ดันไทยศูนย์กลางเอ็นเตอร์เทนเมนต์อาเซียน


เพิ่มเพื่อน    

เจ เค ที อีเวนท์ ประกาศจัดงานเอเซีย คอมมิค คอน ดันไทยเป็นฮับเอ็นเตอร์เทนเมนต์ พร้อมขยายสู่ประเทศเพื่อนบ้าน สร้างเม็ดเงินสะพัดรวมกว่า 180 ล้านบาท

นายกฤษณ์ วิทยสัมฤทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจ เค ที อีเวนท์ จำกัด ในฐานะประธานกรรมการจัดงาน เอเซีย คอมมิค คอน เปิดเผยกับ "ไทยโพสต์" ว่า ขณะนี้บริษัทเตรียมจัดงานเอเซีย คอมมิค คอน เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนทางด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เดสทิเนชั่น โดยงานดังกล่าวจะถูกจัดขึ้นที่เมืองไทยระหว่างวันที่ 8-10 มิ.ย. 2561 ภายใต้เงินลงทุน 20 ล้านบาท ขนาดของพื้นที่ 7,000 ตารางเมตร ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 1.4-1.5 แสนคน พร้อมสร้างเงินสะพัดให้เกิดขึ้นภายในงานได้กว่า 100 ล้านบาท

สำหรับตลาดเมืองไทยแบ่งผู้ที่ชื่นชอบของเล่นเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. คนที่มีอายุระหว่าง 13-35 ปี มีสัดส่วนที่ใหญ่สุดคิดเป็น 70% โดยเฉลี่ยแล้วมีการใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 1,000-1,200 บาทต่อคน และ2. คนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งมีการจับจ่ายต่อคนอยู่ที่ 5,000-7,000 บาท บริษัทมองว่าช่วงเวลาของการจัดงานที่ตรงกับกลางปี นับว่าเหมาะสม เนื่องจากจะทำให้ผู้บริโภคมีความพร้อมทางด้านกำลังซื้อ หลังจากผ่านพ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์มาระยะหนึ่ง รวมถึงภาพยนตร์ที่เข้าฉาย

ส่วนผู้ประกอบการที่จะมาเข้าร่วมงานมีมากถึง 62 ราย แบ่งเป็นรายใหญ่ 15 ราย ซึ่งแบรนด์ใหญ่ๆเหล่านี้บางรายสามารถสร้างยอดขายหลักสิบล้านตลอดระยะเวลาการจัดงาน อีกประมาณ 45 รายเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก ยอดขายจะอยู่ที่ 3-4 แสนบาท พร้อมกันนี้บริษัทยังเล็งเห็นความสำคัญของคาแรคเตอร์การ์ตูนของคนไทย จึงได้เปิด 20 บูธฟรีให้แก่ผู้สนใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงาน เพื่อแสดงศักยภาพให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาตลาดคาแรคเตอร์การ์ตูนไทยค่อนข้างเงียบเหงา แต่หลังจากมักภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง 9 ศาสตราเข้าฉาย ก็เริ่มคึกคักมากขึ้น

"เราอยากสร้างให้ไทยเป็นฮับของป๊อปคัลเจอร์ ซึ่งต้องมีคอนเทนต์หลายอย่างเข้ามาประกอบร่วมกัน การจัดงานในครั้งนี้ จึงมีทั้งของเล่น กิจกรรมจากภาพยนตร์ เกม และดาราศิลปินจากญี่ปุ่นและฮอลลีวู้ดเข้ามาด้วย เชื่อว่าจะช่วยดึงดูดผู้บริโภคชาวไทยเข้ามาจับจ่ายจำนวนมาก" นายกฤษณ์ กล่าว

พร้อมกันนี้ บริษัทยังจะปรับคอนเทนต์ให้มีความเหมาะสมขยายต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย โดยวันที่ 13-15 ก.ค. 2561 เตรียมจัดงานดังกล่าวในมาเลเซียขนาดพื้นที่ 2,500 ตารางเมตร เงินลงทุนประมาณ 15 ล้านบาท แม้หากประเมินจากค่าเงินจะเห็นว่าเศรษฐกิจของมาเลเซียอาจไม่ดีนัก แต่เมื่อมาดูในกลุ่มเอ็นเตอร์เทนเมนต์พบว่าผู้ที่ชื่นชอบการชมภาพยนตร์มีความพร้อมที่จะใช้จ่ายกับงานลักษณะนี้ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศมาก่อน คาดการณ์เงินสะพัดที่ 40-50 ล้านบาท มีผู้เข้าชมงานกว่า 7 หมื่นคน

นายกฤษณ์ กล่าวว่า  ขณะที่ประเทศเวียดนามจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 ส.ค. 2561 ณ เมืองโฮจิมินห์ โดยรวมแล้วสถานการณ์ของผู้บริโภคยังเลือกซื้อของไม่ถูกลิขสิทธิ์ การเข้าไปจัดงานครั้งนี้เพื่อสื่อสารว่าของถูกลิขสิทธิ์ความจริงไม่ได้แพงจนเกินไป เมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพของสินค้าที่จะได้รับ เบื้องต้นขนาดพื้นที่จัดงานคงประมาณ 4,000 ตารางเมตร เงินลงทุน 17 ล้านบาท คาดการณ์ผู้ร่วมงานที่ 7 หมื่นคน มีเงินสะพัด 30 ล้านบาท 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"