สื่อเกาหลีใต้เผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า อี มย็องบัก อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้วัย 76 ปี ยอมรับกับอัยการระหว่างการสอบปากคำมาราธอนเมื่อวันพุธ ว่าเขารับเงินจากหน่วยงานจารกรรมของประเทศราว 3 ล้านบาท

อี มย็องบัก ออกจากสำนักงานอัยการในกรุงโซลเมื่อวันที่ 15 มีนาคม หลังให้ปากคำนานกว่า 21 ชั่วโมง (YONHAP / AFP)

เอเอฟพีกล่าวว่า อีเป็นอดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่ยังมีชีวิตคนล่าสุดที่โดนสอบสวนคดีคอร์รัปชัน อัยการเรียกเขาเข้าให้ปากคำในการสอบสวนข้อกล่าวหารับสินบนหลายล้านดอลลาร์เมื่อเช้าวันพุธที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา และในวันพฤหัสบดี เขาได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับบ้าน หลังจากโดนสอบนานกว่า 21 ชั่วโมง เขาไม่ยอมตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่เฝ้ารออยู่ด้านนอก

    รายงานของสำนักข่าวยอนฮับเมื่อวันพฤหัสบดี อ้างเจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการรายหนึ่งว่า อีปฏิเสธข้อกล่าวหาคอร์รัปชันเกือบทุกข้อหา แต่เขารับสารภาพว่ารับเงินโดยไม่ได้ลงบัญชี จากกองทุนของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (เอ็นไอเอส) ผ่านทางผู้ช่วยประธานาธิบดีคนหนึ่ง

    "ประธานาธิบดีอีปฏิเสธเกือบทุกข้อกล่าวหา" ยอนฮับอ้างคำกล่าวของอัยการผู้นี้ และว่า อียอมรับข้อเท็จจริงบางเรื่อง เช่น เขายอมรับว่าข้อเท็จจริงที่ว่าเขารับเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (106 ล้านวอน หรือ 3.1 ล้านบาท) จากกองทุนลับมูลค่า 1,700 ล้านวอน (49.7 ล้านบาท) จากเอ็นไอเอส

    คิม ฮีจุง อดีตผู้ช่วยคนหนึ่งของอี เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ฮันกุกว่า ตัวเขาเป็นผู้มอบเงิน 100,000 ดอลลาร์ ให้แก่ภรรยาของอี เมื่อปี 2554 ครั้งที่อีเดินทางเยือนสหรัฐ

    ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ระหว่างปี 2551-2556 ผู้นี้ เคยกล่าวประณามการสอบสวนเขาว่าเป็น "การล้างแค้นทางการเมือง" และเมื่อวันพุธ ก่อนเข้าให้ปากคำต่ออัยการ อีกล่าวว่า เขาหวังว่ากรณีของเขาจะเป็นครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ ที่อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้โดนอัยการเรียกเข้าให้ปากคำ

    การสอบสวนเขาทำให้อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่ยังมีชีวิตอยู่ 4 คนล้วนถูกสอบสวน หรือตั้งข้อหา หรือถูกตัดสินว่ากระทำผิดคดีอาญา ครบแล้วทุกคน คาดกันว่า อัยการน่าจะขอให้ศาลออกหมายจับเขาภายในไม่กี่วันข้างหน้า

    คำกล่าวหาอีคดีคอร์รัปชันนั้น รวมถึงคำกล่าวอ้างที่ว่า บริษัทซัมซุงกรุ๊ป จ่ายเงินให้เขา เพื่อแลกกับการให้อภัยโทษอี คุนฮี ประธานซัมซุงกรุ๊ป เมื่อปี 2552 จากความผิดฐานเลี่ยงภาษีที่ทำให้เขาถูกตัดสินลงโทษจำคุกแต่รอลงอาญา ทั้งซัมซุงและอีปฏิเสธคำกล่าวหานี้ว่าไม่มีมูล

    รายงานข่าวกล่าวดัวยว่า อียังถูกกล่าวหาว่ารับเงิน 2,200 ล้านวอน จากอดีตซีอีโอของกลุ่มสถาบันการเงินของรัฐ เพื่อช่วยให้เขาได้กลับมารับตำแหน่งเดิม

    นอกเหนือจากการยักยอกเงินจากกองทุน 1,700 ล้านวอนของเอ็นไอเอสแล้ว อียังถูกกล่าวหาว่ารับเงินสินบน 400 ล้านวอนจากสมาชิกรัฐสภาคนหนึ่ง และยักยอกเงินหลายล้านดอลลาร์จากบริษัท ดีเอเอส ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่กล่าวกันว่าอีเป็นเจ้าของแต่ใช้ชื่อญาติๆ ของเขาบังหน้า

    อัยการคนเดิมกล่าวกับยอนฮับว่า อีปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เป็นเจ้าของดีเอเอส.