บันทึกหน้า4...ท.ศักดิ์


เพิ่มเพื่อน    

ดูเหมือนท่วงทำนองของรัฐบาล “คณะคืนความสุข” ยามนี้ มีการพลิกเป้าหมาย การชู “วาระแห่งชาติ” อย่างกลับลำ 360 องศาแล้ว เพราะเดิมที่ตั้งเป้า “วาระแห่งชาติ” ในเรื่องการปราบปรามคอร์รัปชัน หรือปราบโกง ทั้งการร่วมมือกับภาคเอกชน หรือแม้กระทั่งคลอดรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงกันเลยทีเดียว แต่ไปๆ มาๆ เรือธงของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กลับต้องมาสะดุดหัวทิ่มหัวตำ เพราะคนใกล้ชิดและคนใกล้ตัวในประเด็น “แหวนเพชรแยงตา นาฬิกาแยงใจ” เสียนี่ ...๐ แม้สุดท้ายแล้วก็เชื่อพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมจะไม่มีอะไรมาระคายผิวก็ตามที แต่ก็จะกลายเป็นประเด็นเมาธ์มอยให้กับสังคม รวมทั้งสร้างแผลความไม่น่าเชื่อถือในการปราบโกงของรัฐบาลทหารขึ้นมาอีกครั้ง เพราะกรณีความกังขาของสังคมที่มีต่อเรื่องคาบลูกคาบดอกนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ไล่มาตั้งแต่กรณี “ไมค์สวรรค์” จนมาถึง “อุทยานราชภักดิ์” แล้วตบท้ายและคงไม่ท้ายสุดอย่าง “นาฬิกาหรู” งานนี้แม้แต่ “หินลองทอง” หากพูดได้ยังอยากบอกว่า “เรื่องนี้ขอไม่ยุ่ง” กันเลยทีเดียว ...๐ ส่วน “เป้าหมาย” ใหม่ที่รัฐบาลลุงตู่ดูเหมือนจะหันมาเน้นและให้ความสำคัญ นั่นคือ “การแก้จน” ซึ่งงานนี้สงสัย มือชง “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ จะเป็นคีย์แมนหลัก แต่บอกได้คำเดียวว่างานนี้ “เหนื่อย” และ “หนัก” เสียกว่าการปราบปรามการทุจริตซะอีก แต่ หากใช้เพียงตัวเลข “จีดีพี” แล้วบอกว่าคนไทยพ้นความยากจนหมดนั้น งานนี้ก็คงเสร็จ “เฮียกวง” แน่นอน ...๐ ที่ต้องบอกว่าเปลี่ยนเป้า เพราะเมื่อวันอังคารที่ 9 ม.ค. ที่ประชุม ครม.เพิ่งมีมติเห็นชอบมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในวงเงิน 35,679 ล้านบาท ผ่านมาไม่ถึง 24 ชั่วโมงดี “เดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา” ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ก็ระบุถึงการเตรียมจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 วงเงิน 3 ล้านล้านบาท แต่ที่น่าสนใจคือ การเตรียมเสนอการ ขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายกลางปี 2561 อีก 1.5 แสนล้านบาทในการประชุม ครม.วันที่ 16 ม.ค ...๐ โดยงบกลางปี 1.5 แสนล้านบาทจะใช้ 1 แสนล้านบาทในโครงการปฏิรูปเศรษฐกิจฐานรากกันเลยทีเดียว ถ้าไม่เรียกว่าเปลี่ยนเป้าแล้วจะเรียกว่าอย่างไร เพราะเพิ่งผ่านไตรมาสแรกของงบประมาณปี 2561 มาไม่เท่าไหร่ ก็มาขอเพิ่มงบกลางปีเสียแล้ว ที่สำคัญยังเป็นการเพิ่มในปริมาณ ที่น่าปริวิตกอย่างยิ่ง เพราะในงบรายจ่ายปี 2561 ก็มีงบกลางอยู่แล้วในวงเงิน 97,823,525,500 บาท แต่นี่กลับมาเพิ่มอีก 1 แสนล้านบาท ก็บอกได้คำเดียวว่ามันช่างน่าถูกจับจ้องและวิพากษ์วิจารณ์เสียนี่กระไร ...๐ แล้วการเพิ่มงบกลางปีในปริมาณมหาศาลขนาดนี้ อาจถูกจับโยงไปยังเรื่อง “คอร์รัปชัน” ที่ปัจจุบันเริ่มเป็น “จุดอ่อน” มากกว่า “จุดแข็ง” ในช่วงแรกๆ ของรัฐบาลคืนความสุข อาจถูกเหมารวมได้ และ ยิ่งใกล้ช่วงหน้าข้าวหน้าเหล้าว่าด้วยการเลือกตั้งในปีนี้แล้ว การอยู่ดีไม่ว่าดีมาขอเพิ่มงบกลางปี คนมองโลกในแง่ร้ายก็ต้องคิดกันว่าเป็นการ “หาทุน” สู้ศึกเลือกตั้งของพรรคทหารก็ว่าได้ ...๐ พูดถึงเรื่องเงินเรื่องทองไม่เอ่ยอ้างถึงเรื่อง “ค่าจ้างขั้นต่ำ” ไม่ได้ ตอนแรก “จับกัง 1” อย่าง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน คุยไว้ตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วจนถึงการประชุม ครม.เมื่อวันอังคารว่า ในการประชุมวันที่ 10 ม.ค.คงจะมีข่าวดีออกมาแน่ แต่สุดท้ายก็เกิด “โรคเลื่อน” จนได้ แต่อย่างน้อยก็มีข่าวดีว่าขึ้นแน่ แต่ไม่รู้อัตราเท่าใด แล้วที่สำคัญไม่ขึ้นเท่ากันทั้งประเทศด้วยนะจ๊ะ ...๐ ส่วนนี่ไม่รู้ว่าข่าวดีหรือร้าย เพราะ “ขสมก.” ได้เตรียมเสนอแผนฟื้นฟูออกมาแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการปรับค่าโดยสาร แหม! แม้จะเป็นเพียงแค่แนวคิดยังไม่มีมติฟันธงออกมา แต่ต้องบอกว่าสอดรับกับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแบบมิได้นัดหมายเสียจริง ซึ่งอัตราที่เสนอมาคือ “รถเมล์ร้อนจาก 6.50 บาท เป็น 8.50 บาท รถเมล์แอร์ สีครีม-น้ำเงิน จาก 10-18 บาท เป็น 12-20 บาท และรถเมล์แอร์ สีเหลือง-ส้ม จาก 11-23 บาท เป็น 13-25 บาท” …๐ ทิ้งท้ายด้วยข่าวไม่เกินคาดหมายในเรื่องปฏิรูปตำรวจ เมื่อ “พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์” ประธานคณะกรรมการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) ออกมายอมรับแล้วว่า ทั้งหลายทั้งมวลที่ศึกษาแล้วศึกษาเล่าคงไม่ทันใช้ในปีนี้แน่ๆ เพราะมีทั้งต้องแก้กฎหมายเอย ยกร่างกฎหมายใหม่เอย ต้องไปใช้กันปีหน้าหากมีรัฐบาลเลือกตั้ง แล้ว เชื่อหัวไอ้เรืองเถอะหากมีรัฐบาลใหม่จริง เรื่องนี้ก็ถูกดองถูกเก็บเข้าลิ้นชักอีกรอบแน่นอน ฟันธง ...๐


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"