เมื่อเร็วๆ นี้ สังคมยังวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับเจ้าสัว “เปรมชัย กรรณสูต” เบอร์หนึ่งบริษัท   อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ล่าเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทาในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร รวมทั้งข่าวพี่ใหญ่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) “เสี่ยป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กับนาฬิกาหรูราคาเจ็ดหลักอัพ จำนวน 25 เรือนของเขา

    ในเวลาเดียวกันนั้น ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่อาจหลงลืม แต่สำคัญ คือกรณี “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อาจเอี่ยวกับเงินธุรกิจสีเทา การค้าประเวณีที่สถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท จำนวน 300 ล้านบาท ซึ่งเจ้าตัวชี้แจงว่าเป็นเพียงการยืมเงินและใช้คืนเรียบร้อยแล้ว แต่ข้อมูลจากดีเอสไอกลับระบุว่าเป็นการรับเงิน
    เรื่องนี้ถือว่าผิดจริยธรรมอย่างยิ่ง จึงทำให้ “เดอะแจ็ค” วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือร้องต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สอบ “บิ๊กอ๊อด” ในฐานะเป็นสมาชิก สนช.ด้วย เพราะอาจผิดมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ
    โดยก่อนหน้านี้ สนช.ชี้แจงว่าต้องรอข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิก สนช. ปรับปรุงให้สอดคล้องกับมาตรฐานทางจริยธรรมฯ เสียก่อน ล่าสุดข้อบังคับจริยธรรม สนช.บังคับใช้แล้ว จึงถามไถ่ความคืบหน้าจะพิจารณาปม “บิ๊กอ๊อด” เมื่อไหร่
    “หมอเจตน์ ศิรธรานนท์” โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการจริยธรรมฯ  ตอบสั้นๆ ว่า “เจ้าหน้าที่ยังไม่ส่งเรื่องมายังคณะกรรมการจริยธรรมฯ”
    งานนี้ กรรมการจริยธรรมฯ ควรหยิบมาประเดิมมาตรฐานจริยธรรม ไม่ใช่นั้นจะถูกครหาว่าเป็นแค่เสือกระดาษ

                            มินนี่เมาธ์