มากกว่าเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

มันก็จะพันๆ กันไป

เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. กับอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล มันจะเป็นเรื่องเดียวกัน

ก็ฝ่ายค้านเขาอยากให้เป็นแบบนั้น

ช่วยให้หาเสียงง่ายดี

บางเจ้าลากยาวตั้งแต่เสื้อแดงชุมนุมปี ๒๕๕๓ ว่าเป็นผู้มาก่อนกาล

ครับ...ก็หยิบฉวยไปตามเรื่องตามราว แต่มันก็สะท้อนให้เห็นว่า เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้ ใครเล่นกับกระแสได้ดีกว่าคนนั้นชนะ

ก็ปั่นกระแสกันซิครับ!

วานนี้ (๑๐ เมษายน) ครึ้มอกครึ้มใจอะไรกันไม่ทราบ แกนนำแดงครบทีม ทั้ง ธิดา ถาวรเศรษฐ, เหวง โตจิราการ,  ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, วีระกานต์ มุสิกพงศ์, วรชัย เหมะ จัดรำลึก  ๑๒ ปี ๑๐ เมษา ๒๕๕๓ โศกนาฏกรรมและอาชญากรรมที่กระทำโดยรัฐ

แต่ลืมไปว่า ประชาชนค่อนประเทศต่างหวาดผวากับเหตุการณ์ที่ว่านี้ พากันเรียก เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง

เหม็นขี้ฟัน "ณัฐวุฒิ" จะต่อสู้ชำระประวัติศาสตร์

เคลียร์ตัวเองก่อนดีมั้ย ที่บอกว่า เผาเลยครับพี่น้องผมรับผิดชอบเอง วันนี้รับผิดชอบอะไรบ้างหรือยัง

ผลสอบของ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ชุดที่ คณิต ณ นคร เป็นประธาน แกนนำเสื้อแดงก็ไม่ยอมรับ

ไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้น

แต่จะชำระประวัติศาสตร์เอง

"ณัฐวุฒิ" มีเครดิตพอที่จะทำให้ทุกฝ่ายยอมรับหรือ

ก็...ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ ที่เพื่อไทยนำโดย ชลน่าน  ศรีแก้ว ร่วมงานด้วย เพราะเป็นทีมเดียวกันมาตั้งแต่แรก

งานนี้เจตนาน่าจะช่วย "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" หาเสียงอยู่บ้างเหมือนกัน แต่กลายเป็นเปิดแผลเผาเมือง      

และคนกรุงยังจำฝังใจ ในวันที่กรุงเทพฯ เป็นทะเลเพลิง

แต่ก็มีเรื่องให้รู้สึกแปลกใจอย่างแรง "วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคก้าวไกล เอาตัวเองไปมีเอี่ยวกับทุกเรื่องได้อย่างเนียนจริงๆ

โพสต์เฟซบุ๊ก Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์  ลักขณาอดิศร โพสต์ข้อความไว้แบบนี้ครับ

-------------------

...[ “คนรุ่นใหม่” แบบก้าวไกล ]

สำหรับพรรคก้าวไกลและตัวผม นิยามคนรุ่นใหม่ คือ คนที่มองปัญหาในเชิงโครงสร้าง เข้าใจว่า ลำพังการบริหารภายใต้ความไม่เป็นธรรมนี้ ไม่สามารถทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ปัญหาของทุกๆ คน ได้รับการใส่ใจเท่าเทียมกัน ไม่สามารถทุกคนที่มีลมหายใจที่นี่มีโอกาสที่จะตั้งตัวได้เท่ากัน และไม่สามารถทำให้ทุกคนได้รับความยุติธรรมที่เท่าเทียมกัน

ถ้าเราไม่สามารถจัดสรรงบประมาณที่เป็นธรรมได้ เลิกจัดสรรงบประมาณที่เอาไปปรนเปรอผู้รับเหมา นายทุนขนาดใหญ่ได้ แล้วเอางบประมาณมาสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน กระจายอำนาจให้กับประชาชน ถ้าไม่แก้ปัญหาตรงนี้กรุงเทพฯ และประเทศจะดีขึ้นไปกว่านี้ไม่ได้

 “ดังนั้นเมื่อพูดถึงคนรุ่นใหม่ เราต้องพูดถึงคนทุกรุ่น และผมต้องพูดถึงผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่มาก่อนกาลในปี ๕๓ ด้วย สิ่งที่เขาพูดในวันนั้น การที่เขาส่งสัญญาณเตือน ว่าถ้าเรามอบอำนาจของเราให้กับเผด็จการและเสพติดกับคำว่าคนดี  ประเทศไทยและกรุงเทพฯ ก็เลยเป็นอย่างทุกวันนี้”

 “คนรุ่นใหม่” ก็คือคนทุกรุ่น ที่อยากเห็นประเทศและ กทม. เราดีกว่านี้ อยากเห็นความเท่าเทียมกัน อยากเห็นการกระจายทรัพยากรที่ยุติธรรม

 “คนรุ่นใหม่” คือคนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ร่วมกับคนตัวเล็กตัวน้อยที่ถูกเอาเปรียบ ไม่คิดถึงแค่การบริหารแล้วมีข้อยกเว้นให้อภิสิทธิชน ต้องหลับตาข้างเดียวกับความอยุติธรรม แล้วบริหาร กทม. ภายใต้ของยกเว้นเหล่านั้น

 “คนรุ่นใหม่” สำหรับผมคือคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ และไม่ว่าผู้ว่าฯ จะชื่ออะไร กรุงเทพฯ ต้องไม่ฟอนเฟะเหมือนเดิมอีกอีกต่อไป

นี่แหละครับ คือกรุงเทพฯ แห่งอนาคต กรุงเทพฯ ที่โอบรับความหวังของคนทุกรุ่น....

------------------

เห็นการหาเสียงของ "วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" มาหลายรอบแล้ว พูดได้คำเดียวครับ ถ้าได้นายคนนี้เป็นผู้ว่าฯ กทม.  นอกจากจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

มีแต่สร้างความฉิบหาย

ไม่ใช่เฉพาะ กทม.ฉิบหายนะครับ

ฉิบหายทั้งประเทศ

หาเสียงมีแต่ประเด็นสร้างความแตกแยก 

ก็เพิ่งรู้ครับว่า ปัญหาฟอนเฟะใน กทม.เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปี  ๒๕๓๕ นี่เอง มันเกิดเพราะเผด็จการมีอำนาจ ถ้าผู้มาก่อนกาลไม่บอกก็ไม่รู้

แล้วนายทุนขนาดใหญ่คือใคร?

เฟซบุ๊ก Kittitouch Chaiprasith ของ ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม  สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง โพสต์เอาไว้น่าสนใจครับ

---------------------

.....'ผีนายทุน' กับวิธีหาเสียงของก้าวไกล

วันก่อนเพิ่งได้ดูคลิปการดีเบตแนวคิด เรื่องการแก้ปัญหา 'การทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลอง' ระหว่าง อ.ชัชชาติ กับ วิโรจน์ จากก้าวไกล

อ.ชัชชาติ ระบุว่าปัญหาคือ ความถี่ของเรือไม่เพียงพอ  แต่รากของปัญหาจริงๆ ต้องแก้ที่จิตสำนึก เพราะคูคลอง ไม่ใช่ที่ทิ้งขยะ

จากนั้นแกก็ยกตัวอย่าง นนทบุรีที่มีการประกวดชุมชนต้นแบบ สร้างจิตสำนึกว่าชุมชนไหนดูแลคูคลองได้ดี ก็มีการให้รางวัลเชิดชูกันไป

ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีและน่าสนับสนุน

 (โมเดลแบบนี้ใช้ได้ผลทั่วประเทศ ผมเห็นมาแล้วทั้งนั้นกับการสร้างชุมชนเข้มแข็ง ชุมชนต้นแบบ)

พอตัดมาที่วิโรจน์ สิ่งแรกที่วิโรจน์ทำคือ ประกาศว่า 'ห้ามโยนความผิดมาที่ประชาชน (ที่ทิ้งขยะลงแม่น้ำคูคลอง)'

จากนั้นวิโรจน์ก็ได้โยงว่าปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่ กทม.มัวแต่เอาเวลาไปดูแลเก็บขยะให้ 'นายทุน' เจ้าของห้างร้านในเมือง แล้วก็เริ่มอ้างเรื่องค่าเก็บขยะว่าไม่เป็นธรรม

ทำให้ประชาชนตามริมคูคลองไม่ได้รับความเป็นธรรม  ไม่มีคนไปเก็บขยะ จากนั้นก็โยงไปโรงงานกำจัดขยะของนายทหารที่อาจจะรู้จักกับ คสช. บลาๆๆ

คนฟังใน Tiktok ก็มันส์ เห็นลีลาของวิโรจน์ ก็เลยเทใจให้ บอกว่าชัชชาติ ไม่ได้เรื่อง ไม่แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่กล้าชนนายทุน ชัชชาติเก่งนะ แต่ก็ยังทำอะไรเก่าๆ แบบเดิมๆ บลาๆๆ โดยลืมคิดข้อเท็จจริงไปว่า

๑.คนที่ทิ้งขยะลงในคูคลอง เขาทำผิดกฎหมายและไม่เคารพต่อสมบัติสาธารณะ ไม่ใช่ว่าเขาทิ้งขยะในถังขยะหรือจุดทิ้งขยะในชุมชน แล้ว กทม.ไม่มาเก็บเสียหน่อย (อย่าหลงประเด็น)

๒.เจ้าของห้างร้าน เขาทำตามกฎหมายการดูแลขยะ  เขาจัดการขยะในห้างหรืออาคารของเขา จากนั้น กทม.ก็แค่มารับขยะที่เขาจัดการไว้แล้ว ณ จุดจำกัดของเสีย

และบริษัทห้างร้านเหล่านี้ เขาเสียค่ากำจัดขยะเดือนละหลายหมื่นให้ กทม.อยู่แล้วตามกฎหมาย (บริษัทไทยซัมมิตหรือบริษัทของคนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล/คณะก้าวหน้า ก็อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน)

เขาไม่ได้จ่ายเงินไม่กี่หมื่น แล้วให้เจ้าหน้าที่ กทม.ต้องเข้าไปเก็บขยะในออฟฟิศหรือตามถังขยะของห้องพนักงานเสียหน่อย หรือเขาไม่ได้เอาขยะไปโยนลงคลองหรือถนนหนทาง

สิ่งที่เขาทำไม่ต่างจากที่ประชาชนทั่วไป ทิ้งขยะลงถังขยะหรือจุดทิ้งขยะ แล้ว กทม.ก็มาเก็บไปตามปกติ

๓.ต่อให้วิโรจน์ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. และคิดค่าเก็บขยะห้างร้านเดือนละล้าน สิบล้าน หรือจะยึดทรัพย์และกำจัดนายทุน (ที่ไม่ได้สนับสนุนก้าวไกลและคณะก้าวหน้า) จนหมดประเทศ

ประชาชนริมคูคลองก็ยังทิ้งขยะลงคลองเหมือนเดิม!

สุดท้ายวิธีการหาเสียงแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับสมัยยุคสงครามเย็นที่ฝ่ายขวาหากินกับ 'ผีคอมมิวนิสต์' ให้คนกลัวจนเกินเหตุ ส่วนฝ่ายซ้ายก็หากินกับ 'ผีนายทุน' ให้คนเกิดชังคนรวย

การเมืองแบบนี้น่ากลัว...มีแต่สร้างความเกลียดชัง หาผี หาแพะ และโยนบาปให้คนที่ตนต้องการทำลาย และสุดท้ายก็ไม่ได้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงได้แม้แต่น้อย...

------------------

"วิโรจน์" มาผิดยุคจริงๆ

น่าจะเกิดยุคสงครามเย็น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประชาธิปไตยแบบไทยๆ

นักการเมืองคนไหนที่บอกว่า "รวยพอแล้ว" อย่าไปเชื่อ เพราะถ้าพอจะไม่แสวงอำนาจการเมือง

นายทุนก้าวไกล

เริ่มต้นด้วยเรื่องเงินๆ ทองๆ วานนี้ (๑๗ เมษายน) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปยอดเงินบริจาคของพรรคการเมือง ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ทั้งสิ้น ๑๓ พรรคการเมือง

รวยแล้วไม่โกงไม่มี

นายกฯ เศรษฐาเปิดใจวานนี้ (๑๕ เมษายน) ฟังแล้วเหมือนเดจาวู "...มั่นใจได้ว่าเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนไม่มีแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามต้องพูดเรื่องทรัพย์สิน เรื่องของชีวิตส่วนตัว ส่วนตัวของผมลงตัวแล้ว มีรายได้ในอดีตที่ดีพอสมควร มีทรัพย์สินที่ทำให้อยู่ได้อย่างสบายๆ