ทาสไพร่:หมอบกราบ

มีเรื่องหนึ่ง ที่เห็นแชร์กันค่อนข้างมากวัน-สองวันนี้

คือเรื่อง........

นักศึกษาปี ๑ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ประกาศ "ยกเลิก" การหมอบกราบอาจารย์ ในพิธีไหว้ครู

ให้ใช้การ "ไหว้" แทน!

อ่านรายละเอียดในคำประกาศดูก่อน แล้วค่อยคุยกัน

...............................

องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

 [ยกเลิกการหมอบกราบ]

งานพิธีไหว้ครู/บายศรีสู่ขวัญ

“ยกเลิกการหมอบกราบ” เปลี่ยนเป็นการ “ไหว้”
องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มีนโยบายส่งเสริมความเสมอภาค สิทธิ ความเท่าเทียม ที่แฝงไปด้วยความเคารพ การให้เกียรติซึ่งกันและกัน

ไม่ใช่การหมอบกราบที่สะท้อนถึง ระบบไพร่ทาส ในสังคมไทยเพราะคนทุกคนมีคุณค่าเท่าเทียมกัน ควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน
วันที่ 30 มิถุนายน 2565 ขอเชิญชวน นักศึกษาชั้นปีที่ 1 เข้าร่วมงานพิธีไหว้ครู/บายศรีสู่ขวัญ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ตั้งแต่เวลา 12.00 น.  น้องๆ อย่าลืมทานข้าวมานะครับ

#UBUSO2022

#องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี2565

#งานพิธีไหว้ครูบายศรีสู่ขวัญ2565
ครับ.....

ก็เข้าใจความคิดคนวัยนมแตกพานเขานะ ไม่ว่ายุคไหน-สมัยไหน ก็ไม่ต่างกันทางพฤติกรรมที่บ่งบอกการ "แสวงหาตัวตน" ตามฮอร์โมนวัย

อย่าไปใช้มุมมองทางตัดสิน-ชี้ขาดในด้านว่า นักศึกษา  ม.อุบลฯ "คิดผิด-คิดถูก" เลย

อยากให้มองว่า "เออ....ดีนะ เด็กรุ่นใหม่ยุคนี้ มีความคิดเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น"

ต่างกับเด็กสมัยผม ถูกบ่มมาในกรอบ "คิดตาม พูดตาม  ทำตาม" เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ จึงโตมาเพื่อตาม "คิดเอง-พูดเอง-ทำเอง" ไม่เป็น

ตามศัพท์สมัยนี้่ เขาเรียกว่า "ไม่มีวิสัยทัศน์" เหมาะเป็นผู้ตาม ไม่เหมาะและไม่สามารถเป็นผู้นำคนได้

คณาจารย์ ม.อุบลฯ ท่านน่าจะพอใจ.......

ที่ได้เด็ก "มีความคิดนำ" มาเป็นนักศึกษาของมหา'ลัย เมื่อไหว้ครู บายศรีสู่ขวัญ เสร็จแล้ว นักศึกษาปี ๑ ก็จะได้เข้าสู่ "เบ้าหลอม" จากคนดิบ สู่ความเป็น "คนสุก" คือบัณฑิต

สมบูรณ์พร้อมทั้งวิชาความรู้ที่จะนำไปประกอบอาชีพ  สมบูรณ์พร้อมทั้งความคิด-ความเห็นตามครรลองคลองธรรม

จากที่มองเห็นการหมอบกราบครูบาอาจารย์ในพิธีไหว้ครู เป็นระบบไพร่ทาสที่น่ารังเกียจ

อบรมบ่มเพาะในมหา'ลัยแล้ว น่าจะได้รับความเข้าใจที่ถูกต้อง ว่านั่นไม่ใช่การกดขี่-กดข่มศักดิ์ศรีความเป็นคนที่เท่ากัน

ตรงกันข้าม การหมอบกราบครูอาจารย์ คือเครื่องหมายของคนดี ของคนเป็นอารยชน ผู้มีความกตัญญู รู้พระคุณที่ครูอาจารย์พร่ำสอน ประสิทธิ์-ประสาท วิชาความรู้ให้

เมื่อถึงวาระอันควร..........

ศิษย์...ก็กตเวที แสดงออกซึ่งความรับรู้ในพระคุณของท่าน และตอบแทนพระคุณท่าน

ด้วย "ใจนบ-กายนอบ" หมอบกราบ งามอย่างไทย

นี้เป็นสัญลักษณ์บัณฑิต "ผู้มีใจฝึกแล้วประเสริฐ" จากคนดิบ สู่บัณฑิต ควรระลึกได้ว่า ไม่เพราะคณาจารย์บ่มเพาะให้ดอกหรือ เราถึงมีวันนี้ได้

แล้วแค่ยอบกายกราบครู-อาจารย์ ผู้เป็นพ่อ-แม่คนที่สองแค่นี้..........

มันเสื่อมเสียศักดิ์ศรี เป็นการกดข่ม ถึงขั้นประณามว่าเป็นระบบ "ไพร่ทาส" ขนาดนั้นเชียวหรือ?

ก็ไม่ว่าอะไร เพียงฝาก "เผื่อไว้คิด" ในอีก ๕-๑๐ ปี ข้างหน้า เมื่้อพ้นกรอบคำว่า "คนรุ่นใหม่" ออกไปเป็น "คนรุ่นใหญ่" สู่สังคม ที่ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองแล้ว นั่นแหละ

แล้วพวกเธอจะแยกแยะได้เองว่า....

อะไร คือรากแห่งอารยวัฒนธรรมบ่งบอกเอกลักษณ์ชาติ-ประวัติศาสตร์สูงส่งของตัวเอง ที่เราภูมิใจ

และจะเข้าใจถ่องแท้ว่า

อัน "เสมอภาค-สิทธิ-เท่าเทียม" นั้น มันไม่มีอยู่จริงในโลกใบนี้หรือใบไหน

มันเป็นแค่ "คำประดิษฐ์" จากคนพวกหนึ่ง สำหรับ "หลอกแดก-หลอกใช้" ทาสไพร่ทางจิต ซึ่งสมองกลวงโบ๋

นอกจาก "ego" กับ "idiot" แล้ว ไม่มีอะไรเลย

ถ้าจะมี ก็ "เขาควาย" นั่นแหละ!

ทุกกิริยาอาการ เมื่อใช้ถูกที่ ถูกบุคคล ถูกกาละ-เทศะ  จะสวยงาม สูงส่ง บ่งบอกอารยชน-อารยชาติ ผู้มีขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ชาติโดดเด่น

ถ้าใช้ผิดกาละ-เทศะ ผิดบุคคล ผิดสถานที่ การหมอบกราบ มันก็ดูไม่งามทันที จากอารยชน จะกลายเป็นคนไร้การศึกษา กระเดียดป่าเถื่อน

อย่างการหมอบกราบ........

หมอบกราบครู-อาจารย์ ในวันไหว้ครู ถือว่า ถูกที่ ถูกบุคคล ถูกกาละ-เทศะ สวยงาม

บ่งบอกจิตกตัญญูจากศิษย์ ที่กตเวทีต่ออาจารย์ ซึ่งคนละเรื่อง คนละนิยาม ตามความหมายของคำว่า "เสมอภาค-สิทธิ-ความเท่าเทียม" อันเพ้อเจ้อ

ถ้าไปเจอครู-อาจารย์ ตามถนน-ตามตลาด หรือเจอที่ไหน ก็หมอบกราบร่ำไป อย่างนั้น ผิดที่ ผิดกาละ-เทศะ ก็ไม่งาม แถมบ่งบอกผู้กระทำ "จิตไม่ปกติ" ด้วยซ้ำ

ไอ้ที่อ้าง "เสมอภาค สิทธิ ความเท่าเทียม" อะไรนั้น  ถามคำ ธนาธร-ปิยบุตร และใครต่อใคร ที่พล่ามคำนี้ประจำ  พวกเธอกะพวกเขา "เสมอภาค สิทธิ ทัดเทียม" กันมั้ย?

ธนาธร เขามีเป็นหมื่น-เป็นแสนล้าน แล้วนำมาเฉลี่ย เกลี่ยแบ่ง กับรุ่นใหม่ "ทาสไพร่ทางจิต" ให้มีแบบเสมอภาค-ทัดเทียม กับเขามั้ย?

ปิยบุตร วันดี-คืนดี ก็บินไปหาเมีย ไปนั่ง-นอนจิบไวน์ กับพวก สบายอยู่ที่ฝรั่งเศส

แล้วพวกเธอเสมอภาค ได้บินไปจิบไวน์กับเขามั้ย?  ที่เท่าเทียมกันหมด เสมอภาคกันหมด ก็มี..ไม่ใช่ไม่มี

แต่ไม่ใช่คนนะ...เป็นสัตว์เดรัจฉาน!

ไม่ต้องดูไกล ดูพวกหมา ก็จะได้เห็น "เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ" แม่หมาคลอดลูก เลี้ยงจนโต จากลูกหมาเป็นหมาหนุ่ม-หมาสาว

แล้วไง.....?

ไม่ไงหรอก ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งลูกหมา เมื่่อโตแล้วก็ เสมอภาค-ทัดเทียม ด้วยการ "ผสมพันธุ์" กันเอง!

รุ่นใหม่ อยากเสมอภาค-ทัดเทียม แบบนี้หรือ?

ผมถึงบอก ในโลกเป็นจริง ไอ้ "เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ" ตามนิยามที่รุ่นใหม่ถูกครอบทุกวันนี้ มันไม่มี

ถ้าอยากจะมี...ก็โน่น

จากสัตว์มนุษย์ เลื่อนชั้นขึ้นไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน!

พวกเธอเข้าปี ๑ ใช่มั้ย ก็ไม่ทราบว่า วิชาที่สอน จะมีเรื่องคำว่า "ตามฐานานุรูป" หรือไม่?    

ฐานานุรูป คือความพอดี พอเหมาะ พอควร เวลาเข้าแถว ยังต้องยืนเรียงตามลำดับไหล่ ขึ้นรถเมล์ รถไฟ ซื้อของ ยังต้องเรียงคิว

นี่คือความพอดี พอเหมาะ พอควร ตามสิทธิของตน ไม่ใช่ มาก่อน-มาหลัง กูไม่สนใจใคร กูก็จะใช้สิทธิ ใช้ความเท่าเทียม แซงไปก่อน

แบบนี้ มันไม่ใช่สิทธิ เสมอภาค ทัดเทียมหรอก มันป่าเถื่อน แก้ง่ายนิดเดียว

ถูก "รุมกระทืบ" ซะหน-สองหน ก็จะเข้าใจ!

ผมสังเกตว่า "คนรุ่นใหม่" จะเมาอยู่กับข่าวปั่น-ข่าวปล่อย-ข่าวมอมประสาท

ตกเป็น "ทาสไพร่" ความคิดของขบวนการสามสัสให้ชังชาติ-ชังสถาบัน แล้วยังดันสะเออะไปว่าคนอื่นเป็นทาสไพร่

ชีวิต "ทั้งชีวิต" เราไปไม่ทั่วโลกหรอก....

แต่สามารถ "รู้ทั่ว" ได้ด้วยการอ่าน การศึกษา-ค้นคว้า จากหนังสือ

ถ้าคนรุ่นใหม่อยากเข้าใจคำว่า "ทาส" จริงๆ มันคือแบบไหน ผมแนะให้ไปทำความรู้จักกับ "คุนต้า คินเต้" ในหนังสือเรื่อง "ทาส" หรือ Roots

ก็ ๓๐-๔๐ ปีแล้วมั้ง ที่ผมอ่าน ฉบับภาษาไทย ยังเก็บอยู่ในตู้เลย เคยเป็นหนังมินิซีรีส์ ฉายโทรทัศน์ ดังมาก

อ่านแล้วจะได้ไม่ใช้คำว่า "ทาสไพร่" กับการหมอบกราบครูบาอาจารย์ หรือพ่อแม่ กระทั่งเจ้าฟ้า-เจ้าแผ่นดิน  ตลอดถึงพระสงฆ์

"ทาสไพร่" ตามนิยามที่นักศึกษา ม.อุบลฯ ผู้ออกประกาศเข้าใจ ในยุคนี้ มีตัวตนเป็นที่ประจักษ์เหลือชัดๆ อยู่คนเดียว

คือทาสไพร่ "เต้น-ณัฐวุฒิ" เท่านั้นนั่น!

เป็นไพร่ที่หลงเหลืออยู่ตัวเดียว ในยุคไอที แถมเป็นไพร่ที่ไม่ยอมรับการปลดปล่อย และเขาประกาศความเป็นไพร่ในตัวเขาเองเป็นที่รับรู้กันทั่ว

สำหรับองค์การนักศึกษา ม.อุบลฯ ผมมองว่า ยังมีธาตุดีอยู่ เพียงแค่ไหลไปตามกระแส "คนรุ่นใหม่" ที่ขบวนการสามนิ้วตามเครือข่ายมหา'ลัยชักนำเท่านั้น

เพราะยัง "ไหว้ครู" อยู่........

เพียงไม่หมอบกราบเท่านั้น นอกจากไหว้ครูแล้ว ยังไม่ทิ้งประเพณี "บายศรีสู่ขวัญ" ของคนอีสาน นับว่า...ใช้ได้!

คิดอีกด้านนะ........

นักเรียนก็ดี นักศึกษาก็ดี จะดิบด้วยตัวเองขนาดนี้ไม่ได้

ถ้าไม่มี "ครู-อาจารย์" ขบวนการสามนิ้ว ชักใยอยู่ข้างหลัง!?

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง