หลอนรัฐประหาร

จะไปกันใหญ่

ดีเบตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หลายๆ เวทีฟังดูแล้ว แทนที่จะพูดเรื่องนโยบายเป็นหลัก แต่ไปเพิ่มเชื้อไฟความขัดแย้ง

อาจเพราะคนถาม คาดไม่ถึง หรือไม่รอบคอบ

แต่คนตอบพร้อมหาเรื่อง

มีการถามเรื่้องรัฐประหารกับผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ว่าคิดอย่างไร

ถามแบบนี้ดูเหมือนไม่มีอะไร หากสถานการณ์ในประเทศไม่มีการแบ่งขั้ว คงไม่สามารถสร้างเงื่อนไขนำไปสู่ความขัดแย้งได้ 

แต่ ณ วันนี้กลุ่มการเมืองที่เรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตย พยายามยัดเยียดให้อีกฝ่ายเป็นเผด็จการ เป็นกลุ่มล้าหลัง เพราะเห็นด้วยกับการรัฐประหาร

ไม่ใช่ทุกคนเห็นด้วยกับรัฐประหารครับ อาจเป็นส่วนน้อยด้วยซ้ำ

แต่การที่มีคนเห็นด้วยกับการรัฐประหาร แม้จะเป็นเรื่้องไม่ถูกต้องในระบอบประชาธิปไตย มันมีที่มาว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

ขณะเดียวกันเราแทบไม่ได้ยินคำถามที่ว่า นักการเมืองจะแก้ปัญหาคอร์รัปชันอย่างไร?

ถึงมีก็เป็นการพูดแบบผ่านๆ ไม่จริงจังอะไร

นโยบายของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ก็เช่นกัน มองไม่เห็นแนวโน้มว่าจะแก้ปัญหาคอร์รัปชันได้อย่างไร ส่วนใหญ่วาดฝันในอากาศว่าถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ จะปราบโกงให้หมดไป แต่วิธีการไม่มีรายละเอียดแสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่า คอร์รัปชันใน กทม.จะหมดไปได้อย่างไร 

สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้การเมืองไทยไม่พัฒนา เป็นเพราะนักการเมืองเรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตย ก่อปัญหาคอร์รัปชันเอาไว้มากมาย ติดคุกกันไปก็หลายคน มักเอาแต่เรียกร้องกองทัพว่าอย่ายึดอำนาจ

แต่ไม่เคยเรียกร้องพวกเดียวกันว่าอย่าโกง

นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมประชาชนจำนวนมากเห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร ทั้งๆ ที่รู้ว่ารัฐประหารคือการทำลายประชาธิปไตย

ระหว่างรัฐประหาร กับการคอร์รัปชัน อะไรร้ายแรงกว่ากัน

ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน

แต่ทั้งสองกรณีสร้างผลกระทบต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยเหมือนๆ กัน

ก็น่าเสียดายครับว่า บนเวทีดีเบตยังไม่เห็นเวทีไหนตั้งคำถามว่า เห็นด้วยหรือไม่กับการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

เพราะมันมีส่วนคล้ายกับการตั้งคำถามว่า เห็นด้วยหรือไม่กับการทำรัฐประหารอยู่เหมือนกัน 

เป็นความเหมือนในมุมกลับ

อยากฟังคำตอบจาก "วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" ผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล ที่ทำตาถลนใส่ "สกลธี ภัททิยกุล" ในเวทีดีเบตหลังพิธีกรถามเรื่องรัฐประหาร ว่าหากมาเจอคำถามเห็นด้วยหรือไม่กับการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ "วิโรจน์" จะตอบคำถามนี้อย่างไร?

ครับ...แค่ยกขึ้นมาเปรียบเทียบให้ดูว่า ความพยายามยัดเยียดให้อีกฝ่ายเป็นพวกเผด็จการนั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ หรือพูดกันมันปาก

"สกลธี" ไม่ได้เห็นด้วยกับการรัฐประหาร แต่อธิบายว่าเพราะรัฐบาลโกงทำให้เกิดรัฐประหาร และประชาชนก็เห็นสิ่งนี้ ทำให้ต้องเลือกสนับสนุนการทำรัฐประหาร ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ถูกต้อง

แต่เป็นการทำเพื่อแก้ปัญหาที่เลวร้ายกว่า

เช่นเดียวกันครับ "วิโรจน์" ก็อาจไม่เห็นด้วยกับการล้มล้างสถาบัน แม้คนรอบข้างและเครือข่ายที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

ก็เสียดายว่า เวทีดีเบตไม่มีการตั้งคำถามนี้

การชี้นำด้วยคำถาม รัฐประหาร ในเวทีดีเบต มาเป็นระลอก

เช่น ถามว่า หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. แล้วมีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง รัฐบาลใช้กำลัง ฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา โล่กระบอง เข้าสลายการชุมนุม หรือหากชุมนุมมากจนถึงขั้นมีการรัฐประหารเกิดขึ้น ผู้ว่าฯ กทม.มีจุดยืนอย่างไรกับเรื่องนี้?

คำถามลักษณะนี้มีแต่จะขุดเอาความขัดแย้งมาผสมโรงในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

แบ่งขั้วประชาชนอีกครั้ง

น่าประหลาดใจครับ มีการสมมุติเรื่องรัฐประหารกันบ่อยเหลือเกิน เหมือนจะให้การรัฐประหารระบอบทักษิณทั้ง ๒ ครั้ง เป็นเงื่อนไขหลักว่าจะเลือกใครเป็นผู้ว่าฯ กทม.

"ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ตอบคำถามนี้ว่า

"...หน้าที่ของผู้ว่าฯ กทม. ต้องดูแลคนกรุงเทพฯ ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะคิดเห็นอย่างไร เห็นต่างจากรัฐบาลอย่างไร พ.ร.บ.ชุมชนสาธารณะ จะต้องอำนวยความสะดวก เก็บขยะ ห้องน้ำ น้ำดื่ม แพทย์ฉุกเฉิน กล้องซีซีทีวี ความปลอดภัย ต้องดูแลให้เต็มที่

กทม.จะต้องเตรียมพื้นที่ชุมนุมสาธารณะตามมาตรา ๙ ของ พ.ร.บ.ชุมนุม เพื่ออำนวยความสะดวก เวลาชุมนุมก็มาชุมนุมได้เลย ไม่ต้องไปขออนุญาตตำรวจ

ส่วนหากมีเหตุการณ์รัฐประหาร แพทย์ของ กทม.จะต้องเตรียมพร้อมทั้งหมด รถพยาบาลฉุกเฉินจะต้องเต็มที่ ดูแลประชาชน ไม่ใช่ดูแลคนล้อมปราบประชาชน ๒๒ พฤษภาคม เราไม่สนับสนุนการรัฐประหาร แต่เรายืนข้างประชาชน ไม่สนับสนุนการปฏิวัติ เพราะผิดขั้นตอนประชาธิปไตย ผมจะยืนข้างประชาชนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น..."

ที่จริงคำตอบของ  "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ก็ไม่ผิด

มีการชุมนุมก็จัดที่ทางให้

การที่ "ชัชชาติ" บอกว่า ไม่ต้องไปขออนุญาตตำรวจ ก็แปลความได้ว่า ทาง กทม.จะจัดที่ให้เอง เป็นที่ทางของ กทม. ไม่ใช่ถนน หรือสถานที่ต้องห้ามแน่นอน เพราะสถานที่เหล่านี้เป็นที่สาธารณะ ต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะ

แต่ไปถามพรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า หรือแม้กระทั่งม็อบล้มเจ้าหรือยังว่า พร้อมจะเข้าไปชุมนุมในสวนสาธารณะของ กทม.หรือเปล่า             

เพราะถนัดบนถนนมากกว่า

และโอกาสข้างหน้าหาก "ชัชชาติ" เป็นผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทย ก้าวไกล เป็นรัฐบาล บริหารประเทศหมิ่นเหม่ ละเมิดสถาบัน หรือมีการคอร์รัปชันกันมโหฬาร หากประชาชนที่ต่อต้านไม่เข้าไปชุมนุมในสวนสาธารณะก็พร้อมที่จะปราบปรามใช่หรือไม่

การชุมนุมไม่ได้มีเฉพาะการต่อต้านการรัฐประหารนะครับ

มวลมหาประชาชนเรือนล้านชุมนุมต่อต้านรัฐบาลขี้โกง จนผู้นำรัฐบาลต้องหนีไปต่างประเทศเราก็เห็นมาแล้ว  

การที่พรรคเพื่อไทยอาจกลับมาเป็นรัฐบาล และมีแนวโน้มว่าจะหาทางพา "ทักษิณ" กลับอีกครั้ง ก็อาจต้องพบจุดจบเหมือนที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เจอ

ฉะนั้นเรื่องชุมนุมอย่าพูดมุมเดียว      

ปัญหาของ กทม.มีเยอะครับ เรื่องรถติด ขยะ น้ำท่วม หลักๆ ถ้าจัดการเรื่องเหล่านี้ คนกรุงจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

แต่หากมาจดจ่อกับเรื่องรัฐประหาร ทั้งๆ ที่มันไม่เกิดขึ้น ไม่ได้อะไรขึ้นมา

นอกจากปลุกความขัดแย้งให้กลับมาอีกครั้ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หนีล้มเจ้า' ปะ 'โกงคุก'

น่าจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันเยอะพอควร ไม่ชอบ "ระบอบทักษิณ" แต่ไม่ไว้ใจ "ขบวนการล้มเจ้า" กัดฟันยอมเห็นพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล

ผิด 'ทักษิณ' ที่ล้างไม่หมด

มันเหลือเชื่อมั้ยล่ะครับ.... เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี่เอง "ประยุทธ เพชรคุณ" โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นั่งแถลงข่าวพูดถึงอาการของ "นักโทษชายทักษิณ" ว่าป่วยขั้นวิกฤต

๑ ประเทศ ๒ นายกฯ

มีคนสงสัยว่า "นักโทษชายทักษิณ" ออกนอกบ้านจันทร์ส่องหล้าได้หรือ

ปรากฏการณ์ทักษิณ

หวังว่าคงอยู่สุขสบายดีนะครับ ไม่ได้หมายถึง "นักโทษชายทักษิณ" แต่เป็น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กับ หมอใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

ยุบพรรค-ล้มล้าง

คำพูดสะท้อนแนวคิด วานนี้ (๑๓ มีนาคม) "ชัยธวัช ตุลาธน" เผยตัวตนที่แท้จริง ว่ามีแนวความคิดอย่างไรกับสถาบันพระมหากษัตริย์

ซีรีส์ยุบก้าวไกล

ถึงบางอ้อสิครับ... วานนี้ (๑๒ มีนาคม) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเอกฉันท์