เมินผุด‘จังหวัด’ โควิดประจำถิ่น ติดเชื้อเกิน2พัน

โควิดไทยยังทรงๆ พบผู้ติดเชื้อใหม่ 2,474 ราย เสียชีวิต 20 คน นายกฯ ย้ำยังต้องคำนึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก “สุพจน์” ยันประชุม ศบค.ชุดใหญ่ 17 มิ.ย. ยังไม่เคาะพื้นที่นำร่องโรคประจำถิ่น

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,474 ราย จำแนกเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,464 ราย และติดเชื้อในเรือนจำ/ที่ต้องขังเพิ่ม 10 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,261,428 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,484,863 ราย หายป่วยเพิ่ม 4,236 ราย หายป่วยสะสม 2,263,705 ราย หายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,432,199 ราย มีผู้เสียชีวิต 20 คน เสียชีวิตสะสม 8,636 คน เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 รวม 30,334 ราย ผู้ป่วยรักษาอยู่จำนวน 22,330 ราย แบ่งเป็นรักษาในโรงพยาบาล 12,130 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 10,203 ราย อาการหนัก 659 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 317 ราย ครองเตียงระดับ 2-3 คิดเป็น 10%

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานเตรียมแนวทางปฏิบัติสำหรับสถานพยาบาลในช่วงระยะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โรคประจำถิ่น ทั้งการตรวจคัดกรองโควิดสำหรับผู้ป่วยทั่วไปและบุคลากรเพื่อรองรับกับสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อให้สามารถเข้าถึงการวินิจฉัยการรักษาได้อย่างทันท่วงที และลดอัตราการเสียชีวิต  ซึ่ง สธ.ได้เตรียมพร้อมทั้งการดูแลรักษาพยาบาล เตียง เวชภัณฑ์ เครื่องมือทางการแพทย์ และวัคซีนให้เพียงพอ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

“นายกฯ ย้ำว่า การปรับหรือผ่อนคลายมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและควบคุมการแพร่รระบาดโควิด-19 ในประเทศ ต้องสอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด รวมทั้งการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และโรคทั่วไปได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสมด้วย ซึ่งการปรับมาตรการต่างๆ จะหารือในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ต่อไป” นายธนกรระบุ

พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ระบุว่า มาตรการป้องกันเชื้อโควิด-19 ของไทยกำลังเป็นไปด้วยดี โดยในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ วันที่ 17 มิ.ย.นี้ จะเสนอให้พิจารณาเห็นชอบปรับพื้นที่สีทั่วประเทศ, มาตรการการเข้า-ออกประเทศ, การสวมหน้ากากอนามัย, การเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่จะพิจารณาหารือกันอีกครั้ง เพื่อหามาตรการผ่อนคลายที่เหมาะสม แต่จะไม่มีการประกาศนำร่องพื้นที่ใดให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น เพราะต้องพิจารณาในภาพรวมและขึ้นอยู่กับ สธ.

ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ช่วงที่โควิดระบาดมากมีการโทร.เข้าสายด่วน 1330 วันละ 3-7 หมื่นสายต่อวัน สปสช.จึงเพิ่มคอลเซ็นเตอร์และคู่สาย จากเดิม 150 คู่สาย โดยเพิ่มมาอีก 400 คู่สาย เพื่อรองรับบริการตอบคำถาม แต่ขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย มียอดโทร.สายด่วนลดลงอยู่ที่วันละ 6,000 สาย ดังนั้นคู่สายที่รับเข้ามาเพิ่ม 400 คนนั้น ซึ่งทำสัญญาเอาไว้ถึง ก.ย.2565 ก็จะปรับเจ้าหน้าที่บางส่วนให้ช่วยติดตามผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงให้เข้ามารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ซึ่งอยู่ระหว่างรณรงค์ขณะนี้ โดยใช้วิธีโทรศัพท์ไปแจ้งสิทธิ์และแจ้งให้เข้ามารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่สถานพยาบาลตามสิทธิ์ใกล้บ้าน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลช่วย SME ไทย เข้าถึงแหล่งเงินทุน ผ่านมหกรรมทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจ

รัฐบาลบูรณาการความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน ส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับ SME ไทย ผ่านการจัดงานมหกรรมทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจ