มองไทยผ่าน "เจ๊ไฝ-โชติจิตร"


เพิ่มเพื่อน    

          หนาวๆ คิดถึง "ยาดอง"!

          ถ้าได้ "พญาเสือโคร่ง" ซักก๊งละก็นะ ......

            เลือดลมมันคงแล่นปรู๊ดปร๊าด ซ่านซ่าไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย หายเหน็บ-หายหนาว ปึ๋งปั๋งน่าดู

            แต่อย่างว่า......

            คนแก่มีแต่ความหลัง ความหวังในปัจจุบันมีได้อย่างเดียว

            จะไปอยู่วัดไหน?

            ที่พูดนี่ไม่ใช่อะไรหรอก เห็นหมู่นี้เป็นข่าวเป็นคราวซู่ซ่าเรื่องมิชลินเขาติดดาวร้าน "เจ๊ไฝ" ย่านประตูผี

            ต่อมา เกรียวกราวกันถึงร้าน "โชติจิตร" ย่านแพร่งภูธร เรื่องราวที่เผยแพร่แซ่ซ้อง ก็สรุปได้ว่า

            "ร้านเจ๊ไฝ" ติดดาว......

            แต่ "ร้านโชติจิตร" ติดคราวน์

            ใครเจ๋งกว่ากันล่ะ คิดซิ..คิด?

            ที่ติดคราวน์ เพราะ "เมแกน มาร์เคิล" ดาราฮอลลีวูด พระคู่หมั้น "เจ้าชายแฮร์รี่" รัชทายาทอันดับ ๕ ราชวงศ์อังกฤษ มาเที่ยวเมืองไทยปลายปีก่อน

            เธอซอกซอนไปหม่ำที่ร้านโชติจิตร ตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างและที่สื่อฝรั่งมังค่านำไปเขียนสรรเสริญเชิญชวนไว้

            พระคู่หมั้นให้สัมภาษณ์เว็บ "เดลิชดอตคอม" ถึงร้านโชติจิตรประมาณว่า.......

           "ปลื้มร้านอาหาร “โชติจิตร” ในกรุงเทพฯ มาก แม้มีเพียง ๖ โต๊ะ ไม่ได้มีดาวรับรองจากมิชลิน ไม่ได้หรูหราอะไร แต่รสชาติอาหารไทยที่ปรุงจากร้านนี้ ทำให้ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ที่มีต่ออาหารไทยไปเลย"

            นี่แหละ ผมจึงว่า ร้านโชติจิตร "ติดคราวน์" หรือ "มงกุฎ" ส่วนร้านเจ๊ไฝ ติดแค่ดาวมิชลิน

            แต่จะคราวน์หรือดาว ผมยินดีและดีใจกับทั้งสองร้าน ด้วยองศาแห่งอุณหภูมิเท่ากัน

            ก็ "เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหนเสีย" เล่า

            ในเมื่อ ทั้ง ๒ ร้าน ภาพรวมคือ "ประเทศไทย-อาหารไทย-ฝีมือคนไทย"

            ยังไงๆ ก็ต้องไชโย!

            ไม่ควรยกร้านใด-ร้านหนึ่งมาพูดทำนอง "เกทับ-บลัฟแหลก"

            ควรส่งเสริม สนับสนุน ให้กำลังใจกัน เพราะเรื่องอย่างนี้ มีแต่ได้กับได้กับประเทศชาติบ้านเมืองเราโดยตรง

            ทั้ง ๒ ร้าน ผมเคยลิ้มรสตะหลิวมาแล้ว

            แต่ร้านเจ๊ไฝ ครั้งเดียว ส่วนร้านโชติจิตร นับครั้งไม่ถ้วน!

            ทำไมเป็นอย่างนั้น จะเล่าให้ฟัง..........

            เรื่องมันนานมาแล้ว สำหรับผม ตั้งแต่ปี ๒๕๑๘ ยาดองร้านโชติจิตร แพร่งภูธร เป็นที่ร่ำลือในมวลหมู่นักข่าว (แก่ๆ-เก่าๆ) มาก

            ตกเย็น ใครพอมีตังค์ หรือควักมารวมกันพอได้ซักโต๊ะ ก็พากันไปร้านโชติจิตร

            ตอนนั้น เป็นรุ่นลูก ที่เป็นข้าราชการกระทรวงต่างประเทศบริหาร เข้าใจว่าคงเป็นลูกสาวท่าน รูปร่างท้วมๆ ยังเป็นนักศึกษา กลับจากมหาวิทยาลัย มาช่วยเสิร์ฟ

            ก็ไปก๊งยาดองกันเป็นหลัก แต่ฝีมือทำอาหารไทยๆ เด็ดสะระตี่นัก โดยเฉพาะประเภทยำๆ เช่น ยำถั่วพู ยำหัวปลี หมี่กรอบ ผัดเผ็ด ต้มยำ

            รสเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด เป็นปี่-เป็นขลุ่ยเข้ากับยาดองดีเหลือเกิน กระดกแก้วกรุ๊บ หน้าตาเหยเก พอตักยำตบตูด

            แหม..มันเข้าไปตัดรสกันลงตัว กล้อมแกล้มรีบกลืน เพื่อจ้วงซ้ำอีกซักคำ จนพรรคพวกร้องกันเฮ้ยฮ้าย กลายเป็นที่มาของคำว่า

            "เดี๋ยวก็เมากับแกล้มตายห่ะหรอก...มึง"!

            ครับ ผมมันประเภท "กินเหล้าแต่เมากับแกล้ม" ตอนนั้น ไปกันแทบทุกเย็น

            จำได้ว่า วันไหน "คุณสมชาย ฤกษ์ดี" ไปก๊งด้วย จะอิ่มหมีพีมัน สั่งกันล้นโต๊ะ

            ก็...นานปี-ทีหน จะมีคนกระเป๋าหนักเป็นเจ้ามือ ต้องล่อกันให้เต็มภิกขา ทั้งยาดอง ทั้งกับแกล้ม

            ยาดองมีสูตรต่างๆ เรียงรายให้เลือก ทั้งพญาเสือโคร่ง พญาช้างสาร พระโดดกำแพง ม้ากระทืบโรง มังกรสะบัดหาง กระดิ่งทอง นารีรำพึง โด่ไม่รู้ล้ม

            สาวน้อยตกเตียง ก็มี!

            นี่คือร้านโชติจิตรตอนผมไปกินเมื่อ ๔๐ กว่าปีก่อน หมุดหมายร้านนี้ ยาดองเป็นหลัก อาหารเป็นของเสริม

            สมัยนั้น นักท่องเที่ยว (แทบ) ไม่มี ฝรั่งมังค่ายังไม่รู้จัก และยังไม่มีมากิน มีแต่แฟนยาดองขาประจำ-ขาจรคนไทย และพวกขับตุ๊กๆ

            หลังจากวิรัติเหล้า-ยา เพราะว่าจะตายเอา ประกอบกับคอยาดองรุ่นเก่าๆ ล้มหายตายจาก ก็ไม่ได้แวะเวียนไปอีก

            จนเห็นข่าว "พระคู่หมั้น เจ้าชายแฮร์รี่ " ประทับจิต-ประทับใจในอาหารจากรสครก-รสสากร้านโชติจิตรนี่แหละ

            ก็นึกขึ้นมาได้ ว่าร้านนี้ เราเคยเป็นขาประจำแต่อดีตกาล!

            กาลเวลาทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปจริงๆ

            รู้อยู่กับปากว่า อาหารร้านโชติจิตร กับแกล้มยาดองอร่อยถึงสวรรค์ชั้น ๗ แต่แปลกใจอยู่นิด

            ดั้งเดิมเน้น "ยาดอง"

            วันนี้ กลับเปรี้ยงปร้าง "ระดับโลก" ด้วยอาหารไทยๆ ขนาดดาราดังฮอลลีวูดที่เป็นพระคู่หมั้น ยกนิ้ว ประหนึ่งติดมงกุฎให้

            ก็แสนปลื้มปริ่ม สุดปีติ!

            ปกติ คนไทยเราเองยังไปไม่ถูก ไม่รู้แพร่งภูธรอยู่ตรงไหน แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติ-ต่างภาษา

            ทั้งฝรั่ง-ญี่ปุ่น-จีน-เกาหลี กลับดั้นด้น ค้นพบร้านอันมีตำนานเป็นร้อยปี และไปติดอก-ติดใจกันงอมแงม

            ย่านแพร่งภูธร เป็นเสน่ห์บางกอก ด้วยกลิ่นอายรัตนโกสินทร์ครบเครื่อง จะไป ควรย่ำต๊อกไป อย่าเอารถไปเชียว

            เสียดายอยู่นิด ฝรั่งไม่เน้นเอกลักษณ์ยาดอง น่าจะลองเสิร์ฟ ม้ากระทืบโรง หรือกษัยกลั่น เป็นอภินันทนาการ นำร่องซักคนละเป๊ก-สองเป๊ก

            ไม่แน่..........

            The New York Times, Lonely Planet, Travel ที่มากินแล้วกลับไปเขียนสรรเสริญ อาจกลับไปแนะนำภาค ๒ ด้วยยาดอง "ร้านโชติจิตร" ก็ได้

            นี่ก็ตั้งใจจะไปรื้อฟื้นความหลังอีกซักมื้อ แต่คิดแล้วเศร้า

            ที่พูดกันว่า "เพื่อนกินหายาก-เพื่อนตายหาง่าย" เป็นอย่างนั้นจริงๆ

            เพราะเพื่อนๆ "รุ่นยาดอง" รีบไปเกิดกันเกือบหมดแล้ว!

            จะไปเคาะโลงเรียก ก็กลัวควันธูปทำภูมิแพ้กำเริบ ก็คงต้องดุ่มๆ ไปคนเดียวนั่นแหละ

            ทุกวันนี้เป็นร้านอินเตอร์ไปแล้ว เต็มไปด้วยต่างชาติ คนไทยกลายเป็นประชากรส่วนน้อย

            เอาเถอะ ยังไงๆ ต้องไป เพราะยำหัวปลี กับต้มยำกุ้ง มันพลุ่งพล่านในจิตวิญญาณฝังจำ!

            พูดกันตรงๆ จากบางลำพู-แพร่งภูธร-ประตูผี-เสาชิงช้า-ท่าเตียน-ท่าพระจันทร์-ท่าช้าง-ปากคลองตลาด-บ้านหม้อ เรียกว่าพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์

            นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะคนยุโรป-ญี่ปุ่น-เกาหลี รู้จักดี พกลายแทงที่เที่ยว-ที่กิน มากันตรึม

            ในขณะที่คนไทยเที่ยวห้าง-กินห้าง มื้อละเป็นพัน เป็นหมื่น แต่ "อาหารตามสั่ง" ตามซอก-ตามรู ที่คนไทยเมินว่าเกรดต่ำ กลับคลาคล่ำ ยัดเยียดไปด้วยต่างชาติ

            นั่งกันตามถนนหน้าร้าน เสื้อกล้ามตัวเดียวก็มี กินอาหาร-ดวดเบียร์กันสุขสำราญลืมโลก

            กินแทบตาย ห้าร้อย "ทั้งโต๊ะ" ยังมีทอน!

            ลองไปบ้านเขาซี ที่ยุโรป ห้าร้อย ได้ขนมปังแข็งเป็นดุ้นฟืนแถมเนยกลิ่นซอกคอซักแท่ง-สองแท่ง!

            ฝรั่งมาเที่ยวเมืองไทย รู้ที่กิน-ที่อยู่ มากกว่าคนไทย แห่กันมาจนประเทศตุงแล้วตุงอีก

            เพราะไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มี "ชั่วโมงที่ ๒๕" ให้กับทุกคน อยากกิน-อยากนอน-อยากเที่ยว ที่ไหน-อะไร-แบบไหน-เมื่อไหร่?

            มีให้สนองอยาก ด้วยชั่วโมงที่ ๒๕.......

            แถม "ถูกแสนถูก" เมื่อเทียบกับทุกประเทศในโลก!

            พูดแต่ร้าน "โชติจิตร" ซะยาว ยังไม่ได้พูดถึงร้าน "เจ๊ไฝ" ย่านประตูผีเลย

            ผมชิมมาหน ไปสองยามกว่า กะจะไปกินผัดไทยทิพย์สมัยที่คิวยาวพันภูเขาทอง ๓ รอบ ยังไม่เห็นหางแถว

            ขี้เกียจรอ เพราะหิว....

            เลยแวะร้านเจ๊ไฝติดๆ กัน ก็รู้กิตติศัพท์ด้านราคาอยู่ แต่อยากลองว่าคุณภาพ-ความอร่อย "สมราคาราดหน้าจานละ ๔๐๐ มั้ย"? ไป ๓ คน ๓ จาน ก็พันสอง อาจไปดึก เลยปลายตะหลิว-ปลายกระทะ เจ๊ไฝอาจข้อล้า

            ของอร่อย แพงๆ อย่างนี้ ได้ลิ้มลองพอรู้รสฝีมือ ก็บรรลุแล้ว!

