'โอ้อนาถวาสนากับพี่ใหญ่'


เพิ่มเพื่อน    

เห็นจะจริง..........

อย่างที่เขาว่า "ปลาใหญ่มักตายน้ำตื้น"!

ดูอย่าง "พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ" พี่ใหญ่ของท่านนายกฯ ประยุทธ์นั่นปะไร

เรื่อง "ใหญ่กว่านาฬิกา" ใช่ว่าไม่มี

แต่ด้วยความชะล่าใจ ประมาท คิดหน้าไม่ถึงหลัง เรื่องเล็กๆ จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ ทำท่าจะตายน้ำตื้นเอาด้วยซ้ำ

ตอนนี้ ไม่ใช่ ๑๕ เรือน อย่างที่ "นายวรวิทย์ สุขบุญ" เลขาฯ ป.ป.ช.เข้าใจ

เรือนที่ ๑๖ ทยอยออกมาแล้ว

เป็นโรเล็กซ์ทองคำราคากว่า ๑ ล้าน ๑ แสน ใส่โชว์สมัยเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เมื่อปี ๕๓

ผมก็ได้แต่ภาวนาว่า "เจ้าประคู้นนนน.....

ขอให้ไอ้เครื่องถ่วงมือ-ถ่วงนิ้วราคาแพงทั้งหลายเหล่านี้ จงมีแจงอยู่ในบัญชีทรัพย์สินของท่าน ที่ยื่นไว้กับ ป.ป.ช.ด้วยเทิ้ดดดด"

คือจะมีกี่ร้อย-กี่พันเรือน ไม่มีใครว่า

ขอเพียงเจ้าร้อย-เจ้าพันเรือนนั้น มีอยู่ในบัญชีทรัพย์สินที่แจ้ง ป.ป.ช.ก็แล้วกัน

จะเอาไปใส่โชว์สลับ "เรือนละชั่วโมง" ก็ไม่มีปัญหา

อย่างเก่งแค่ถูกอิจฉา..........

และพวกตาร้อนจะค่อนแคะเอาบ้างว่า "เป็นทหารเดือนละเท่าไหร่ ไร่นาก็ไม่เห็นเคยทำ

แต่ทำไมถึงรวยเหลือกิน-เหลือใช้ ซื้อนาฬิกาเรือนละแสน-เรือนละล้านใส่ จากข้อมือยันข้อตีน!?"

อย่างเรือน "ริชาร์ด มิลล์" ที่ทำท่าจะกลายเป็น "กุญแจมือ" แทนนาฬิกาข้อมืออยู่รอมร่อ นั้น

ดูท่าแล้ว คงไม่ได้แจ้งไว้ก่อน เห็นเพิ่งแจงไปแหม็บๆ เมื่อวาน (๕ ม.ค.๖๑) เลขาฯ ป.ป.ช.บอกว่า

"ป.ป.ช.ยังข้องใจ ส่งประเด็นให้แจงเพิ่มเติมรอบ ๒"

ที่แจงไป ดูเหมือนอย่างที่เป็นข่าวนำร่อง คือ "นาฬิกาเพื่อน-แหวนเพชรแม่" ประมาณนั้น

ดูรูปมวยแล้วก็ "หนักใจแทน"!

ถึงตอนนี้ ใจผมยังไม่สะเด็ดน้ำ ว่าบัญชีทรัพย์สินหมวดนาฬิกาของท่านรองฯ ประวิตร จะจบลงที่ "เรื่อนที่ ๑๖"

หรือยังจะมีตามออกมาเรื่อยๆ เป็นเรือนที่ ๑๗-๑๘-๑๙-๒๐ จนถึงเรือนที่ ๑๐๐?

ก็เข้าใจล่ะ "ของเล่นนายพล" ในกองทัพนั้น เขานิยม "สะสมนาฬิกาข้อมือ" แข่งกัน

แต่เมื่อวาน "น้องเล็ก" นายกฯ ลุงตู่ ประกาศตนเป็น "นักการเมือง" ชัดเจนไปแล้ว

"พี่ใหญ่" ซึ่งเล่นบท "ผู้จัดการรัฐบาล คสช." มาตลอด ถึงไม่ประกาศว่าเป็นนักการเมือง

