EEC ที่เป็น 'เซียมซี' ของนายกฯ


เพิ่มเพื่อน    

      มองประเทศไทย "วันนี้" กันไว้ให้เต็มตานะ

      นับจากนี้ไปอีก ๕ ปี..........

      EEC ของนายกฯ ประยุทธ์ จะเปลี่ยนลุกส์ประเทศ

      คือ เมื่อถึง พ.ศ.๒๕๖๖

      "กรุงเทพฯ-สมุทรปราการ-ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ศรีราชา-พัทยา-อู่ตะเภา-ระยอง"

      ระยะทาง ๒๒๐ กิโลเมตร จะเหมือนลูกชิ้นปิ้งถูกเสียบอยู่ในไม้เดียวกัน

      ด้วย "รถไฟความเร็วสูง" ๒๕๐ กม./ชม.

      เป้าหมายหลัก เพื่อเชื่อม ๓ สนามบิน "ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา"

      ให้ "ลัดนิ้วมือเดียว" ถึงกัน!

      โดยเฉพาะคนเดินทางทั่วโลก "หมดปัญหา-หมดกังวล" ด้านต่อเครื่อง

      ใครจะขึ้น-จะลงที่สนามบินไหน............

      จะไปต่อสนามไหน ระหว่าง "สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา"

      "ระยะทาง-เวลา-จราจร" ที่เป็นจุดอ่อนไทย

      พลัน ๓ สนามบินเชื่อมถึงกัน จุดอ่อนนั้น พลันเป็นจุดแข็ง

      รถไฟความเร็วสูง นี้.......

      ทำให้ "ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา" เหมือน "จากตูดมาก้น"!

      อย่างดอนเมือง-อู่ตะเภา ปรื๊ดเดียว แค่ ๔๕ นาที ถึงแล้ว!

      และตามแผน จะต่อยาวไปถึง "จันทบุรี-ตราด"

      กรุงเทพฯ-ตราด จากครึ่ง-ค่อนวัน เหลือ ๑๒๐ นาที โทร.สั่งก๋วยเตี๋ยวกั้งล่วงหน้า ลวกเส้นเสร็จ ถึงพอดี!

      ทั้งหมดนี้ นายกฯ ประยุทธ์จัดให้..........

      ตามแผนหลักของการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่เรียกว่า EEC

      วางหัวใจไว้ที่รถไฟความเร็วสูง "เชื่อม ๓ สนามบิน" นี่แหละ

      ก็กะใช้ตรงนี้ เป็นนางกวักเรียก "นักลงทุน" ทั่วโลก

      ซึ่งดูแล้ว ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ "ลงตัว"!

      นายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการ EEC สรุปตามนี้ไปแต่วานซืน (๒๖ ก.พ.๖๑)

      รอ ครม.ตีตราอีกที เปิดประมูลได้เลย

      โครงการนี้ ประมาณ ๒ แสนล้าน รัฐไม่ทำเอง ให้นักลงทุนทั่วโลกมาบิดกัน ราวๆ กลางปี

      ใครให้ผลตอบแทนรัฐสูงสุด เอาไปเลย สัมปทาน ๕๐ ปี

      ครบ ๕๐ ปี ทั้งหมด "ตกเป็นของรัฐ"!

      ก็มาดูกันหน่อย ว่าสนามบินทั้งสาม จุดเชื่อม-จุดขยายไปชนกัน มีตรงไหนบ้าง?

      "แอร์พอร์ตลิงก์" ตรงมักกะสัน

      จะเป็น "ศูนย์กลาง" รถไฟความเร็วสูง ทั้งเชื่อมรถไฟใต้ดิน มีที่จอดรถรองรับกว้างใหญ่

      ทำความเข้าใจนิด...........

      รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ปัจจุบัน ความเร็ว ๑๖๐ กม./ชม.จาก "แอร์พอร์ตลิงก์-พญาไท-สนามบินสุวรรณภูมิ" ระยะทาง ๒๙ กม.

      ในสัญญาสัมปทานใหม่

      ใครได้.........

      ต้องซื้อกิจการแอร์พอร์ตลิงก์ที่ขาดทุนบักโกรกไปเปลี่ยนเป็น "รถไฟความเร็วสูง" ๒๕๐ กม./ชม.ตามระบบใหม่ด้วย

      สรุป ที่ต้องสร้างใหม่ ๒ เส้นทางเชื่อม คือ

      ๑."แอร์พอร์ตลิงก์" ต่อขยายถึง "สนามบินดอนเมือง" ระยะทาง ๒๑ กม.เป็น "แอร์พอร์ตลิงก์-พญาไท-ดอนเมือง"

      ๒."สนามบินสุวรรณภูมิ-สนามบินอู่ตะเภา" ระยะทาง ๑๗๐ กม.ทำจาก "สถานีลาดกระบัง" ไปยังสนามบินอู่ตะเภา

      มองเห็นภาพมั้ย?

      เมื่อถึงปี ๒๕๖๖ โครงการเสร็จตามแผน ตรง "มักกะสัน" จะเป็นเซ็นเตอร์ให้ ๓ สนามบิน

      มีสถานีรายทางให้ขึ้น-ลงเพิ่ม ตามเส้นทาง "สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา" ดังนี้

      "ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ศรีราชา-พัทยา-อู่ตะเภา"

      ก็เรียบร้อย "โรงเรียนประยุทธ์"!

      ลองคิดดู แค่ "ทางเกวียน" มีไปถึงไหน ชุมชนใหม่ยังตามไปเกิดถึงนั่น

      และนี่ "รถไฟความเร็วสูง" ไปถึง

      เร็วกว่าเกวียนควายลากตั้งเยอะ วิ่งละรายทางตามจุดพัฒนาโครงสร้างใหม่ของประเทศตั้ง ๕-๖  จังหวัด

      อยู่ ระยอง-ชลบุรี ตื่น ๖ โมงเช้า มาเคารพธงชาติ ๘ โมง หน้าทำเนียบฯ ได้สบายๆ

      เนี่ย....

      เมื่อระบบขนส่งมวลชนตอบโจทย์ชีวิตคนเช่นนี้ ผมมองว่า ปี ๖๖ จะได้เห็นโฉมหน้าใหม่

      ประเทศไทยที่ "คิดไม่ถึง"!

      คนไทย-ประเทศไทย จะมั่นคง-มั่งคั่ง-ยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์นำชาติของนายกฯ ได้หรือไม่ ก็จะเห็นกันตอนนั้นแหละ

      ในทัศนะผม ตั้งแต่ ๒๒ พฤษภา ๕๗ มาถึง ๒๘ กุมภา ๖๑

      นายกฯ ประยุทธ์ "ไม่เสียชาติเกิด"

      ไม่ถึง ๔ ปี ยุทธศาสตร์ ๔.๐ ที่ใครต่อใครหัวเราะเยาะ นายกฯ สามารถผลักดันจาก "แผ่นกระดาษ"

      ให้หยั่งราก "ลงดิน" ได้!

      ที่อยากให้นายกฯ ประยุทธ์ "ต้องอยู่" ก็ตรงนี้ เพราะมองทั้งทางใกล้และทางไกลแล้ว

      ถ้า EEC ไม่เกิด.........

      "เศรษฐกิจ-สังคมชาติ" ทางอนาคตที่ยั่งยืนสู่ศตวรรษใหม่

      "ดับสนิท"!

      อย่าเข้าใจว่า แค่มีรถไฟเชื่อม ๓ สนามบินถือว่าสำเร็จ

      มันไม่ใช่.........

      มันเป็นแค่ "ราก" นำไปสู่ความสำเร็จตามแผนพัฒนาเท่านั้น

      สนามบินที่อู่ตะเภา คือ "โคตรเพชร" ที่เราตีค่าเท่ากรวดแล้วทิ้งไว้

      ขนาด B-52 ขึ้น-ลงได้ แค่ใช้หัวแม่ตีนคิดก็จะรู้ว่า ถ้าสร้างรันเวย์ใหม่ให้ได้มาตรฐานนี้

      ต้องใช้เงินกี่หมื่นล้าน?

      และใช้เวลาอีกกี่สิบปี เมื่อเทียบมาตรฐานเวลาไทยที่ใช้กับการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ

      อย่างน้อยๆ ต้องใช้เวลา ๕๐ ปี.......

      กว่าจะทำสนามบินให้ได้มาตรฐานเยี่ยม อย่าง "อู่ตะเภา" ที่เรามีอยู่แล้ว!

      จะให้ครบสูตร ยังต้องโกง ต้องแดก ต้องจับกันเข้าคุกอีกขนาดไหน?

      ก็ต้องขอบคุณรัฐบาล คสช.ทีมเศรษฐกิจ "รองนายกฯ สมคิด" และรัฐมนตรีสุวิทย์ เมษินทรีย์ ที่มองเห็นโคตรเพชรเม็ดนี้

      และขุดขึ้นมารองรับ "เมือง EEC" ได้พอดี

      ลงทุนขัดขี้ไคลไม่กี่ตังค์ ได้สนามบินดีกว่า "สุวรรณภูมิ" ด้วยซ้ำอีกสนาม

      ปีละ ๕๐ ล้านคน อู่ตะเภารับได้สบายๆ

      ที่ล้นสุวรรณภูมิ เมื่อมีรถไฟความเร็วสูงเชื่อม หมดปัญหา มีมาอีกซัก ๕๐ ล้านคน ก็ยังสบาย!

      อู่ตะเภา ไม่แค่สนามบิน

      ยังจะเป็นที่ตั้งศูนย์สร้าง-ซ่อมเครื่องบินแห่งภูมิภาคด้วย

      และพื้นที่ ชลบุรี-ระยอง...

      เป็นที่ตั้งของกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีต่อยอดชั้นสูง เทคโนโลยีสมองกล ปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ ต่างๆ นานา

      เรียกว่า ย่านนั้น เป็นโซนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ใหม่ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง

      อุตสาหกรรมส่งออก ก็ต้องสัมพันธ์กับ "ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง"

      และแน่นอน.......

      เมื่อเป็นเมืองอุตสาหกรรมใหม่ชั้นสูง ชนชั้นปัญญาประดิษฐ์ที่ต้องสัมพันธ์กับธุรกิจงานและการค้าทั้งในและนอกประเทศ

      ต้องไหลมากันครึ่ด!

      ความสะดวกเดินทาง ที่สามารถกำหนดเวลาได้ ของคน "เวลาเป็นเงิน-เป็นทอง" จำเป็นมาก

      รถไฟความเร็วสูง ก็ตอบโจทย์พอดี!

      ในโซนฉะเชิงเทรา ที่จัดเป็นย่านพักอาศัย สถานศึกษาชั้นสูง ก็เช่นเดียวกัน

      ๔-๕ สถานี ของรถไฟความเร็วสูงสาย "สนามบินสุวรรณภูมิ-สนามบินอู่ตะเภา" ก็แสนจะลงตัว!

      ความ "เป็นเนื้อ-เป็นหนัง" รัฐบาล คสช.ผมตีค่าให้ตรงโครงการ EEC นี้ ๗๐-๘๐%

      แต่ละโครงการของไทย แผนสวยหรูทั้งนั้น แต่ร้อยละไม่ถึง ๑๐ เดินไปได้ตามแผน

      ก็อยากให้นายกฯ มุ่งตรงนี้

      ท่านเป็นนายกฯ จะต้องลงไปฟัดกะพวกไซด์ไลน์ริมรั้วให้เสียเวลาทำไม?

      บอกว่า "กลางปี" จะได้ประมูล เริ่มลงมือกันปลายๆ ปี

      โปรดจี้ให้เป็นไปตามตารางเวลาด้วยเถอะ

      โครงการอื่นๆ เลื่อนจนเละ...........

      แต่สำหรับ EEC จะเกิด-ไม่เกิด ขึ้นอยู่กับรถไฟความเร็วสูงเชื่อม ๓ สนามบินนี้ ๘๐-๙๐%

      ท่านนายกฯ ก็เหมือนกัน จะสูญเปล่า หรือเพิ่มพูน

      "สำเร็จ-ล้มเหลว" ของงานนี้ เป็นคำตอบ!

      การเมือง คือกระพี้.........

      สร้างบ้าน-สร้างเมือง คือแก่น

      แก่น "เนื้อแน่น" แล้วกระพี้มีมา "หุ้มแก่น" เอง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"