ยกย่อง‘มิ่งสรรพ์’ลาออก จ่อสร้างอนุสาวรีย์เสือดำ


เพิ่มเพื่อน    

  "ดร.ธรณ์" ยกย่อง "มิ่งสรรพ์" ไขก๊อกพ้นอิตาเลียนไทย โดยใช้เหตุ "เปรมชัย" ล่าเสือดำ ปันผลไม่มี บอร์ดลาออก นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องรอศาลตัดสิน ขณะชมรมคนรักเสือดำกาญจนบุรีรณรงค์ห้ามล่าสัตว์ป่าทุกชนิด เตรียมสร้างอนุสาวรีย์รูปปั้นเสือดำ 

    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา รองศาสตราจารย์ธรณ์  ธำรงนาวาสวัสดิ์ กรรมการในคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุถึงกรณี ศ.ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด ลาออกจากตำแหน่งกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ บ.อิตาเลียนไทยฯ เนื่องจากกรณีปัญหาทุ่งใหญ่นเรศวร ว่าตอนเกิดกรณีเสือดำตนเปิดดูรายชื่อบอร์ด ITD ว่ามีใครบ้าง พอเห็นชื่ออาจารย์มิ่งสรรพ์ ตนคิดในใจว่าท่านคงไม่อยู่แน่ แล้วท่านก็ลาออกจากตำแหน่งกรรมการอิสระ ยังระบุเหตุผลว่าเป็นกรณีเสือดำ 
    "ขอบคุณอาจารย์ที่ช่วยสร้างความชัดเจนให้กับสังคมไทย ว่ายุคนี้เรายอมรับไม่ได้กับการทำร้ายธรรมชาติเยี่ยงนี้"
    รองศาสตราจารย์ธรณ์ระบุว่า คำว่าเรื่องส่วนตัวกับเรื่องขององค์กรไม่เกี่ยวกัน เป็นคำพูดในฝัน ความจริงในโลกไม่เป็นเช่นนั้น ทุกคนในองค์กร โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูง จำเป็นต้องกระทำตัวให้เป็นที่ยอมรับของสังคม มิฉะนั้นเราคงไม่ต้องมีธรรมาภิบาลบริษัท   การอบรม และกิจกรรมเพื่อภาพลักษณ์โน่นนี่นั่นอีกมากมาย
    "การลาออกของบอร์ดที่คนในสังคมให้ความเชื่อถือเป็นตัวอย่างดีที่สุด และคงเป็นบทเรียนด้าน CG CSR PR และ SD ไปได้อีกแสนนาน"
    เขายังระบุว่า การหาบอร์ดคนใหม่ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงอาจารย์มิ่งสรรพ์คงไม่ง่ายแน่ และการประชุมผู้ถือหุ้นปลายเดือนเมษา.คงน่าติดตาม ปันผลก็ไม่มี บอร์ดก็ลาออก นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องรอศาลตัดสิน
    ที่ชมรมคนรักเสือดำกาญจนบุรี เลขที่ 111 หมู่ 6 ต.ดอนตาเพชร อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายสมชาย พรหมชนะ ประธานชมรมคนรักเสือดำกาญจนบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี,  นายสมศักดิ์ พนมชัยสว่าง นายกเทศมนตรีตำบลพนมทวน, นายอภิรักษ์ คชนา นายก อบต.ดอนตาเพชร อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี จัดเวทีแถลงข่าวรณรงค์ห้ามล่าสัตว์ป่าทุกชนิด เนื่องจากที่ผ่านมามีกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ นำอาวุธปืนเข้าไปล่าสัตว์ป่าคุ้มครองคือเสือดำ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ตามที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้
สร้างอนุสาวรีย์เสือดำ
    การแถลงข่าวในครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก ดร.ธวัชชัย พิกุลแก้ว ประธานชมรมเพื่อนครูแห่งประเทศไทย นายกสมาคมศึกษาธิการแห่งประเทศไทย และ ดร.มานพ พรหมชนะ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในฐานะที่ปรึกษาชมรมคนรักเสือดำกาญจนบุรี เข้าร่วม นอกจากนี้ยังมีเด็ก เยาวชน และประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก พร้อมใจกันสวมเสื้อชมรมคนรักเสือดำ ที่มีสัญลักษณ์ของเสือดำ เข้าร่วมรณรงค์อีกด้วย ซึ่งการแถลงข่าวใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงแล้วเสร็จ โดยได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทุกแขนง
     นายสมชายกล่าวว่า การแถลงข่าวครั้งนี้จะไม่พูดถึงเรื่องคดีความของกลุ่มผู้กระทำผิดที่ลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เนื่องจากขณะนี้คดีเข้าสู่กระบวนการของศาลแล้ว ดังนั้น เราจึงจะไม่ก้าวล่วง แต่การแถลงข่าวเรามีวัตถุประสงค์ที่แท้จริง 7 ประการ คือ
        1.เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่เป็นสมบัติของชาติและของโลก 2.สร้างความตระหนักและจิตสำนึกในการรักษาคุ้มครองสัตว์ป่าให้คงอยู่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติสืบต่อไป 3.เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้ร่วมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ในด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 4.เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนในชาติได้เกิดแนวความคิดในการอนุรักษ์ธรรมชาติ
    5.เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช 6.เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักในการรักษาป่าและสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติ เพื่อสงวนให้อนุชนรุ่นหลัง และ 7.ให้ความร่วมมือ ส่งเสริม สนับสนุน การคุ้มครองป่าและสัตว์ป่าตามที่องค์กรต่างๆ ให้การสนับสนุน รวมถึงการยกย่องเชิดชูผู้ที่ทำประโยชน์ด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
    นายสมชายกล่าวว่า วันที่ 7 เม.ย.นี้ ทางชมรมคนรักเสือดำกาญจนบุรี จะทำบุญให้กับเสือดำตัวที่ตายไป และจะดำเนินการเตรียมสร้างอนุสาวรีย์รูปปั้นเสือดำ เพื่อนำไปตั้งไว้ให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้กับชนรุ่นหลัง ที่บริเวณจุดที่เสือดำถูกล่าจนเสียชีวิตภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ 
    และหลังจากนี้ ทางชมรมจะยื่นเรื่องขออนุญาตไปยังกรมอุทยานฯ หากกรมอุทยานฯ อนุญาต ทางชมรมจะได้เชิญชวนนิสิต นักศึกษา สหภาพแรงงาน และประชาชนทั้งจังหวัดกาญจนบุรีและทั่วประเทศ  นอกจากนี้ในวันดังกล่าว ขอรณรงค์ให้ประชาชนคนไทยทุกภาคส่วนพร้อมใจกันสวมเสื้อรณรงค์ต่อต้านการล่าสัตว์ป่า และการทารุณกรรมสัตว์อย่างพร้อมเพรียงกัน
แนะปกป้องเสือดำมากกว่านี้
       ด้าน ดร.มานพกล่าวว่า ก็อยากจะฝากว่า ที่จริงแล้วนักกฎหมายทุกคนก็จะทราบดีว่ากฎหมายนั้นจะต้องมีการเท่าเทียมกับทุกคน ดังนั้นการจะบังคับใช้กฎหมาย จะเลือกปฏิบัติคนจนคนรวยไม่ได้ ดังนั้นตนจึงมองว่าก็ควรจะใช้กฎหมายให้เสมอภาคเท่าเทียมกัน หรือว่าทุกคนจะต้องมีความเท่าเทียมกันต่อหน้ากฎหมาย
          "ในฐานะที่ผมเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ฯ ตรวจสอบเบื้องต้น มีกฎหมายที่บังคับใช้อยู่กว่า 800 ฉบับ ใน 800 กว่าฉบับ มีอยู่เป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้มีการแก้ไขหรือเพิ่มเติมให้ทันสมัยขึ้น เช่น พระราชบัญญัติสงวนคุ้มครองสัตว์ป่าของไทยเรามีมาตั้งแต่ พ.ศ.2503 ซึ่งผ่านมากว่า 60 ปีแล้ว"
        ดร.มานพกล่าวว่า พ.ร.บ.สงวนคุ้มครองสัตว์ป่าหายาก เช่น เสือดำ ต้องได้รับการปกป้องและคุ้มครองมากกว่านี้ และจะต้องมีบทลงโทษที่หนักกว่า ความจริงสัตว์ทุกชนิดก็มีความสำคัญเท่าๆ กัน แต่สัตว์ป่าบางชนิดจะต้องมีบทลงโทษที่รุนแรงกว่า เพราะอนาคตข้างหน้าอาจจะไม่มีให้อนุชนรุ่นหลังได้เห็นและได้ศึกษาอีกต่อไป
        ส่วน ดร.ธวัชชัยกล่าวว่า เรื่องเสือดำเป็นการจุดประกายขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง อย่างที่อาจารย์ ดร.มานพ พูดว่ากฎหมายจะต้องมีความเท่าเทียมกัน ก็ให้ข้อคิดว่าขณะนี้เรื่องคดีก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว เราจะไม่พูดถึงเรื่องคดี แต่ก็ฝากไปว่าอย่าละเว้นการปฏิบัติ ต้องให้ความเสมอภาคทางด้านกฎหมายเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ 
    เพราะฉะนั้นถ้านักเรียนนักศึกษาที่จะเรียนเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและคุ้มครองสัตว์ป่า ซึ่งที่จริงมันเป็นหลักสูตรที่ไม่ตายตัว ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แน่นอนไปเลยว่าการเรียนมันมีกี่หน่วยกิต มีกี่ภาคเรียน และจะต้องสอนกันมาตั้งแต่รุ่นเด็กเล็กไปจนถูกคนโต คือเด็กเล็กจะต้องสอนให้เขารู้จักปลูกฝังให้เขารู้ว่านี่คือเสือดำ นี่คือเสือดาว เป็นต้น
       เมื่อเขาโตขึ้นจะต้องให้เขารู้จักการป้องกัน การป้องกันก็คือจะป้องกันอย่างไรไม่ให้เสือเหล่านี้ถูกล่า หรือหากรู้ว่าใครล่าจะต้องแจ้งไปที่ใด ซึ่งถ้าเราช่วยกันปลูกฝังเด็กและเยาวชนมาตั้งแต่เล็ก เชื่อว่าโอกาสที่การคุ้มครองสัตว์ป่าจะยั่งยืนอย่างแน่นอน อีกประเด็นก็คือจะต้องปลูกฝังให้เขามีจิตใจเป็นคนรักสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ป่า ซึ่งผู้ปกครองก็สำคัญ จะต้องปลูกฝังให้บุตรหลานรักสัตว์ตั้งแต่เป็นเด็ก ซึ่งหลักสูตรการเรียนการสอนก็สำคัญ เพราะปัจจุบันหลักสูตรการเรียนจะไม่ได้เน้นเรื่องทรัพยากรสักเท่าไหร่ ซึ่งส่วนใหญ่จะไปเน้นเรื่องวิชาการ 
    "ผมจึงอยากให้รัฐบาลเปิดหลักสูตรเน้นในเรื่องทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องการอนุรักษ์สัตว์ป่านี้นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก" ดร.ธวัชชัยกล่าว
ปลดป้ายโฆษณา
       ขณะที่นายสมศักดิ์ พนมชัยสว่าง นายกเทศมนตรีตำบลพนมทวน กล่าวว่า วันนี้เรามาคุยกันเรื่องเสือดำ เพราะว่านายสมชาย ประธานชมรมฯ กลัวว่าเสือดำจะหมดจากป่า ซึ่งตามธรรมชาติของเสือดำจะอยู่ในป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ ส่วนใหญ่อยู่ในซีกภาคตะวันตกของไทย เช่น ป่ากุยบุรี ประจวบฯ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแก่งกระจาน และพื้นที่กาญจนบุรี มีอยู่รวมกันประมาณ 500 ตัว สำหรับเสือดำกับเสือดาว เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกัน เพียงแต่ว่าเสือดำมันผิดแปลกตรงที่ว่าเลือดเม็ดสีมันเปลี่ยนไปก็เลยกลายเป็นเสือดำ
          สำหรับจำนวนเสือดำที่มีอยู่นั้นถือว่าไม่มาก ซึ่งตนก็รู้สึกเป็นห่วงเช่นกัน ซึ่งเสือดำนั้นเป็นสัตว์คุ้มครอง หากใครล่าและถูกจับก็ถูกดำเนินคดี คือจำคุกเพียงแค่ 4 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท ถามว่าทุกคนรู้จักตัวเงินตัวทองหรือไม่ ซึ่งสัตว์ชนิดนี้ก็เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองเช่นกัน หากใครทำผิดก็จะถูกลงโทษจำคุก 4 ปี เช่นเดียวกันกับเสือดำ ซึ่งตัวเงินตัวทองจะต้องไล่จับนำไปปล่อยที่ป่า ต่างจากเสือดำเป็นอย่างมาก ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ก็อยากให้รัฐบาลนี้เปลี่ยนกฎหมายใหม่ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง
    ยังมีประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับบริษัท อิตาเลียนไทยฯ นั่นคือป้ายบิลบอร์ดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ซึ่งติดไว้ที่อาคารของอิตาเลียนไทย ล่าสุด นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา กล่าวถึงกรณีตึกอิตาเลียนไทยได้ปลดป้ายออกแล้ว ตามที่เครือข่ายฯ ได้นำหลักฐานและข้อมูลมอบให้กระทรวงสาธารณสุข จนนำมาซึ่งการปลดป้ายตึกอิตาเลียนนั้น ต้องขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และสื่อมวลชน ที่ติดตามช่วยกระตุ้นเรื่องป้ายโฆษณาที่ผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2561 มาตรา 32 ซึ่งพบเป็นจำนวนมากในพื้นที่ กทม. และหากปลดป้ายบนตึกอิตาเลียนไทยแล้ว ต้องไม่ลืมที่จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด กับสิ่งที่ตึกอิตาเลียนทำผิดกฎหมายสำเร็จแล้ว และเอาผิดไปถึงทั้งเจ้าของตราผลิตภัณฑ์และเจ้าของตึก รวมถึงป้ายที่ให้ติดตั้ง เพราะทำผิดกฎหมายชัดเจน ที่ผ่านมาท้าทายฝ่าฝืนกันมานานมากแล้ว จะมาอ้างไม่รู้กฎหมายไม่ได้
    "ธุรกิจน้ำเมาต้องเอาป้ายที่มีลักษณะเข้าข่ายผิดกฎหมายออกให้หมด เนื่องจากยังมีป้ายโฆษณาตราผลิตภัณฑ์ที่ใกล้เคียงตราเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งใช้เพื่อสื่อสารทางการตลาด จนคนทั่วไปรับรู้ได้แล้วว่าคือการโฆษณาเหล้าเบียร์ เท่ากับว่าเขาทำการค้าไม่ตรงไปตรงมา ใช้เล่ห์เหลี่ยมเลี่ยงกฎหมาย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เอาผิดด้วย ส่วนธุรกิจน้ำเมาเองต้องหยุดมอมเมา เลิกทำตัวเป็นศรีธนญชัย เลิกทำป้ายสื่อสารแบบผิด หรือเลี่ยงกฎหมาย ขณะที่เจ้าของตึกหรือเจ้าของผู้ให้ติดตั้งป้ายต้องรอบคอบ อย่าติดป้ายที่ผิดกฎหมาย ไม่เช่นนั้นท่านเองก็จะเป็นจำเลยร่วมในการกระทำความผิดด้วย และหลังจากนี้เครือข่ายฯ จะติดตามป้ายสื่อสารการตลาดทุกป้าย ทุกแบรนด์ และนำเสนอกลไกรัฐและสาธารณะเป็นระยะ” นายคำรณกล่าว. 
              


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"