แต่ความจริง ออกจากทหารก็มาเป็น "นักการเมือง" ก่อนที่น้องเล็กจะเป็นด้วยซ้ำ

ฉะนั้น ไม่มี "แต้มต่อ-ข้อแม้" ใดๆ ที่จะอยู่เหนือกติกา ป.ป.ช.เมื่อเจอทรัพย์สินทีหลัง จะอ้างว่าพลั้งเผลอ ลืมแจ้ง เห็นจะไม่ได้

ต้องไม่ลืม ป.ป.ช.ชุดนี้ อยู่ในบัญชี "วอตช์ลิสต์" คือประชาชนยังเฝ้าจับตามองอยู่

ในแง่ว่า ตัวประธาน ป.ป.ช. "พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ" คือคนที่ "พลเอกประวิตรส่งมา"

ดังนั้น ถึงรัฐบาล-สนช. "ตีตั๋วต่ออายุ" ป.ป.ช.ให้อยู่ ๙ ปี ก็ใช่ว่าจะอยู่ได้

ถ้าผลสอบ ป.ป.ช.ออกมา ส่อว่า "เอาประโยชน์ชาติไปตอบแทนบุญคุณส่วนตัว" ในกรณีแหวน-นาฬิกาบิ๊กป้อม

เป็นนักการเมืองแล้ว.......

ก็บอกให้รู้ "อารมณ์การเมือง" ไว้แต่เนิ่นๆ ว่า

ทั้งรัฐบาล คสช. ทั้ง ป.ป.ช.อย่าตีราคา "อารมณ์ชาวบ้าน" ต่ำ

น้ำอุ้มเรือให้ลอยได้ ฉันใด น้ำก็คว่ำเรือได้ ฉันนั้น!

เท่าที่ฟัง ป.ป.ช.ตั้งแนวเดินคดี จะเรียกเอกชน ๓-๔ ราย สอบปากคำเกี่ยวกับนาฬิกา

แสดงว่า ที่พูดกัน "นาฬิกา" ยืมเพื่อนผลัดกันใส่นั้น "จริง"

จริงในประเด็น "บิ๊กป้อมแจง" ป.ป.ช.

ส่วนจริง "ในข้อเท็จจริง" หรือไม่ ก็อย่าด่วนสรุปกันไปทางใด-ทางหนึ่ง ให้เขาสอบและรอฟัง "ผลสอบ" เขาก่อน

ส่วนตัวผมนั้น พอเดาได้ว่า ๓-๔ ราย ที่เกี่ยวกับนาฬิกาเพื่อนผลัดกันใส่นั้น น่าจะเป็นใครบ้าง?

ก็เดาไม่ยาก.............

๑.ต้องเป็น "พ่อค้า-นักธุรกิจ" รวยอันดับประเทศ

๒.อำนาจรัฐกับธุรกิจต้องเกื้อสัมพันธ์กัน และ

๓.ต้องคุ้นเคย-คลุกคลีกันระดับ "ใจถึง-พึ่งได้"

พูดกันตรงๆ นาฬิกานั้น เหมือนเมีย..........

เขาห้ามขอยืมกันใช้ ยิ่งผลัดกันใช้ด้วยแล้ว แค่ออกปาก เลือดก็กบปากแล้ว!

ระดับพลเอกประวิตร และระดับตระกูลวงษ์สุวรรณ เป็นไปได้หรือ ที่ต้องขอยืมนาฬิกาคนอื่นใส่?

ฟังแล้วไม่เก็ต!?

เพียงออกปากว่าสวย หรือแค่ทำตาวาว พ่อค้า-นักธุรกิจที่ต้องสอบ ๓-๔ คนนั้น ขี้เกียจจะแย่งกันซื้อมาประเคนถึงข้อมือ-ข้อตีน

สมมุติผมเป็นนักธุรกิจใหญ่ ใส่ "ริชาร์ด มิลล์" ไป พลเอกประวิตรเห็นแล้ว ออกปากขอยืมใส่

ให้ยืมมั้ย....?

ไม่ให้ยืมหรอก หากแต่รีบถอดยกให้ไปเลย หรือไม่ก็รีบไปซื้อเรือนใหม่มากราบมือ-กราบเท้าท่านทันที-ทันใด

ดังนั้น กรณีนาฬิกา หาทางออกที่สมเหตุ-สมผลยาก

อ้างได้ ว่าของเพื่อนให้ใส่ แต่รับฟังไม่ได้ในข้อเท็จจริง ทั้งในแง่กฎหมาย และในแง่ความเข้าใจของสังคม

รายได้พลเอกประวิตรปีละเท่าไหร่ แค่นาฬิกา ๑๖ เรือน ไม่ต้องกิน-ต้องใช้ เอามาซื้อทั้งหมดก็ไม่พอด้วยซ้ำ

ทำให้เกิดข้อสงสัยตามมา พลเอกประวิตร ประกอบอาชีพอื่นใดที่ก่อให้เกิดรายได้ จึงมีสมบัติเหลือกิน-เหลือใช้ขนาดนั้น?

