'ทุกข์ชาวบ้าน-ทุกข์ธรรมนัส'

ไม่เป็นการ "ออกตัวแรง" และเร็วเกินไปหน่อยหรือครับ ท่านผู้กองธรรมนัส?            

ก็เข้าใจละ ว่า "ไฟแค้น" ยังสุมทรวง

ที่ถูกนายกฯ ปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อกันยา.๖๔

แต่มันก็มีเหตุผลมิใช่หรือ?

ย้อนกลับไปปีที่แล้ว สมมุติตอนนั้น ผู้กองเป็นนายกฯ พลเอกประยุทธ์เป็นรัฐมนตรี แล้วรัฐมนตรีกลับ "คิดคดทรยศ"

สมคบ "คนนอกพรรค"

"วางแผน" โหวตคว่ำนายกฯ ที่ชื่อธรรมนัส ตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจปีนั้น แต่เผอิญ "แผนแตก"

เกม "คว่ำนายกฯ" จึงไม่สำเร็จ

แบบนี้แล้ว นายกฯ ธรรมนัส ยังจะเอารัฐมนตรีคิดคดที่ชื่อประยุทธ์ไว้อีกหรือ?

ฉันใด มันก็ฉันนั้น.....

ขึ้นชื่อว่า "ลูกผู้ชาย" กล้าทำ ต้องกล้ารับ

ฉะนั้น การอภิปรายอีกครั้งเดือนกรกฎา.ที่จะถึง ผู้กองน่าจะ "เก็บอาการ" ไว้บ้าง

การที่ยังไม่ได้ฟังคำอภิปรายอันเป็นข้อกล่าวหา และยังไม่รู้ว่าผู้ถูกอภิปรายเขาจะแก้ข้อกล่าวหาได้หรือไม่ แต่ผู้กองประกาศล่วงหน้าไปก่อนทันที ว่า

"โหวตให้ลุงป้อมคนเดียว"

การโหวตให้ทั้งที่เขายังไม่ได้พูด-และตัวก็ไม่ได้ฟังอะไรเลย การทำอย่างนั้น มันก็ทำได้

แต่ฝากให้ผู้กองคิดไว้ประโยคหนึ่งว่า "เวลาคุณไม่พูด ตำแหน่งหัวหน้าพรรค ดูคุณเป็นนักการเมืองที่มีราคา พลันเมื่อคุณพูด ราคานั้่นหมดไปทันที"

เพราะผู้กองเป็นทั้ง ส.ส. เป็นทั้งหัวหน้าพรรค แต่ไม่เข้าใจและเข้าไม่ถึงหัวใจประชาธิปไตยระบบรัฐสภาเลย

คนเขาจะว่าเป็น "กาฝากประชาธิปไตย"

เพราะผู้กองทำให้การ "ถ่วงดุล-ตรวจสอบ" ระบบรัฐสภา กลายเป็น "สภาปาหี่"

อภิปรายเป็นเพียงพิธีกรรมพรางตาเพื่อ "ต่อรอง" ทางผลประโยชน์ "ต่างตอบแทน" กันเท่านั้น

โดยอาศัยระบบรัฐสภาเป็นตรารับรองพฤติกรรมโจราประชาธิปไตย!

ที่ผู้กองให้สัมภาษณ์ไปว่า.........

"ได้ตัดสินใจไปแล้ว และสมาชิกพรรคก็ตามผมเอง แต่ไม่ใช่ตามเพราะคำสั่ง แต่ตามเพราะเหตุผลที่เห็นหลักฐานหลายอย่างในการทุจริตของรัฐบาล

ถ้าหากพรรคเศรษฐกิจไทยยังไปสนับสนุนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเหล่านี้ สมัยหน้าประชาชนเขาไม่เลือกเราหรอก

เสียงสะท้อนจากประชาชนที่ไปหาเสียงจังหวัดลำปาง เขารับไม่ได้จากพฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐมนตรีหลายคน"

ผู้กองพูดฟังดูสวย ที่ตัวเองโหวตคว่ำและลูกพรรคก็จะโหวตคว่ำตามนั้น ด้วยเหตุผลว่า

"เห็นหลักฐานการทุจริตของรัฐบาล"!

