'ประยุทธ์' ทุบโต๊ะเศรษฐกิจปีหมาโตมากกว่า 4 %


เพิ่มเพื่อน    

"โฆษกรบ." เผย "นายกฯ" พอใจแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้นต่อเนื่อง คาดปี61โตมากกว่า 4 เปอร์เซ็นต์ พร้อมเร่งยกระดับราคาสินค้าเกษตร ย้ำช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ออกมาตรการระยะที่ 2

6 ม.ค.61 - พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง และพอใจที่ได้รับทราบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.60 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 อยู่ที่ระดับ 79.2 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 35 เดือน นับตั้งแต่เดือน ก.พ.58 โดยมีปัจจัยบวกมาจากการส่งออกที่ขยายตัว การท่องเที่ยวที่ดี มาตรการกระตุ้นการบริโภคและเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับขึ้น และข่าวการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็นต้น

โฆษกรัฐบาลยังเผยว่า นายกฯได้กล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจในปี 61 จะขยายตัวร้อยละ 4.2-4.5 และอาจขยายตัวได้ถึงร้อยละ 5 ตามการคาดการณ์ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เช่นเดียวกับตัวเลขของ ธนาคารออมสินที่ประเมินการขยายตัวของเศรษฐกิจไว้ถึงร้อยละ 4.6 เพราะรัฐบาลพยายามเร่งรัดการใช้จ่ายและการลงทุน เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง โครงการพัฒนาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน โครงการยกระดับ SMEs โครงการพัฒนาEEC รวมทั้งเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และปัจจัยบวกต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียังเป็นห่วงและให้ความสำคัญกับปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยคาดว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ทั้งนี้ รัฐบาลมีมาตรการรักษาเสถียรภาพและยกระดับราคาสินค้าเกษตร เช่น โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี 2560/61 ที่ช่วยชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายตลาดข้าวเหนียวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวเหนียว การเชื่อมโยงตลาดสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ระหว่างจังหวัด การส่งเสริมการใช้ยางภายในประเทศให้มากขึ้น และการเข้มงวดกับการนำเข้ามันสำปะหลังจากต่างประเทศ ฯลฯ

"ส่วนการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยนั้น รัฐบาลจะออกมาตรการระยะที่ 2 โดยมีแนวทางหลัก คือ การช่วยเหลือผู้ที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี ซึ่งมีอยู่ประมาณ 5.3 ล้านคน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีการจัดทำแผนที่ชีวิต โดยหวังว่าจะช่วยให้คนกลุ่มนี้มีงานทำ มีการศึกษาอบรมที่เหมาะสมกับศักยภาพ รวมทั้งได้เป็นเจ้าของกิจการ หรือเป็นลูกจ้าง หรือออกไปทำงานต่างประเทศได้ และมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองได้ หรือสามารถจ่ายค่าเช่าที่อยู่อาศัยได้"พล.ท.สรรเสริญระบุ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"