ลั่นไม่ปิดอหิวาต์หมู วิสุทธิ์ซัดอุ้มนายทุน

“ธนกร” ยันรัฐบาลไม่มีการปกปิดอหิวาต์ในหมูแน่นอน เพราะเป็นเรื่องระดับโลก กรมการค้าภายในเตรียมลุยสอบสต๊อกหมูแล้ว “เพื่อไทย” ไม่เชื่อ ยันหากไม่ยอมรับก็แก้ปัญหาผิดทาง ข้องใจอ้ำอึ้งเพื่ออุ้มบริษัทใหญ่หรือไม่ ลั่นเปิดสภาเมื่อไหร่ตั้งกระทู้ถามเมื่อนั้น

เมื่อวันอาทิตย์ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ว่า ภาครัฐไม่เคยปกปิดข้อมูลโรค ASF และที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์โรคระบาดในสัตว์ หลังจากมีข่าวโรคอหิวาต์ในหลายประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน โดยได้สั่งให้กรมปศุสัตว์เร่งตรวจสอบและแก้ปัญหา นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังสนับสนุนงบประมาณสำหรับการเฝ้าระวัง ป้องกันและกำจัดโรคอหิวาต์

“กรมปศุสัตว์ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ตามขั้นตอน หลักวิชาการและมาตรฐานสากล หากพบการแพร่ระบาดต้องแจ้งการพบโรคไปยังองค์การสุขภาพสัตว์ระหว่างประเทศเพื่อแจ้งเตือนให้ประเทศสมาชิกทราบด้วย ดังนั้นรัฐบาลจึงไม่สามารถปกปิดข้อมูล และพร้อมรายงานให้สาธารณชนทราบตามความเป็นจริง” นายธนกรกล่าว และว่า นายกฯ ยังให้แก้ปัญหาโรคระบาดในหมูอย่างยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนงบประมาณเพื่อการวิจัย พัฒนาวัคซีน ขณะนี้กรมปศุสัตว์ร่วมกันกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพัฒนาวัคซีน ผลิตโปรโตไทป์ได้ผล 60-70% กำลังเข้าสู่การทดสอบฉีดในหมูในห้องทดลอง หากประสบความสำเร็จจะเป็นครั้งแรกของโลกที่มีวัคซีนมาใช้ควบคุมโรคอหิวาต์

ด้าน นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้กำหนดให้ผู้เลี้ยงที่มีปริมาณการเลี้ยงหมูเกิน 500 ตัว ผู้ค้าส่งที่มีปริมาณเกิน 500 ตัว ห้องเย็นที่มีการเก็บสต๊อกเกิน 5,000 กิโลกรัมขึ้นไปให้แจ้งสต๊อกให้กรมรับทราบ รวมทั้งแจ้งราคาในทุก 7 วัน เริ่มวันที่ 10 ม.ค.2565 เป็นต้นไปนั้น กรมได้ส่งทีมตรวจสอบดังกล่าวทั้งส่วนกลางและภูมิเตรียมลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบแล้ว เพื่อให้ทราบปริมาณหมูเป็นทั้งหมดที่อยู่ในระบบจริง รวมทั้งหมูแช่แข็ง แช่เย็น รวมกันทั้งประเทศมีจำนวนมากน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้พิจารณาแก้ไขปัญหาร่วมกันกับกรมปศุสัตว์และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างตรงจุด

                    ขณะที่ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา ในฐานะประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การแก้ปัญหาเนื้อหมูราคาแพงต้องเริ่มจากการยอมรับความจริงก่อนว่ามีการระบาดของโรคอหิวาต์ เพราะมีหนังสือจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ออกมา และยังมีหนังสือที่กระทรวงเกษตรฯ ขออนุมัติงบกลางรายจ่ายฉุกเฉินเพื่อแก้ปัญหาโรคอหิวาต์ วงเงิน 400 ล้านบาท ชัดเจนว่ามีการแพร่ระบาด เหตุใดจึงไม่ยอมรับ หากไม่ยอมรับแสดงว่าของบประมาณเท็จหรือไม่

                    “หากสภาเปิดเมื่อไหร่ จะยื่นญัตติด้วยวาจาเพื่อให้รัฐบาลยอมรับความจริงจะได้หาทางแก้ไข เพราะวันนี้ผู้เดือดร้อนไม่ใช่แค่เกษตรกรเลี้ยงหมู แต่ลุกลามไปทุกสาขาอาชีพแล้ว” นายวิสุทธิ์กล่าว และว่า ที่คนในรัฐบาลอ้ำอึ้งไม่ยอมรับว่ามีการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร กลัวบริษัทใหญ่ที่ส่งออกหมูจะส่งออกไม่ได้หรืออย่างไร

นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรค พท. กล่าวว่า มาตรการแก้ปัญหาราคาหมูแพงของรัฐบาล ว่ามีการห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตอย่างเดียวหรือไม่ เพราะปกติมีการส่งออกแช่แข็ง และแปรรูป และถ้าห้ามตรงนี้ด้วยจะส่งผลกระทบทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อน และการสั่งห้ามส่งออกสุกรแค่ 1 ล้านตัว คือ 5% จะทำให้ราคาหมูลดลงได้จริงหรือไม่ ส่วนมาตรการให้สินเชื่อเกษตรกรกลับมาเลี้ยงหมูใหม่ เกษตรกรที่ไหนจะกล้ากลับมาเลี้ยงหมูใหม่ เพราะหมูเป็นโรคตาย ทำให้ต้นทุนสูง ขณะที่กรมปศุสัตว์ไม่ยืนยันว่ามีโรคอหิวาต์ หากมีการติดโรคก็ทำลายทันที จึงเห็นว่าการปฏิบัติกับนโยบายย้อนแย้งกัน

ส่วน น.ส.เพ็ญนภา เศษคง ผู้จัดการสุรัตน์ฟาร์ม จ.ตราด ชี้ว่า กรณีราคาหมูแพงมาจากปัญหาหมูเป็นโรคอหิวาต์ ทำให้หลายๆ ฟาร์มไม่กล้าสั่งแม่พันธุ์เข้ามา เพราะเกรงว่าจะมีโรคติดมาด้วย เนื่องจากหากหมูในฟาร์มติดเชื้อต้องทำลายหมูทิ้งทั้งหมดในรัศมี 1-3 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเสี่ยงพอสมควร การแก้ปัญหาในตอนนี้คือ ต้องดึงแม่พันธุ์ที่ปลดระวางไปแล้วมาผสมพันธุ์แทนไปก่อน

น.ส.เพ็ญนภายังกล่าวถึงมาตรการการห้ามส่งออกหมู ว่าไม่สามารถแก้ไขได้จริง เพราะปัญหาหลักคือ หลายๆ ฟาร์มไม่กล้าซื้อพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์เข้าฟาร์ม เพราะกลัวเรื่องโรคระบาด จึงต้องรอโรคระบาดหายไปสถานการณ์ถึงจะดีขึ้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลลุยต่อยอด 'ผ้าขาวม้าไทยฟีเวอร์' ขยายตลาดช่วยชุมชนโกยรายได้

รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริมต่อยอด 'ผ้าขาวม้าไทยฟีเวอร์' เพิ่มมูลค่าขยายตลาด ช่วยผู้ประกอบการชุมชนโกยรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น