงนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหว ถามว่าการที่ไปเอาหลักการของต่างประเทศเข้ามา และต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้เพื่อต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศ แต่ลืมดูไปว่าตอนที่ต่างประเทศเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้นมีการบาดเจ็บและสูญเสียไปเท่าไหร่ กี่แสนกี่ล้านคน แล้วเราจะเปลี่ยนแบบเขาหรือ เพราะเราเองสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในทางที่สงบ ในทางที่ไม่เกิดความขัดแย้งสูญเสีย ผมจึงขอฝากครูอาจารย์ที่ออกไปสนับสนุนด้วย อย่าสอนเด็กเหมือนทุกวันนี้ ซึ่งหลายท่านเองก็ไม่เคยทำงานทำการ จบด้านวิชาการออกมาแล้วก็ไปสอน และขอฝากสื่อด้วยว่าอย่าไปขยายข่าวแบบนี้ให้มากนัก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ย้ำอย่าเลียนแบบฝรั่ง
    พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า วันนี้ครูต้องสอนให้สังคมเกิดความสงบ จะใช้วิธีการใดนั้นไม่รู้ อย่าเอาแค่แบบอย่างของต่างประเทศมาเท่านั้น เพราะเขาได้บาดเจ็บสูญเสียล้มตายไปเท่าไหร่ เนื่องจากความไม่พร้อม วันนี้ของเราพร้อมอยู่แล้ว เราต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ที่ประเทศมีความสงบเรียบร้อยไม่ดีกว่าหรือ ขอร้องว่าอย่าฝืนกฎหมายกันอีกเลย ตนเองใช้ความอดทนสูงอยู่แล้วล่ะ ขอให้สังคมช่วยกันดูแลด้วย พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้บอกกับนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมด้วยว่า “ให้เป็นคนดี เดี๋ยวลุงจะไปทำงานเพื่อทุกคน ใครไม่รู้ค่าก็ช่างเขาเถอะ”
    จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินไปอ่านป้ายรณรงค์เนื่องในวันมาฆบูชา ซึ่งมีป้ายงดดื่มแอลกอฮอล์ เขียนข้อความว่า “เมียสั่งมา” โดยนายกฯ กล่าวว่า “ทำไมต้องให้เมียสั่ง ของแบบนี้ต้องรู้ตัวเองอยู่แล้ว อย่าให้ต้องไปเป็นภาระของเมีย” ส่วนอีกป้ายที่เขียนว่า ”โกหกไม่ดีเป็นบาปนะคะ” พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า “ใช่แล้ว การโกหกเป็นบาป ในวันนี้หลายคนก็โกหกด้วย อยากถามว่าไม่กลัวบาปหรืออย่างไร ซึ่งผลของการโกหกก็จะเกิดในชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า ทุกคนต้องเกรงกลัวต่อบาป ประเทศไทยเองก็ต้องมีหิริโอตตัปปะ คือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป ตัวเองก็จะได้ไม่ทำความชั่ว ตัวเองไม่ต้องบอกคนอื่น ขอให้บอกตัวเอง”
    ต่อมาในช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ตอบข้อซักถามถึงกรณีกลุ่มคนอยากเลือกตั้งประกาศชุมนุมเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่เดือน มี.ค.-พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ไม่ได้ไปขัดแย้งกับท่าน อยากจะเลือกก็อยากเลือก แต่ท่านอย่าทำให้บ้านเมืองขัดแย้งจนเกิดความเสียหาย การประกาศชุมนุมเพิ่มขึ้นจะไปดูว่าผิดกฎหมายหรือเปล่า แล้วประชาชนจะไปร่วมหรือไม่ หลายคนไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เขาชวนก็มา วันก่อนจำได้ว่ามีโพลอะไรออกมาสักอย่าง ที่ถามประชาชนถึงความเข้าใจรัฐธรรมนูญ พบว่ามีคนไม่รู้เรื่องรัฐธรรมนูญกว่า 30% มันน่ากลัวหรือไม่ น่ากลัวนะ แล้วอะไรอย่างอื่นที่เขายังไม่รู้อีก แล้วเราจะถูกชี้นำโดยคนไม่กี่คนนี่หรือ สื่อต้องช่วยในการทำความเข้าใจรัฐธรรมนูญว่าอย่างไร กฎหมายเลือกตั้งมุ่งหมายอะไร ซึ่งหลายคนเขาถือว่าไกลตัว แต่ถึงเวลาก็ไปเลือกตั้ง แล้วมันเกิดอะไรขึ้น สื่อก็ต้องช่วยทำความเข้าใจ เพราะเป็นความสำคัญของประเทศชาติ ว่าจะเดินหน้าต่อไปกันอย่างไรด้วยคนทั้งประเทศ
    “หลายคนอาจอยากออกไปเลือกตั้ง หลายคนก็บอกไม่ออกดีกว่า ให้ คสช.อยู่ต่อ มันไม่ได้ทั้งนั้นครับ มันต้องออกไปเลือกตั้ง โดยเลือกตั้งให้ครบ ให้หมดทุกคน จะเลือกใครก็ว่าไป และในนั้นเขาก็ให้กาอีกอันคือไม่เลือกใครก็ได้ ต้องไปดูว่ากฎหมายเขียนว่าอย่างไร ถ้าไม่เลือกใครเลยมากกว่าที่เลือกมันจะเป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้น ต้องดูข้อกฎหมาย รัฐธรรมนูญ พอเลือกตั้งต้องไปดูกัน ไม่งั้นก็มาตั้งกฎหมายลูก พูดกันอยู่แค่นี้ ไม่มีสาระอะไรเลย บ้านเมืองก็สับสนอลหม่านกันหมด ฝากให้ทุกคนดูด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
แนะคิดถึงหัวอก"พ่อ-แม่" 
    พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า เรื่องการชุมนุม ถ้ามันผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ก็ไม่อยากให้พี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่รู้ข้อเท็จจริงไปร่วมมือกับเขา แล้ววันหน้าจะลุกลามหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทำนายไม่ได้ แต่เราทำไมไม่ป้องกันไว้ก่อนไม่ได้หรือ มาตรา 44 ห้ามชุมนุมอะไรนั้น ไม่ต้องการให้มีเรื่อง มันต้องป้องกันไว้ก่อน เป็นกฎหมายเชิงป้องกัน และไม่เคยใช้อำนาจมาตรา 44 หรือ คสช.ไปลงโทษ ถ้าจะลงโทษก็จับติดคุก 2 ปี ได้ทั้งหมด ก็ให้ไปเข้ากระบวนการยุติธรรมทั้งหมด และวุ่นวายไปหมด เราก็ต้องไปหาวิธีการที่เหมาะสมว่าจะทำอย่างไร
    “นักศึกษา นิสิต ผมคิดว่าสงสารพ่อแม่บ้างเถอะ ต้องไปดูพวกนี้เรียนมากี่ปีแล้ว จะจบเมื่อไร ไม่งั้นก็ไม่จบหรอก เรียนจบมาก็เป็นแบบนี้ อย่าไปคิดว่าเราต้องไปเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง และอย่าลืมว่าการเปลี่ยนแปลงโดยทำให้บ้านเมืองเสียหาย ประชาชนเดือดร้อนบาดเจ็บล้มตาย มันไม่ใช่เรื่องในวันนี้ ต่างประเทศเขาทำมา 200 กว่าปีที่ตายเจ็บกันขนาดนั้น ของเราเพิ่งจะเริ่มมาไม่กี่ปีนี้ โดยที่เป็นความขัดแย้งระหว่างประชาชนด้วยกัน อย่าให้มันเกิดอีกเลย วันนี้พูดเสียเหนื่อยเลย สื่อจดอะไรได้บ้างก็ไม่รู้ การแก้ไขปัญหาทุกอย่างไม่ใช่ง่าย แต่เราก็จะทำ เพราะเราใจเพชร” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวในประเด็นนี้ว่า ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย กฎหมายว่าอย่างไรเราต้องยึดตามนั้น ฝ่ายความมั่นคงไม่จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการอะไร เราจะดูแลเหมือนที่ผ่านมา 
    เมื่อถามถึงกรณีสั่งให้จับตาการเคลื่อนไหวของ 3 กลุ่ม รวมถึงตรวจสอบท่อน้ำเลี้ยง มีข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ยังไม่มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติม และไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่อาจมีมากกว่า 3 กลุ่มก็ได้
    ถามถึงการนัดชุมนุมในวันที่ 22 พ.ค.ที่จะครบ 4 ปีรัฐประหาร จะมีความวุ่นวายหรือไม่ พล.อ.ประวิตรยืนยันว่า ไม่ คนไทยรู้อยู่แล้ว เราทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความสงบ ที่ไม่สงบก็เพราะสื่อถามไม่ให้สงบ ตอนนี้ไม่มีอะไร ทุกอย่างสงบดี ประชาชนอยู่ดีกินดี ไม่มีอะไร
    ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สำนักเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ณ กรุงลอนดอน เชิญชวนสมาชิกและนักกิจกรรมกว่า 7 ล้านคนทั่วโลก ส่งจดหมายเรียกร้องรัฐบาลไทยให้ยุติดำเนินคดีอาญาต่อกลุ่มนักศึกษาที่ร่วมกิจกรรมทางการเมืองเรียกร้องให้เลือกตั้ง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า การดำเนินการเรื่องนี้อยู่ภายใต้กฎหมายของไทย ต่างประเทศไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเราทำตามกฎหมายของเรา เมื่อกำหนดกฎหมายขึ้นมา เราก็ต้องใช้กฎหมายดังกล่าว ส่วนเหตุใดเขาต้องออกมาดำเนินการในช่วงนี้ คงต้องไปถามแอมเนสตี้
    ส่วนนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีผู้บัญชาการทหารบกระบุว่า ธรรมชาติของคนพออยู่นานคนก็รู้สึกเบื่อ อยากหาสิ่งที่ดีกว่า คนส่วนใหญ่อยากเลือกตั้งกว่า 50-60% นั้น ทำให้รู้สึกเบาใจ เพราะอย่างน้อยผู้นำกองทัพก็ยอมรับความจริงว่าคนส่วนใหญ่ต้องการเลือกตั้ง และ คสช.ปกครองประเทศมานานจนคนรู้สึกเบื่อแล้ว ซึ่งหวังว่าหัวหน้า คสช.จะสำเหนียกถึงความจริงดังกล่าว
    “ดีที่ ผบ.ทบ.ออกมายอมรับความจริง และพร้อมยืนอยู่ข้างคนส่วนใหญ่ที่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง หากกองทัพพร้อมยืนข้างประชาชนไม่เป็นกองหนุนเผด็จการ การเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดขึ้นโดยสันติ อย่าลืมเรียกคนของกองทัพกลับกรมกองด้วย ออกมาสร้างความเดือดร้อนทำให้ประชาชนเกลียดกองทัพนานแล้ว ส่วนเห็บหมัดทั้งหลายถ้าพร้อมตายไปกับเผด็จการก็ปล่อยไป แผ่นดินจะได้สูงขึ้น” นายวัฒนาโพสต์
ลั่นไม่มีล้มกฎหมายลูก
    สำหรับกรณีกระแสการคว่ำกฎหมายลูกเพื่อเลื่อนโรดแมปการเลือกตั้งออกไปอีกนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยากเน้นย้ำให้ทราบ เพื่อจะเลิกขัดแย้งและสร้างความวุ่นวายกันเสียที ในเรื่องกฎหมายลูก 2 ฉบับ ในความคิดของตนเองและรัฐบาล ได้ให้แนวทางไปแล้วว่าให้มีการแก้ไขตามคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ของแต่ละฝ่ายที่ได้พิจารณากันขึ้นมา จะไม่ลงไปก้าวล่วง
    “สิ่งที่ผมอยากจะฝากไว้คือจะไม่มีการล้มกฎหมายลูกโดยเด็ดขาด เป็นเรื่องการพิจารณาหาความร่วมมือร่วมกัน จึงต้องตกลงกันให้ได้ ใครจะเรียกร้องอะไรต่างๆ น่าจะยุติได้แล้ว หากกลัวจะล้มกฎหมายอะไร ผมยืนยันแล้วว่าไม่ให้ล้ม ถ้าไม่มีเหตุผลโดยสมควรมันล้มไม่ได้อยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณี กมธ.ร่วม 3 ฝ่ายได้ปรับแก้เนื้อหาในกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้กลับมาตามร่างเดิมของ กรธ.โดยไม่อนุญาตให้จัดมหรสพระหว่างหาเสียงเลือกตั้งว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด เป็นเรื่องที่ กมธ. 3 ฝ่ายพิจารณากันด้วยเหตุและผลไม่ใช่การเอาชนะคะคานกัน โดยเห็นว่าการจัดมหรสพไม่ได้ช่วยให้คนสนใจการเลือกตั้ง เหมือนการดูละครแล้วมีตัวหนังสือวิ่งอยู่ข้างล่าง คนดูก็ไม่ได้สนใจตัววิ่งข้างล่างเพราะสนใจแต่ละคร
    ส่วนกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ลางร้ายในทำเนียบรัฐบาล เพราะเกิดเหตุหลายครั้งนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่าไปมองเป็นเรื่องของโหราศาสตร์หรือมองในเรื่องฮวงจุ้ย หรือเรื่องอื่นๆ เพราะวันนี้เราเป็น 4.0 แล้ว ซึ่งก็ไม่ได้ไปลบหลู่ แต่ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ โดยในเรื่องที่มีรถของตำรวจถอยชนอ่างบัว เดี๋ยวว่าจะเรียกมาสอบถามเสียหน่อยว่าถอยรถอย่างไร มีใบขับขี่หรือเปล่า อ่างบัวอยู่ห่างถนนตั้งเยอะ ถอยไปชนได้อย่างไร เป็นตำรวจด้วยซ้ำ เดี๋ยวคงต้องฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูหน่อยว่ามันสอบใบขับขี่มาได้อย่างไร 
“ตอนแรกผมนึกว่าอ่างตั้งอยู่ติดกับถนน แต่ความจริงห่างตั้งเกือบเมตร ไม่รู้ว่าช่องมันแคบไปหรือเปล่า มีการถอยเข้าถอยออกจึงมีปัญหา แต่ก็มองว่าเป็นแค่เรื่องของอุบัติเหตุ ส่วนเรื่องกระถางของต้นข่อย ไม่รู้ว่าแตกมาตั้งแต่ชาติไหน กระถางใบนั้นมันเก่า และของเดิมพร้อมจะแตกอยู่แล้ว พอต้นไม้โตและรากเริ่มขยายมากขึ้นมันก็แตก เรื่องนี้ผมก็คงต้องไปโทษไอ้คนเปลี่ยนกระถาง ไม่ยอมเปลี่ยนเสียที มันก็เลยแตก”นายกฯ ระบุ
    เมื่อถามถึงเรื่องคนจุดธูป 36 ดอกเป็นความเชื่อทางโชคลางอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องธูปไม่รู้ว่าใครเป็นคนนำมาปัก ส่วนที่มีข่าวว่ามีคำสั่งให้ตรวจสอบคนที่นำธูปมาปักนั้น ก็ไม่รู้ว่ามีการตรวจสอบกันแล้วหรือยัง ไม่รู้ว่าหาตัวเจอหรือไม่ ซึ่งคนที่นำมาปักก็คงไม่อยากให้กล้องเห็น และไม่ได้หมายความว่าตนเองเป็นคนสั่งให้นำไปปัก ซึ่งคงไม่สั่งอะไรแบบนี้ ซึ่งต้องนึกถึงใจคนอื่นเขาบ้าง เขาอยู่ในทำเนียบรัฐบาล ข้าราชการหลายคนเขาก็อยากให้บ้านเมืองไปได้ เขาก็อาจไปอธิษฐานก็ได้ เขาไม่อยากให้ที่ทำเนียบฯ มีการเข้ามาชุมนุมกัน เขาเคยไม่ได้เข้ามาทำงานตั้งหลายเดือน มีการเปลี่ยนไปทำนาแทน ซึ่งมันใช่หรือไม่ สื่อต้องบอกแบบนี้บ้าง 
“หลายคนหวังดีมีเจตนาดีต่อบ้านเมือง นับถืออะไรก็ว่ากันไป ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลเขาทำไป แต่ในส่วนของรัฐบาล ผมไม่เคยไปสั่งให้ทำเช่นนั้น พอมีการติดโคมจีนสีแดงก็วิจารณ์ว่าติดเพื่อทำฮวงจุ้ย ยืนยันไม่มีเกี่ยวกับกระถางบัวอะไรสักอย่าง กระถางบัวก็คือกระถางบัว ขอให้รู้จักแยกแยะกันเสียบ้าง”
    ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาแถลงข่าวประมาณ 30 นาที โดยช่วงท้ายได้ปรารภว่า “สื่อจดอะไรไปได้บ้างก็ไม่รู้ หรือจดแค่เรื่องธูป 36 ดอก โหงวเฮ้ง ขอร้องว่าอย่าไปเสนอเรื่องที่มันสร้างความสงสัยอะไรกันต่อไปเลย
    มีรายงานแจ้งว่า ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เดินขึ้นไปยังตึกไทยคู่ฟ้า คล้อยหลังเพียง 15 นาที ปรากฏว่ามีซากนกพิราบที่เพิ่งตายใหม่ๆ อยู่บริเวณด้านหน้าทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้ากำลังถูกอีการุมทึ้งกินซากจนขนหลุดลุ่ย ตาหลุดถลนออกจากเบ้า กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเดินมาไล่อีกาและเก็บซากนกพิราบไปทิ้ง ซึ่งทำให้สื่อมวลชนพากันจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"