ใกล้ปิดจ๊อบ กก.ปฏิรูปตำรวจรอส่งพิมพ์เขียวทั้งหมดถึงมือบิ๊กตู่ปลายเดือนนี้ ชงปรับปรุง 1,400 โรงพักเข้าสู่ยุคใหม่-ให้พนักงานสอบสวนแจ้งความคืบหน้าของคดีเป็นลายลักษณ์อักษรถึงผู้เสียหายทุก 1 เดือน จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น
       การจัดทำข้อเสนอในการปฏิรูปตำรวจ ของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม(ตำรวจ) มีความคืบหน้าตามลำดับ โดย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานกรรมการฯ จะส่งมอบข้อสรุป ข้อเสนอการปฏิรูปตำรวจที่กรรมการศึกษามาร่วมปี ให้กับนายกรัฐมนตรีในปลายเดือนนี้ และนัดแถลงข่าวผลสรุปทั้งหมดในวันที่ 28 มี.ค. 
    ซึ่งล่าสุด คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาและเห็นชอบกับมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพสถานีตำรวจทั้ง 1,400 แห่งทั่วประเทศ ทั้งด้านโครงสร้างการจัดอัตรากำลังรองรับภารกิจของสถานีตำรวจ, มาตรการปฏิบัติงาน, การพัฒนาบุคลากรในสถานีตำรวจ, กลไกความร่วมมือและเครือข่ายตำรวจในพื้นที่ ตามรูปแบบประชารัฐ, การประเมินผลงานและวัดผลสัมฤทธิ์ของสถานีตำรวจ แล้วเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ 
      นายมานิจ สุขสมจิตร ประธานคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสารกับสังคม ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) กล่าวว่า
เพื่อให้การปฏิรูปตำรวจเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน  ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบกับข้อเสนอที่จะให้เพิ่มประสิทธิภาพของสถานีตำรวจทั้ง 1,400 แห่งทั่วประเทศ หลายประเด็น เช่น ในด้านการจัดอัตรากำลังพลนั้น จะต้องกำหนดระดับและอัตราตำแหน่งของหัวหน้าและรองหัวหน้าสถานีตำรวจ โดยคำนึงถึงปริมาณงานและความซับซ้อนในการปฏิบัติงานในพื้นที่ ซึ่งอาจแตกต่างกันในแต่ละสถานีที่มีขนาดไม่เท่ากัน ต้องจัดชุดสายตรวจที่ติดตั้งระบบจีพีเอส มีวัสดุประจำกาย
    นายมานิจกล่าวอีกว่า สำหรับสายตรวจมีกล้องบนหมวกจราจร อุปกรณ์สื่อสารประจำกาย พัฒนาระบบห้องปฏิบัติการและการรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย โดยติดตั้งอุปกรณ์เชื่อมโยงกับระบบซีซีทีวีในพื้นที่ และระบบส่งผ่านข้อมูลเชื่อมโยงกับศูนย์ปฏิบัติการควบคุมสั่งการและสื่อสารข้อมูลกลาง มีอุปกรณ์จำเป็นด้านนิติวิทยาศาสตร์ เครื่องดักฟัง ไฟฉายติดกล้อง เป็นต้น เพื่อใช้สำหรับสนับสนุนงานสืบสวน ในการกำหนดเทคโนโลยีมาใช้ในงานป้องกันและปราบปรามและงานสืบสวนสอบสวน จะนำอากาศยานโดรนมาช่วยแก้ปัญหาจราจร และตามจับผู้ต้องหาตามความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ ทั้งนี้ เพราะปัจจุบันนี้คนร้ายได้นำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้กระทำความผิด โดยทำในรูปแบบเครือข่าย ซึ่งสร้างความยุ่งยากสลับซับซ้อนในการติดตามจับกุมมาก
    กรรมการปฏิรูปตำรวจกล่าวอีกว่า ในการเพิ่มรูปแบบของความร่วมมือของประชาชนกับสถานีตำรวจ ควรให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น การเพิ่มกลไกสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม เช่น การตั้งกองทุนสนับสนุน กิจการตำรวจทั้งระดับสถานีและระดับจังหวัด 
และพัฒนาป้อมยามชุมชนให้ทำหน้าที่บริการประชาชนได้กว้างขวางยิ่งขึ้น แบบ koban ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะภารกิจการป้องกันและชุมชนสัมพันธ์ ส่วนบนสถานีตำรวจนั้น มีข้อเสนอให้มีนิติกรทำหน้าที่ให้คำปรึกษาทางกฎหมายแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน โดยอาจเพิ่มเป็นงานกฎหมายและคดีขึ้นในแต่ละสถานีตำรวจ นอกจากนี้จะต้องให้เป็นหน้าที่ของหัวหน้าสถานีตำรวจในการพัฒนาบุคลากร ด้วยการฝึกอบรมภายในสถานีควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบกลาง
       นายมานิจกล่าวต่อไปว่า สำหรับภารกิจอื่นที่ไม่ใช่งานหลักของสถานีตำรวจ ควรถ่ายโอนภารกิจบางประเภทที่ตำรวจไม่จำเป็นต้องปฏิบัติเอง เช่น งานรับคำร้อง งานดูแลอาคารสถานที่ งานรักษาความสะอาด และงานประชาสัมพันธ์ เป็นต้น ควรจ้างบุคคลภายนอก (Out source) ทำ โดยคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจเห็นสมควรด้วยว่า การเพิ่มกลไกสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม เช่น การจัดตั้งกองทุนสนับสนุนกิจการตำรวจ ทั้งระดับสถานีและระดับจังหวัด ดึงประชาชนเข้ามาร่วมบริหารกองทุนที่มีที่มา ทั้งจากงบประมาณแผ่นดินและจากการบริจาค รวมทั้งให้ปรับชื่อคณะกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนกิจการตำรวจระดับสถานีเป็นคณะกรรมการส่งเสริมกิจการตำรวจในระดับสถานี
    " ในหลักการของการมีส่วนร่วมนี้ กำหนดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดระบบการบริหารกิจการตำรวจให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละท้องถิ่นและชุมชน  โดยต้องให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและองค์กรภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับนโยบาย งบประมาณ และอาสาสมัคร และให้มีคณะกรรมการติดตามตรวจสอบและส่งเสริมการบริหารกิจการที่ดีของตำรวจประจำจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเป็นรองประธาน  มีกรรมการฝ่ายองค์การ ปกครองส่วนท้องถิ่น ฝ่ายภาคประชาสังคม ฝ่ายวิชาการ และฝ่ายเอกชนเข้ามาร่วม" นายมานิจกล่าว 
    นายมานิจกล่าวอีกว่า ในการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจ เห็นชอบให้จัดทำคู่มือปฏิบัติงานที่ชัดเจนเพิ่มขึ้นนอกเหนือไปจากคู่มือที่มีอยู่แล้ว เช่น คู่มือสายตรวจ คู่มือการใช้ยุทธวิธีประจำสถานี คู่มือการปราบปรามการค้ามนุษย์ คู่มืองานปราบปรามภายในสถานี คู่มืองานสืบสวนสอบสวน คู่มืองานจราจร โดยคู่มือตำรวจใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นนี้ จะครอบคลุมงานตามภารกิจหลักของสถานีตำรวจทั้ง 6 กลุ่มงาน และจะมีพันธสัญญาของงานสอบสวนประกาศไว้อย่างชัดแจ้งที่สถานีตำรวจ เช่น งานที่ต้องทำให้เสร็จภายในเวลา 30 นาที ได้แก่ การแจ้งเอกสารหาย การเปรียบเทียบปรับตามใบสั่ง งานที่ต้องทำให้เสร็จภายในเวลา 1 ชั่วโมง ได้แก่ การแจ้งความเป็นหลักฐานกรณีไม่เกี่ยวกับคดีการคืนหลักทรัพย์ที่นำมาประกันตัวผู้ต้องหาและการขอประกันตัวผู้ต้องหา แต่ถ้าเป็นกรณีไม่อนุญาตให้ประกัน จะต้องเสร็จเรื่องภายใน 24 ชั่วโมง 
    "งานที่ต้องทำให้เสร็จภายใน 2 ชั่วโมง ได้แก่ การขอคัดสำเนาบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดี การคืนของกลางกรณีมีคำพิพากษาหรือคำสั่งที่สุด ไม่ริบ หรืออัยการสั่งให้คืน ส่วนงานที่ให้เสร็จภายใน 1 วัน ได้แก่ การตรวจสอบสภาพรถในคดีจราจร การแจ้งให้ญาติหรือบุคคลที่ผู้ต้องหาไว้ใจให้ทราบการจับกุม เมื่อผู้ถูกจับร้องขอให้ตำรวจกระทำในโอกาสแรก และการแจ้งความคืบหน้าของคดี กำหนดให้พนักงานสอบสวนแจ้งเป็นหนังสือถึงผู้เสียหายทุก 1 เดือน จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น"  นายมานิจกล่าว.