เดี๋ยวก็จะลามไปสู่ประเด็น "ร่ำรวยผิดปกติ" จนได้!

จะอ้างว่าชาติตระกูลร่ำรวยมาก่อน เกิด ป.ป.ช.เอาจริง ขอตรวจสอบที่มาของความร่ำรวย

เพื่อแยกแยะ "ของตระกูล-ของตัว" ก็จะพากันเดือดร้อนไปทั้งหมด

บอกแล้ว "เสาร์-มฤตยู-เกตุ" เป็นวินาศดวงเมือง ใครทำดี-ทำชั่วแล้วยังไม่ปรากฏผล

คราวนี้แหละ ถึงเวลา "ปรากฏผล" แล้ว ใครที่ประเภท "ปิดทองหลังพระ" มานาน

ถึงเวลา "ทองจะล้นออกมาข้างหน้า" ให้สาธารณชนได้เห็น

เช่นเดียวกัน......

ใครทำไม่ดีปกปิด-ซุกซ่อนไว้ ที่พูดประชดกันว่า "ทำชั่วแล้วได้ดีมีเยอะแยะ"

ไอ้ที่ว่าเยอะแยะนั้น คราวนี้แหละ

จะเป็นเยอะแยะของความไม่ดีที่ปกปิด-ซุกซ่อนไว้ ถูกขุดคุ้ยออกมา และต้องเสวยผลแห่งกรรมนั้น!

บิ๊กป้อมนี่ ความร่ำรวยเป็นวินาศกับดวงท่านจริงๆ

เห็นมาตลอด ไม่ว่ากระดิกตัวทำอะไร จะมีเสียงซุบซิบ-นินทาด้านไม่สุจริตตามมาแทบทุกเรื่อง

ก็ไม่รู้ว่าแต่ชาติปางก่อน ทำบุญด้วยอะไร จึงต้องทุกข์เพราะสมบัติ?

จะแตะซื้ออะไร เป็นต้องแอะกันทั้งเมืองเรื่องความโปร่ง-ไม่โปร่ง แต่มีอยู่โครงการหนึ่ง ที่ผม "เห็นด้วย" คือ

การซื้อ "เรือดำน้ำจีน"!

ใครจะว่าอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ แต่ผมมองว่า ถึงเวลาและสมควรที่ประเทศไทยเราต้องมีเรือดำน้ำแล้ว

ส่วนประเด็น "มีนอก-มีใน" ในการซื้อหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งในความเป็นจริง มันต้องไม่มี

ถ้ามี........ก็ควรไปตายซะ!

เรื่องเหมาลำการบินไทย ๒๐ ล้าน ไปประชุมที่ฮาวายนั่นเหมือนกัน ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว "ไม่รับเรื่อง" ไว้ไต่สวน ผมก็เห็นด้วย

คือมัน "ไม่ผิดระเบียบ" หรอก.......

แต่มัน "ไม่สมควร" แก่งานและแก่ฐานะตัวเอง

เป็นแค่ "รองนายกฯ" และ "รัฐมนตรี" ไปประชุมกับทหารอเมริกันที่ฮาวาย

ซื้อตั๋วเครื่องบินโดยสารไปก็พอ ไม่ต้องเหมาลำ ก็ไม่เห็นเสียงาน-เสียเกียรติตรงไหน?

การเหมาลำระดับรัฐบาล ควรเป็นเกียรติสำหรับ "นายกรัฐมนตรี" คนเดียวก็พอ

แค่รัฐมนตรี "เหิมเกริม" เกินไป

และเป็นการใช้ "เงินหลวง" ควรต้องถูกชาวบ้านเขาด่าเป็นค่าต้น-ค่าดอกจากเงินภาษีที่เก็บมาผลาญ!

เอาเหอะ.....ถึงอย่างไร ผมคนหนึ่งละ ที่เอาใจช่วยบิ๊กป้อม

ไม่ขอให้รวยหรอก......

แต่ "ขอให้รอด"!

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"