ความจริง รัฐบาลนี้ก็เข้าปีที่ ๔ ตั้งแต่ปีแรก ผู้กองก็เป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลมาตลอด มาถูกปลดเดือนกันยา.๖๔ นี่เอง

ถ้าจำไม่ผิด ตอนอยู่พลังประชารัฐก็เป็นถึงระดับเลขาฯ พรรคซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล มาถูกขับออกจากพรรคเมื่อ มกรา.๖๕ เรียกว่ายังหมาดๆ

นั้นคือบทสรุปว่า ถ้ารัฐบาลมีการทุจริต คงไม่เพิ่งทุจริตกันตอนนี้หรอก มันก็ต้องทุจริตมาตั้งแต่สมัยผู้กองยังเป็นรัฐมนตรีร่วม ครม.โน่นแล้ว

แต่ทำไมเพิ่งมาเห็นหลักฐาน "รัฐบาลทุจริต" เอาตอนเป็นพรรคสะเทินน้ำ-สะเทินบก ตอนนี้เล่า?

คือจะฝ่ายรัฐบาลก็ไม่ใช่ จะฝ่ายค้านก็ไม่เชิง เป็น "ฝ่ายแค้น" นายกฯ โดยเฉพาะ ว่างั้นเถอะ!

แต่ก็เอาเถอะ สมมุติ เพิ่งมีทุจริตในรัฐบาลตอนผู้กองออกไปแล้ว และฝ่ายค้านแพลมให้ดูเป็นหนังตัวอย่าง ก่อนจะฉายเต็มเรื่องตอนอภิปรายเดือนกรกฎา.

ผู้กองไม่ใช่คนโง่นะ.........

ถ้าโง่ จะไม่เป็นแมว ๙ ชีวิต ผงาดขึ้นเป็นประมุขพรรคมี ส.ส.ในคอนโทรลทั้งในพรรคและนอกพรรค ๓๐-๔๐ คนหรอก

ด้วยเหตุนั้น แค่เห็นหนังตัวอย่างฝ่ายค้าน จะทึกทักทันทีว่าจริง..ว่าใช่ รัฐบาลทุจริต โดยไม่รอ "ฟังความให้ครบถ้วน" คือคำชี้แจงจากรัฐบาลในสภาก่อน

แบบนั้น มัน "เสียฟอร์ม" ธรรมนัสนะ!

นึกย้อนสิ ตอนผู้กองเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล ผู้กอง "เสียผู้-เสียคน" ด้วยข้อกล่าวหา "ติดคุก-ค้ายา" ที่ออสเตรเลีย

ผู้กองก็แก้ข้อกล่าวหาฝ่ายค้านในสภา ท่านผู้ทรงเกียรติเขาฟังความทั้ง ๒ ด้านแล้ว เขาก็โหวตให้ผู้กองเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยเสียงข้างมาก

ยิ่งตอนนี้ ผู้กองตกกระป๋อง ไปส้องเสพอยู่กับฝ่ายค้าน-เพื่อไทยที่เคยอภิปรายสับท่าน ยิ่งบริสุทธิ์ขึ้นไปเป็นพันเท่า

เพราะฝ่ายค้าน-เพื่อไทย เชื่อสนิทแล้ว.....

ไม่กระแนะ-กระแหนท่านว่า "แป้ง" อีกเลย ตั้งแต่มารวมพวกกัน

"ไก่เห็นตีนงู-งูเห็นนมไก่" ไม่เฉพาะในหมู่นักการเมืองเท่านั้นหรอก ชาวบ้านผู้ติดตามการเมืองเขาก็เห็น

เพียงแต่ เห็นแล้ว เขาพูดกันตามใต้ถุนบ้าน ตามร้านกาแฟ 

มันไม่ดัง เหมือนพูดในสภา จ้อหน้าไมค์ หรือจ่ายตังค์ "จ้างสัมภาษณ์" ชงหวาน-ตอบหวาน ตามรายการโทรทัศน์บางช่องเท่านั้น

ฉะนั้น แค้นนี้ต้องชำระกับนายกฯ จะชำระแบบไหนก็เรื่องของท่าน แต่การให้สัมภาษณ์แบบ "องุ่นเปรี้ยว" ตั้งแต่ก่อนใส่ปากเคี้ยว นั้น

แทนที่ชาวบ้านจะเออออ เขาจะร้อง..อ๋อ เพราะแค้นเขาจึงสมคบกัน อย่างนั้นใช่มั้ย?