            เมื่อมิชลินติดดาวประเภทร้านอาหารริมทาง ผมดีใจกับเจ๊จริงๆ

            นี่ก็ตั้งใจจะไปลอง "ไข่เจียวปู" จานละ ๘๐๐ ดูอีกซักรอบ ติดดาวแล้ว อาจเอร็ดเลิศยิ่งขึ้นก็ได้

            ผมไม่พอใจเลย ที่เห็นใคร-ต่อใคร เที่ยวพูด เที่ยวเขียนกระแนะกระแหนร้านเจ๊ไฝ

            ว่าแพงเวอร์บ้าง คุณภาพและความอร่อยไม่สมราคาบ้าง มิชลินติดดาวไปได้อย่างไรบ้าง

            ขอเถอะ อย่าทำอย่างนั้นเลย!

            ลองฝีมือเจ๊ไฝกันทุกคนก่อนวิจารณ์หรือยัง ถึงลองแล้ว จะไปว่าแพงก็ไม่ได้ เพราะทุกเมนู เขาติดราคาให้ทราบก่อนสั่ง

            ถ้าว่าแพง อย่าไปกิน ก็หมดเรื่อง ไม่เห็นต้องไปพูด-ไปเขียนรานกำลังใจกัน

            ลิ้นฝรั่งกับลิ้นไทย มันคนละรสอยู่แล้ว อย่างติดดาวมิชลิน ๒ ดาว ๓ ดาว ในไทย ในต่างประเทศ ผมก็เคยไปกิน

            ด้วยลิ้นนิยมของผม ก็งั้นๆ

            แต่อีกพวกหนึ่ง เขาบอกว่าเยี่ยม ด้วยวัตถุดิบและฝีมือการปรุง ต้องลิ้น-ต้องรสนิยมเขา

            ฉะนั้น อย่าเอาตัวเราไปตัดสินส่วนรวม อย่างไข่เขียวปู ๘๐๐ อร่อยขนาดไหน ผมยังไม่ได้ลอง

            แต่เฉพาะเนื้อปูทะเลแกะเป็นก้อนๆ ที่เจ๊ไฝใช้ทำไข่เจียว ผมว่า ๘๐๐ สมเหตุ-สมผล

            ปูทะเลตัวหนึ่ง ก็พันกว่าบาทขึ้นไปแล้ว

            ไม่เหมือนตอนผมเป็นเด็ก ขุดปูทะเลขาย ขุดแทบตาย กิโลละ ๖ สลึง ถ้าปูไข่ กิโลละ สิบสลึง-สามบาท

            ถ้าเป็นปูม้า พูดแล้วท่านคงไม่เชื่อ.......

            ร้อยตัว ๖ สลึง!

            ๑๐๐ ตัวนะครับ ไม่ได้พิมพ์ผิด มันมีมากมาย จนบางคืนเรือสำปั้นจะจมเอา ต้องโกยทิ้งทะเล

            ทีไปกินอาหารญี่ปุ่น คำเดียว ๕๐๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท กลับบอก ถู้กกกก ถูก

            อาหารฝรั่งจานเดียว พอแหลกล่าย ก็ ๘๐๐-๑,๒๐๐ กาแฟสตาร์บัคส์แก้วเดียว ๑๒๐ บาท เห็นแย่งกันซื้อ

            แล้วร้านคนไทย อาหารไทย คนไทยด้วยกันค้าขาย ถึงไม่กิน ก็ควรสนับสนุน ยกย่อง-ชมเชย ให้กำลังใจกัน

            ททท.ทำดีแล้ว........

            ที่ชักนำให้มิชลินมาชิมอาหารในเมืองไทย และให้ดาวกับร้านที่เข้าสเปกมิชลิน

            เราเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลก ร้านริมทาง และอาหารตามถนนมีชื่อ-มีเสียง

            เราก็ได้ทั้งหน้าตา ทั้งเงินทอง ทั้งชื่อเสียง แล้วจะไปเกี่ยงงอนค่อนขอดเจ๊ไฝทำไม?

            เห็นใครได้ดี ควรต้องช่วยกันสนับสนุน ส่งเสริม ให้กำลังใจกัน

            เป็ด-ไก่ ในเล้าเท่านั้น ที่เหยียบย่ำกันเอง

            เรา-เป็นคนไทยด้วยกัน ถ้าไม่ส่งเสริมกัน เอาแต่กด-ข่มกัน ไม่นาน...

            ต่างชาติ "เขมร-พม่า" ยึดเรียบ!.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"