'ชัชชาติ' เจอของจริง

ถามหน่อย...

ตอนหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ใครได้ยิน "ชัชชาติ  สิทธิพันธุ์" พูดว่า รถไฟฟ้า ๓๐ บาท คิดจากราคาค่าโดยสารเฉลี่ยที่คนใช้บริการ ๘-๑๑ สถานีบ้าง

และมีกี่คนฟังแล้วเข้าใจว่า ๓๐ บาทตลอดสายบ้าง 

ไม่รู้ว่าก้นหม้อข้าวดำหรือยัง แต่ถึงเวลาต้องพูดความจริงตามข้อเท็จจริง เลิกเชลียร์จนกลายเป็นการทำร้าย "ชัชชาติ" กันเสียที

ตัวผู้ว่าฯ กทม. เริ่มจะตระหนักแล้วครับว่า กรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) คือเรื่องหนักใจที่สุด

ย้อนกลับไปช่วงก่อนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. "ชัชชาติ" พูดถึงค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวเอาไว้หลายครั้งหลายคราว

"...ราคา ๒๕-๓๐ บาทมีความเป็นไปได้ แต่ต้องขอดูรายละเอียดในสัญญาระหว่าง กทม.กับ BTS ก่อน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวสามารถลดลงได้อีกหรือไม่?..."

"...หากแก้ไขปัญหาหนี้สินได้ เป้าหมาย คือ การหาทางออกให้ค่าโดยสารถูกลง เพราะประชาชนบ่นเรื่องนี้มามาก ซึ่งทั้งหมดมีความเป็นไปได้ในการเจรจาให้ราคาค่าโดยสารลดลงมาได้ถึง ๒๕ บาท..."

"...๒๕ บาทเป็นเป้าหมายที่ตั้งใจจะทำ และมีความเป็นไปได้ แต่ยอมรับว่าก็มีปัจจัยอื่นที่ควบคู่ไปด้วย..."

"...จะไม่ขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้เอกชน  แต่จะใช้วิธีเจรจากับเอกชนต่อปัญหาหนี้ค่าจ้างเดินรถ และมีนโยบายโอนสัมปทาน BTS ที่เหมือนเส้นเลือดใหญ่ ให้กระทรวงคมนาคมรับไปดูแลบริหารจัดการ โดยต้องทำให้ค่าโดยสารไม่เกิน ๓๐  บาท..."

ครับ...ความเข้าใจของผู้คนในสังคมส่วนใหญ่ จะเข้าใจว่า "ชัชชาติ" มีนโยบายค่ารถไฟฟ้า ๓๐ บาทตลอดสาย 

น้อยคนครับที่จะเข้าใจเหมือนที่ "ชัชชาติ" อธิบายในวันนี้ว่า ๓๐ บาทคือ ๘-๑๑ สถานี ไม่ใช่ตลอดสาย

ก็ถือเป็นบทเรียนครับว่าประชาชนมีหน้าที่ต้องฟังการปราศรัยหาเสียงของนักการเมืองให้ชัด ตีความให้ถูกต้อง ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใคร

ไม่เช่นนั้นจะเจอปัญหา ไม่ตรงปก

ตอนหาเสียงเข้าใจอย่างหนึ่ง หลังเลือกตั้งกลายเป็นอีกอย่าง

ค่อนข้างเห็นด้วยกับ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" ที่เขียนถึง  "ชัชชาติ"

"...อาจารย์ชัชชาติ เป็นนีโอลิเบอรัลที่เป็นประชาธิปไตยในทางการเมือง ให้พื้นที่การแสดงออกของพลเมือง แต่ในทางเศรษฐกิจ ก็เสรีนิยมสุดๆ ให้เอกชนทำบริการสาธารณะ  ทำให้ตกอยู่ภายใต้กฎของกำไร-ขาดทุน มากกว่า บริการประชาชน ความเสมอภาคเท่าเทียม

ผมอาจถูกฝึกมาจากฝรั่งเศสและยุโรป ที่เชื่อในเรื่อง  'บริการสาธารณะ' สำหรับคนทุกคน รัฐต้องลงทุน และขาดทุน เพื่อให้ทุกคนได้ใช้บริการในราคาที่เข้าถึงได้ ทั่วถึง จะคิดเรื่องกำไร/ขาดทุน อย่างเดียวไม่ได้

