ชาวบ้านสุดทน!รวมตัวลากไส้แก๊งโกงเงินผู้ยากไร้


เพิ่มเพื่อน    

10 มี.ค.61  - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณี พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่จังหวัดนครพนม สอบสวนประชาชนที่มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนสงเคราะห์ผู้ยากไร้และไร้ที่พึ่งจังหวัดนครพนม รวมทั้งสิ้น 564 ราย แยกออกเป็น ผู้มีรายได้น้อย 176 ราย ทุนประกอบอาชีพ 286 ราย และผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์ 102 ราย

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเทพนิมิต หมู่ 9 ต.หนองซน อ.นาทม จ.นครพนม ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ระบุว่ามีประชาชนมีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือมากกว่า 200 คน ทั้งที่เป็นหมู่บ้านไม่ใหญ่นัก มีครัวเรือนประมาณร้อยกว่าหลังคา พบชาวบ้านกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บนแคร่หน้าบ้าน จึงเข้าไปสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น 

นายพิชัย ประจะเณ อายุ 75 ปี บ้านเลขที่ 2 หมู่ 9 บ้านเทพนิมิตร เล่าว่าเมื่อวันเด็กที่ผ่านมา มีการประกาศให้ชาวบ้านทุกครัวเรือนไปร่วมงานที่โรงเรียน ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคม ได้เรียกชื่อตนเข้าไปรับเงินจำนวน 2,000 บาท ในฐานะเป็นผู้ไร้ที่พึ่ง เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการระบุว่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง เพราะมีบ้านเรือนอยู่มั่นคง นายพิชัยตอบไม่รู้เนื่องจากไม่เคยใครออกมาสำรวจ

ขณะที่นางสุณี สุนทร อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 94 หมู่ 9 เผยว่าประมาณ 2-3 ปี ตนถูกเพื่อนบ้านชักชวนให้เข้ากลุ่มประกอบอาชีพประกอบผลิตดอกไม้ ตนจึงมอบเอกสารบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านเซ็นสำนาถูกต้องจำนวน 1 ชุด กระทั่งวันเด็กก็มีชื่อให้ไปรับเงินเป็นทุนประกอบอาชีพจำนวน 1,000 บาท พอมีเรื่องฉาวเกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เชิญตัวไปสอบถาม ปรากฏว่าตนมีชื่อรับเงินดังกล่าวถึง 3 ครั้งๆละ 2,000 บาท และที่น่าสงสัยตรงที่มีชื่อบุคคลซึ่งไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านหลายคน เป็นผู้มีสิทธ์ได้รับเงินช่วยเหลือ ระบุตัวเงินชัดเจน หรือบางคนไม่เคยลงทะเบียนว่าเป็นผู้ไร้ที่พึ่งแต่กลับมีชื่อโผล่ขึ้นมา

ด้านนางปัทมา คำอ้อ อายุ 57 ปี บ้านเลขที่ 24 หมู่ 9 เล่าว่าชาวบ้านขึ้นทะเบียนขอเงินทุนประกอบอาชีพมาหลายปี เพิ่งจะได้รับเงินครั้งแรกเมื่อวันเด็กที่ผ่านมา และประมาณต้นเดือน มี.ค. มี ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งเรียกไปประชุมเพื่อทำความเข้าใจว่า หากมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นมาถามให้ตอบตรงกันว่า ได้รับเงินครบตามจำนวนหมดแล้ว จากนั้นได้จ่ายเงินให้คนละ 50 บาท อ้างว่าเป็นค่าเสียเวลาที่มาประชุมตกลงกัน

ขณะเดียวกันบุคคลที่ควรจะได้รับเงินช่วยเหลืออย่างนายบัวลา บุตรสงการ และนางนาง บุตรสงกา อายุ 81 ปีเท่ากัน ป่วยเป็นโรคชราอยู่แต่ในบ้าน ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ออกมาสำรวจ และไม่มีชื่อเป็นผู้ยากไร้  สองตายายก็สงสัยว่าทำไมไม่มีใครยื่นมือมาช่วย ทราบจากข่าวมีการโกงเงินคนจนก็พอจะเข้าใจ คนที่มีเรี่ยวมีแรงไม่น่าจะเบียดบังเงินคนทุกข์ยากเลย

ชาวบ้านทั้งหมดกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เอกสารบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านเซ็นสำเนาถูกต้อง มีผู้นำชุมชนเป็นผู้เก็บรวบรวมไปส่งให้ ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งรับไปดำเนินการ บางครั้งมีเจ้าหน้าที่ไม่ทราบหน่วยงานใช้รถยนต์สีชมพูเป็นชายหนึ่งหญิงสองออกมาพบ แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไร ส่วนข้อเท็จจริงได้ให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.หมดแล้ว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"