จำคุก'เสี่ยขาว' เลี่ยงภาษี85ล.


เพิ่มเพื่อน    

    ศาลฎีกาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นจำคุก 7 เดือนไม่รอลงอาญา "เสี่ยขาว" เจ้าของซานติก้าผับ ฐานเลี่ยงภาษี 85 ล้าน
    เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ห้องพิจารณา 904 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ อ.4050/2553 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือเสี่ยขาว อายุ 53 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท ไวท์ แอนด์ บราเธอร์ส (2003) จำกัด ผู้บริหารซานติก้าผับ ย่านเอกมัย เป็นจำเลย ในความผิดฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ต่อกรมสรรพสามิต กรณีไม่ยื่นแบบรายการภาษีเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิตประจำเดือน ม.ค. 2548-ธ.ค.2551 รวมยอดเงินทั้งสิ้น 85,382,470.67 บาท เหตุเกิดที่แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. เกี่ยวพันกัน
     คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการซานติก้าผับ มีหน้าที่ควบคุมดูแลรับผิดชอบกิจการต่างๆ ภายในร้าน รวมทั้งมีหน้าที่ต้องยื่นแบบภาษี แต่จำเลยไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษี โดยมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี มีความผิดรวม 4 กระทง พิพากษาลงโทษจำคุกกระทงละ 3 เดือน รวมจำคุก 12 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาแจ้งความเท็จ และข้อหาอื่นๆ ให้ยกฟ้องเนื่องจากคดีขาดอายุความ ต่อมาจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันไม่ยื่นแบบรายการภาษีเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิต จากนั้นอัยการโจทก์ยื่นฎีกา
     ในวันนี้ นายวิสุขเดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาตามกำหนดนัดพร้อมกับทนายความ
     ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้วเห็นว่า พยานบุคคลและพยานเอกสารที่โจทก์นำสืบมา รับฟังประกอบกันฟังได้ว่า แม้บริษัท ไวท์แอนด์บราเธอร์ส (2003) จำกัด จะจดทะเบียนเปลี่ยนตัวกรรมการผู้มีอำนาจจากจำเลยเป็นบุคคลอื่นแล้ว แต่จำเลยยังคงเข้าไปดูแลกิจการของสถานบริการซานติก้าผับแต่เพียงผู้เดียว ทั้งด้านบริการลูกค้าและด้านการเงิน ด้วยการจ่ายเงินเดือนพนักงานร่วมกับผู้ถือหุ้นอื่น สั่งจ่ายเงินจากบัญชีบริษัทเป็นค่าใช้จ่ายสถานบริการซานติก้าผับ และเมื่อมีรายได้จากการดำเนินงาน ก็จะนำเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของจำเลย แสดงให้เห็นว่าจำเลยยังคงเป็นเจ้าของสถานบริการซานติก้าผับ ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการสถานบริการ ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2527 มาตรา 4 จำเลยจึงต้องมีหน้าที่ยื่นแบบรายการภาษีสรรพสามิต และชำระภาษีสรรพสามิต 
    การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมิได้เป็นผู้ประกอบกิจการสถานบริการซานติก้าผับ หรือร่วมกับ บริษัท ไวท์แอนด์บราเธอร์ส (2003) จำกัด จึงไม่มีหน้าที่ต้องยื่นแบบรายการภาษีสรรพสามิตและชำระภาษีสรรพสามิตนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
    พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 มาตรา 4, 48(2), 164 ฐานไม่ยื่นแบบภาษีเพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิต รวม 4 กระทง สำหรับความผิดในรายปี 2558 โจทก์ฎีกาให้ลงโทษจำเลยเฉพาะการไม่ยื่นแบบรายการภาษีและไม่ชำระภาษีของเดือน พ.ย. และ ธ.ค.ให้จำคุก 1 เดือน ส่วนความผิดอีก 3 กระทงนั้นให้จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวมจำคุก 7 เดือน โดยไม่สมควรรอการลงโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายวิสุขหรือเสี่ยขาว นอกจากคดีหลบเลี่ยงภาษีแล้ว ก่อนหน้านี้ได้รับโทษจำคุก 3 ปีแล้ว ตามคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2558 ในคดีหมายเลขดำที่ อ.541/2553, 648/2553 และ 753/2553 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ ยื่นฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับพนักงานดูแลสถานบันเทิงดังกล่าว และนักร้อง กับบริษัทรับจ้างติดตั้งไฟและจัดดอกไม้เพลิง รวม 7 คน ฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับบาดเจ็บสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ กรณีเกิดเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ย่านเอกมัย คืนวันที่ 31 ธ.ค.2551 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 67 คน บาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัส 103 คน ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 3 ปี เช่นเดียวกับผู้บริหารบริษัทรับจ้างติดตั้งไฟ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"