ที่ฝรั่งเศสและอีกหลายประเทศในยุโรป เก็บตั๋วราคาเดียวกันหมดครับ ตลอดสายส่วนปารีส ในกรณีออกนอกโซน ๑-๒ ไปโซน ๓-๕ ต้องจ่ายเพิ่มบ้าง เพราะมันไกลออกไปจริงๆ ข้ามไปอีกเมืองและกระตุ้นให้คนใช้ตั๋วปี ได้ลดราคา

คำอธิบายของอาจารย์ชัชชาติในคลิปนี้ ปธน. Macron  ผู้นำนีโอลิบ จ้องขายบริการสาธารณะให้เอกชน มาฟังแล้ว ยังสู้ไม่ได้เลยครับ

อธิบายแบบนี้ มันจะไปสู่ข้อสรุปที่ว่า ไม่มีเงินก็ไม่ต้องนั่ง ใครอยู่ไกล ก็ไม่ต้องนั่ง ไม่ก็ทนจ่ายแพงไป..."

ไม่แปลกครับที่มีการสงสัยในตัวตนที่แท้จริงของ "ชัชชาติ" ว่า เป็นอย่างไรกันแน่

มีความเป็นเสรีนิยมสุดโต่งในทางเศรษฐกิจ และนีโอลิเบอรัลในทางการเมือง ซึ่งมีความย้อนแย้งกันอยู่ไม่น้อย

ทั้งที่นักการเมืองควรมีอุดมการณ์ไปในทางใดทางหนึ่ง  หากทำเพื่อประชาชนเป็นหลัก ไม่ว่าในแง่เศรษฐกิจ สังคม  การเมือง ก็ต้องไปในทิศทางเดียวกัน

แต่วันนี้ "ชัชชาติ" ถูกตั้งคำถามแล้ว

สำหรับตัว "ชัชชาติ" เองเมื่อกลับเข้าสู่โต๊ะทำงานก็จะพบความจริงว่า สิ่งที่ดูง่ายๆ ตอนหาเสียง กลับเป็นเรื่องน่าหนักใจในตอนลงมือปฏิบัติ

เท่านั้นไม่พอกรณีค่าโดยสารรถไฟฟ้า "ชัชชาติ" ยังมีปัญหาด้านทัศนคติในการแก้ไขปัญหาอีกด้วย

ที่จริง "ชัชชาติ" ก็รู้ครับว่าระบบขนส่งมวลชนที่ดีนั้นต้องเป็นเช่นไร เพราะเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมาก่อน

เมื่อพูดถึงการขนคนที่มีประสิทธิภาพ ต้องนึกภาพให้ออกว่าขนจากไหนไปไหน ระบบขนส่งมวลชนสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาอะไรเป็นหลัก

การให้เหตุผลว่าขณะนี้กำลังแก้ไขปัญหาระยะสั้น โดยบอกว่า ๓๐ บาทคือ ๘-๑๑ สถานี ไม่ใช่ตลอดสาย มันคือการเอาตัวรอดทางการเมือง

ภาษาชาวบ้านเขาบอกว่าพลิกลิ้น

ปรัชญาของการก่อกำเนิดรถไฟฟ้าใน กทม.และปริมณฑล คือการขนคนจากกลางเมืองเข้าสู่ใจกลางเมืองอย่างสะดวกและรวดเร็ว  

แน่นอนครับจากชานเมืองสู่ใจกลางเมืองมันเกิน ๑๑  สถานี ฉะนั้นวิธีคิดเรื่องการลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าจะอ้างอิงจำนวนสถานีที่ประชาชนใช้บริการสูงสุดคือ ๑๑ สถานีไม่ได้

ต้องอ้างอิงการเดินทางจากชานเมืองเข้าสู่ใจกลางเมืองเป็นหลัก มันจึงจะตอบโจทย์การสร้างโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนเพื่อประชาชนที่ต้องลงทุนเป็นล้านล้านบาทอย่างแท้จริง

และในข้อเท็จจริง สิ่งที่ "ชัชชาติ" พยายามบอกเมื่อตอนหาเสียงว่า ค่าโดยสารรถไฟฟ้า ๒๕-๓๐ บาทมีความเป็นไปได้นั้น มันแทบเป็นไปไม่ได้ในแง่ข้อเท็จจริง