ยิ่งตีขลุมล่วงหน้า นายกฯ หรือรัฐมนตรีคนไหน ได้คะแนนวางใจถึงเกณฑ์ก็จริง แต่อ่อนกล้วย ควรลาออกไป โดยยกประชาชนบังหน้าว่า

"...........ถามว่าประชาชนมีความสุขหรือไม่  ประชาชนเดือดร้อนหรือไม่ ธุรกิจระดับตั้งแต่ฐานรากจนถึงระดับกลางมีความสุขหรือไม่ ข้าวยากหมากแพงหรือไม่

ชาวบ้านบ่นทั้งเมือง แก๊สถังละ ๔๐๐ บาท ผมเองไปหาเสียง แล้วเจอทุกหลังคาเรือน มีควันไฟหมด เขาหันไปใช้เตาอั้งโล่ เพราะมีความจำเป็นเนื่องจากค่าครองชีพสูง

ไม่ใช่ทำตามนโยบายรัฐบาล บ้านเมืองลำบาก อาหารการกินแพง ซบเซา ไม่มีผู้จับจ่าย

รัฐมนตรีอาจมองว่าทำผลงานสำเร็จ ทำโน่น ทำนี่ ทำเยอะแยะ แต่ผลของการกระทำของพวกคุณ ประชาชนเขาได้ประโยชน์อะไรบ้าง เขาเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า

ดังนั้น อย่านั่งในห้องแอร์

แล้วมโนเองว่าบริหารบ้านเมืองสำเร็จ ทำอะไรเยอะแยะ มันไม่ใช่ มันต้องดูว่าผลของการกระทำเกิดประโยชน์กับชาติบ้านเมือง และประชาชนหรือไม่

ผมไม่ต้องการมานั่งด่าใคร แต่มันเป็นเสียงที่ประชาชนสะท้อนออกมาให้ ส.ส.ตั้งกระทู้ถามในสภาหน่อย”

นั่น......

มันไม่เป็น "นามธรรมดรามา" ไปหน่อยหรือครับ ท่านผู้กอง?

เรื่องเตาถ่านน่ะ บางพวกทำเป็นผู้ดีตีนแดง-ตะแคงตีนเดินมากไป อู๊ยยย...ฉันพวกหัวใหม่ รู้จักแต่ไฟฟ้ากับแก๊สเท่านั้นที่ใช้หุงต้ม

ชาวบ้านตีนดำ แต่มีหัวสมอง เขารู้จักประยุกต์ใช้ "เตาถ่าน" กันทั้่งบ้าน-ทั้งเมือง มาตั้งนาน

เพราะบางอย่าง ใช้เตาถ่านประหยัดกว่า ตรงประโยชน์กว่า ส่วนไฟฟ้า-แก๊ส มันก็เหมาะกับบางสถานที่-บางอย่าง

ฉะนั้น การหยิบเรื่องเตาถ่านมาเบิ้ลเรื่องน้ำมันแพง-ก๊าซแพง ผมว่ามันน่าสมเพช ยิ่งตามบ้านนอก ระดับชาวบ้าน เขาก็ใช้เตาถ่าน เตาฟืนกันแทบทั้งนั้น

จะว่าไป บ้านผมเผอิญปลูกมาร่วม ๔๐ ปี ราคาตอนนั้นนิดๆ หน่อยๆ ไม่ถึง ๓,๐๐๐ ล้านบาท

ก็ยังมีเตาถ่านให้แมวหลังบ้านปีนรั้วเข้ามาขี้ใส่อยู่เลย!

ผู้กองไปหาเสียงทางเหนือ ที่ลำปาง จะมาบอกว่าคนทางเหนือลำบากยากจนได้ไง ผมไม่เชื่อหรอก

เพราะทักษิณเคยบอก.....

"เป็นนายกฯ ๓ ปี คนจนจะหมดไปจากแผ่นดิน"

และตอนผู้กองเป็นรัฐมนตรี ก็ยังเห็นคนสุขสบายกันทุกหย่อมหญ้าอยู่เลย

แค่ไม่ได้เป็น "ไม่ถึงปี"

จะจนกันไว ขนาดควันไฟจับทุกหลังคาเชียวหรือ?

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง