มันเป็นเช่นนั้นเอง!!!


เพิ่มเพื่อน    

แอบเข้าไปเยี่ยม น้องรัก ทันตแพทย์ ศุภผล เอี่ยมเมธาวี โดยไม่ให้เขารู้ตัว...คือแอบเข้าไปส่อง เฟซบุ๊ก ของเขานั่นแหละ เลยไปเจอกับข้อความที่เขาหยิบเอาคำพูด คำจา ของพระเดชพระคุณหลวงพี่ พระไพศาล วิสาโล มาโพสต์เอาไว้แบบเต็มหน้า เต็มตา ของเฟซบุ๊ก ซึ่งออกจะเป็นอะไรที่ เข้าท่า ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะสำหรับบรรยากาศในแวดวงการบ้าน การเมือง ตราบเท่าทุกวันนี้...

                                                             --------------------------------------------

      ข้อความตามคำพูด คำจา ของหลวงพี่ ไพศาล วิสาโล นั้น...ว่าเอาไว้สั้นๆ เรียบๆ ง่ายๆ แต่กินความกว้างขวาง ลึกซึ้ง สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับทุกๆ แวดวงได้เป็นอย่างดี คือเริ่มจากการ ตั้งคำถาม แบบที่ใครต่อใครมักต้องถามๆ กันอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะประเภทยาก-ดี-มี-จน เศรษฐี-ยาจก นักการเมือง ตำรวจ ทหาร นักธุรกิจ หรือแม้แต่พระแท้ๆ ก็ตาม นั่นคือคำถามที่ว่า ทุกข์นั้นมาจากไหน จากนั้น...หลวงพี่ท่านก็ให้คำตอบ หรืออาจเรียกว่า ข้อสังเกต ไว้แบบสั้นๆ ง่ายๆ ด้วยข้อความที่ว่า... ลองลดความคาดหวังดูบ้าง...ยอมรับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น คุณจะพบว่าจิตนิ่งขึ้นและดิ้นรนน้อยลง จะว่าไปแล้ว...ความทุกข์นั้นมิได้มาจากไหน แต่มาจากใจที่ดิ้นรนขัดขืน เพราะไม่ยอมรับความจริงนั่นเอง...

                                                           -------------------------------------------------

      เรียกว่า...ฟังแล้ว แม้ออกจะหนักไปทางห่อๆ เหี่ยวๆ อยู่บ้าง แต่ก็น่าจะ จริง อย่างที่หลวงพี่ท่านว่าไว้นั่นแล เพราะ ความจริง ที่ถือเป็นจริงในระดับ สัจธรรม ซึ่งใครต่อใครมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ คือความจริงอันว่าด้วย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั่นเอง แต่ก็ยังมิวายส่งผลให้เกิดการดิ้นรนขัดขืน ไม่พร้อมที่จะยอมรับ จนนำมาซึ่งความทุกข์กาย ทุกข์ใจ ของใครต่อใครไปตามสภาพ ความไม่อยากแก่ ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากตาย ไม่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น อันทำให้เกิดการดิ้นรนขัดขืน มากบ้าง-น้อยบ้าง สุดท้าย...ก็คือสิ่งที่นำมาซึ่งความ ไม่นิ่ง ความสับสน วุ่นวาย หรือนำมาซึ่ง ความทุกข์ ทั้งหลาย ทั้งปวง อย่างมิอาจปฏิเสธ...

                                                            --------------------------------------------------

      การ ยอมรับความจริง หรือ ยอมลดความหวัง ลงไปมั่ง...จึงน่าจะถือเป็นกรรมวิธีที่ช่วยให้พอสบายอก สบายใจ ขึ้นมาได้บ้าง แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี คือให้เห็นว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง หรือ มันเป็นพรรค์นั้นแหละ อย่างที่ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านจัดให้เป็น คาถาศักดิ์สิทธิ์ สำหรับใครก็ตาม ที่ยังคงพยายามดิ้นรนกระเสือกกระสนอยู่ใน กองทุกข์ ทั้งหลาย เพราะหลายต่อหลายสิ่งอย่างในโลกนี้ มันแทบไม่ต่างอะไรไปจากความแก่ ความเจ็บ ความตาย หรือบรรดาความเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย ซึ่งเป็นอะไรที่ ควบคุมไม่ได้ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ด้วยเหตุเพราะมันเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น หรือเป็นไปเพราะ ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป ตามกฎเหล็กแห่งธรรมชาติ หรือกฎอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท นั่นเอง...

                                                           --------------------------------------------------

      แม้แต่ชีวิต เลือดเนื้อ ร่างกาย อันเป็น ตัวตน ของแต่ละปัจเจกบุคคล ยังเป็นอะไรที่มิอาจควบคุมได้ง่ายๆ  โอกาสที่จะไปควบคุมสังคมทั้งสังคม ควบคุมชาติ บ้านเมือง ให้ต้องเป็นไปตามที่หวัง ที่คาด มันจึงออกจะยากเย็นแสนเข็ญยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้...มีแต่ต้องหาทาง ลดความหวัง อย่าให้มันออกไปทาง เว่อร์ๆ หรือโอเวอร์ มากมายเกินไปนัก ให้อยู่ในระดับที่พอเป็นไปได้ หรือพออยู่ๆ กันไปได้นั่นแหละ ถึงน่าจะพอช่วยลดๆ ความทุกข์ ความดิ้นรนกระวนกระวายทั้งหลายลงมาได้มั่ง

                                                          ---------------------------------------------------

      โดยเฉพาะเมื่อมองจากทิศทางการเมืองที่กำลังเห็นและเป็นไปนับจากนี้...ใครที่ดันคิดไปตั้ง ความหวัง แบบสูงๆ เข้าไว้ โอกาสที่จะต้องฟูมฟาย ตีอก ชกหัวตัวเอง ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ คือไม่ว่าหลังสิ้นสุดโรดแมป หลังจากการเลือกตั้งที่รัก มันจะส่งผลออกมาในลักษณะแบบไหน เช่นไร คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า...ย่อมมิอาจเป็นไปตามที่ใครตั้งความหวัง ความต้องการ ไปได้ซะทั้งหมด หรือมันอาจต้อง จัดสรรปันส่วนผสม กันอีกเยอะ ต้องมีอะไรที่เกิด-แก่-เจ็บตาย มีความเปลี่ยนแปลงที่ตรงและไม่ตรง กับ รสนิยม ของใครต่อใครทั้งหลาย มากบ้างน้อยบ้าง ไปตามสภาพ...

                                                          -----------------------------------------------------

      การ ลองลดความหวัง ลงไปบ้าง...และพยายามมองให้เห็น ความจริง ที่ยังคงดำรงอยู่ ไม่ว่าในแง่การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ไปจนถึงวัฒนธรรม ประเพณี ทัศนคติและค่านิยมต่างๆ ฯลฯ ว่ามันจะส่งผลให้ ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป ในแบบไหน อย่างไร อันนั้นนั่นแหละ...ที่อาจพอช่วยให้ไม่ว่าตัวตนของตน พรรคของตน พวกของตน สังคมของตน ไม่ถึงกับต้องสับสน วุ่นวาย ปั่นป่วน รวนเร มากมายเกินไปนัก หรือพอช่วยให้เกิด ความสุข อันมีความหมายถึง ทุกข์น้อย หรือ ทุกข์ที่พอรับได้ ขึ้นมาได้มั่ง...

                                                            ---------------------------------------------------

      ส่วนใครก็ตาม...ที่ดันไปตั้งความหวังแบบสูงๆ เข้าไว้ หรือไปสัญยิง สัญญา สร้างความหวังให้กับผู้คนแบบล้นเกิน หรือแบบโอเวอร์มากไป ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นเก่า คนรุ่นใหม่ หรือรุ่นใดๆ ก็แล้วแต่ ประเภทหวังจะนำเอา แผ่นดินอันงดงาม ในอดีตกลับคืนมาให้จงได้ หรือหวังจะนำพาชาติบ้านเมืองไปสู่ อนาคตแบบใหม่ อันนั้น...คงต้องปล่อยให้เขาดิ้นรนกระวนกระวายไปกับ กองทุกข์ กันตามสภาพ หรือตามเวร ตามกรรม ของตัวเองนั่นแล...

                                                                ---------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก John Stuart Mill (อีกครั้ง)... I have learned to seek my happiness by limiting my desires, rather than in attempting to satisfy them.-ข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะแสวงหาความสุขด้วยการกำจัดความอยากของข้าพเจ้า แทนที่จะพยายามสนองตอบความอยากนั้นๆ...

                                                          ----------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"