การทำราคานี้ได้ต้องรอให้สัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ระหว่าง กทม.กับ BTS สิ้นสุดลงเสียก่อน

คือปี ๒๕๗๒

แต่วาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ของ "ชัชชาติ" จะหมดลงในปี ๒๕๖๙

หรือว่า "ชัชชาติ" หาเสียงล่วงหน้าในเทอมที่ ๒

ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ยอมใจครับ

แต่จะเป็นการดูถูกประชาชนหรือเปล่านี่ซิครับ เป็นเรื่องน่าคิด เพราะคนกรุงเทพฯ ๑.๓๔ ล้านคน อนุญาตให้  "ชัชชาติ" ทำงานถึงปี ๒๕๖๙ เท่านั้น

จะได้ไปต่อหรือไม่ก็อยู่ที่ผลงานของ ๔ ปีแรก

อีกประเด็นไม่เตือนกันเลยคงไม่ได้ บรรดาแฟนคลับเลิกเสียทีครับ อย่ารังแก "ชัชชาติ" ไปมากกว่านี้ อย่าไปเชิดชูเสียจนตดก็ว่าหอม

เพราะสุดท้ายมันจะย้อนกลับมาหา "ชัชชาติ" ทั้งหมด

และวันนี้มันก็เกิดขึ้นแล้ว

คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๒๘ มิถุนายน  "ชัชชาติ" เดินเท้าตรวจน้ำท่วมย่านห้วยขวาง หลังฝนตกหนัก และเป็นจุดที่กรมราชทัณฑ์ นำนักโทษมาลอกท่อระบายน้ำไปแล้ว

ระหว่างที่ "ชัชชาติ" กำลังพูดคุยและถ่ายรูปกับชาวบ้าน มีชายขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง มาจอดริมถนน ตะโกน "ท่านผู้ว่าฯ ไปดูลาดพร้าว ๖๔ หน่อย มันน้ำท่วมนานแล้ว"

"มาตรงนี้บ่อยเหลือเกิน โหย...ท่านผู้ว่าฯ ท่านไม่เข้าเขตนั้นเลย"

นี่คือผลจากการอวย "ชัชชาติ" ว่าเข้ามาปุ๊บแก้ปัญหาน้่ำท่วมได้ปั๊บ

คืนวานนี้ (๑ กรกฎาคม) วันศุกร์ต้นเดือน ฝนตกหนัก  น้้ำท่วม รถติดอย่างหนัก ครบสูตรวิบากกรรมของคนกรุง  ล้านชัชชาติ ก็ทำอะไรได้ไม่มากหรอกครับ นอกจากไลฟ์สด

ข้อเท็จจริงการแก้ปัญหาน้ำท่วมใน กทม. ต้องใช้เวลาเป็นปีๆ ไม่ใช่วัน หรือเดือน             

ฉะนั้นอวย "ชัชชาติ        " ต้องอยู่กับข้อเท็จจริง   

ยกย่องเหนือมนุษย์มากไปพังครับ.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เลือกคุกจะได้คุก

ว่อนสิครับ! หนังสือจาก "เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ" ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

ตายหมู่ไปกับ 'ดิจิทัลวอลเล็ต'

ในที่สุดก็ชัดเจน ถือเป็นความรับผิดร่วมกันของคณะรัฐมนตรี โดยมิอาจมีใครปฏิเสธในภายหลังได้เลยว่า ไม่มีส่วนรับรู้กับนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ให้ประชาชนหัวละ ๑ หมื่นบาท ด้วยงบประมาณกว่า ๕ แสนล้านบาท

มันมากับความเงียบ

งานเลี้ยงใกล้เลิกรา... สมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบันจะหมดวาระลงเดือนพฤษภาคมนี้แล้วครับ

แผนแทรกแซงกองทัพ

ก็ยังไม่เห็นว่าหน้าตาชัดๆ เป็นอย่างไร หมายถึงกฎหมายต้านการปฏิวัติรัฐประหารครับ

ประชาธิปไตยแบบไทยๆ

นักการเมืองคนไหนที่บอกว่า "รวยพอแล้ว" อย่าไปเชื่อ เพราะถ้าพอจะไม่แสวงอำนาจการเมือง