ข้อมูล 'ประกอบคิด' คนไทย

ยุคเทคโนโลยีการสื่อสารนี่..........

มันนำมาทั้ง "อุบัติ" ที่เรียกนวัตกรรม และทั้ง "วิบัติ" ที่เรียกว่าฉิบหาย-ทำลายล้าง!

แต่จะอุบัติหรือวิบัติ ขึ้นอยู่กับเจตนาคนใช้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี

ด้วยความที่ ทุกวันนี้ คนในชาติล้วนมีพระเจ้าองค์ใหม่ที่เรียก "มือถือ" พกติดตัว ๒๔ ชั่วโมง

จึงมีบุคคลบางพวกใช้เป็นช่องทางแพร่ "ข่าวสารพิษ" รูปแบบต่างๆ ซึมแทรกเข้าเซลล์สมอง

บ้านเมืองเรา ตอนนี้ ก็รู้กันอยู่-เห็นกันอยู่ มีนักวิชาการ ครูอาจารย์ พ่อค้า-นักธุรกิจ สื่อ และนักการเมืองกลุ่มหนึ่ง

สมคบแผน "ยุโรป-สหรัฐ"

หวังใช้ไทยเป็น "ฐานยุทธการ" สกัดอำนาจจีนในภูมิภาคนี้ แต่ตราบใดที่ "พลเอกประยุทธ์" ยังเป็นผู้นำอยู่

ตราบนั้น "ไม่มีทาง"!

ฉะนั้น มีทางเดียวที่ "สหรัฐ-ยุโรป" จะสมหวัง ต้องโค่นล้มรัฐบาลประยุทธ์ ต้องทำทุกทาง ไม่ให้พลเอกประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ อีก

ในขณะเดียวกัน ต้องผลักดันทุกวิถีทาง ให้ฝ่ายค้าน-เพื่อไทย ได้กลับเข้ามามีอำนาจบริหารประเทศให้จงได้

เพราะมีแต่หนุนให้ "เพื่อไทย-ก้าวไกล" คุมอำนาจประเทศเท่านั้่น ไทยถึงจะเป็นประเทศ "ใต้อำนาจสั่งการ" ของสหรัฐ-ยุโรป สมอยาก

เหมือนตอนทักษิณ-ยิ่งลักษณ์เป็นผู้นำรัฐบาล!

โดยตกลง "กางแผนที่" ขีดเส้นแบ่งประเทศ จากราชอาณาจักรไปเป็นสาธารณรัฐ

แยกกันไปครอบครอง มีประธานาธิบดีเป็นประมุุขแทน "พระมหากษัตริย์"

สหรัฐเก่งและชำนาญ "ใช้สงครามสื่อ" ล้างสมองชาวบ้าน อย่างตอน ยุค ๒๕๐๐

เข้ามาตั้ง "สำนักข่าวสารอเมริกัน" ที่เรียก usis มีทั้่งหนัง หนังสือ วารสาร ทั้งใบปิด ใบปลิว และละครวิทยุ ผมยังเป็นสมาชิกรายเดือนวารสาร "เสรีภาพ" เลย

โหมโฆษณาชวนเชื่อเชิงปลุกระดมด้วย "ข่าวสารพิษ" ให้คนไทยเกลียด กลัวคอมมิวนิสต์ เกินจริง

หน้าปกเงี้่ย...เขียนรูปคอมมิวนิสต์ถือเคียว มีชาวบ้านเซ่นคาคมเคียว เผาวัดไฟโชน ถือแส้ไล่หวดพระวิ่งหนีสบงปลิว

อย่างเรื่อง "ไผ่แดง" ของหม่อมคึกฤทธิ์ ที่สมภารกร่าง ตัวแทนฝ่ายประชาธิปไตย กับไอ้แกว่น รุ่นใหม่ "หัวแดง" ปลุกระดมชาวบ้านเป็นคอมมิวนิสต์ เป็นตัวเดินเรื่อง

เล่มโตเบ้อเร่อ ยูซิสลงทุนพิมพ์แจกตามชุมชนทั่วประเทศ ผมเป็นเด็กวัด พลอยได้อ่านไปด้วย

ยูซิสล้างสมองสำเร็จถึงขั้นว่า พอเด็กร้องไห้ แม่ขู่...เดี๋ยวคอมมิวนิสต์มาจับตัวนะ

เงียบฉี่เลย....

กลัวคอมมิวนิสต์ได้ยิน จะมาจับตัวไป!

ผ่านมากว่า ๖๐ ปี รูปแบบนั้น ไอ้กันย้อนกลับนำมาใช้อีก เพียงทันสมัยด้วยรูปแบบไอทีเท่านั้น

ไอ้แกว่น ยุคนั้น เปลี่ยนลุคส์มาเป็น "รุ่นใหม่ ๓ นิ้ว" ในโซ่สามสัสและพวกจาน'จัญไร

ส่วนสมภารกร่าง เยอะเลย ยกให้อาจารย์เสรี อาจารย์อานนท์ และทั้งหมอวรงค์ ขมังเวททั้งนั้น

เมื่อก่อนไอ้กันปลุกให้กลัวคอมมิวนิสต์ แต่ตอนนี้ จะล่มชาติ-ล้มสถาบันกัน ด้วยการประยุกต์เป็น "คอมมิวนิสต์พันทางประชาธิปไตย"

ยุค ๒๕๐๐ อเมริกันใช้คำว่า "ตื่นเถิดชาวไทย" ปลุกระดม

ยุค ๒๕๖๕ อเมริกัน+สามสัส+โทนี่ ใช้คำว่า "หัวหน้าครอบครัวแดง"

ที่คุยมา เพียงอยากชี้ให้เห็นความสำคัญของข้อมูลข่าวสาร อย่างกรณี เครื่องบินพม่าล้ำแดนโดยไม่เจตนา

กลุ่มชังชาติ-ชังสถาบัน พลัน "ดัดจริต" รักชาติขึ้นมาทันที เพื่ออาศัยเป็นเหตุ ถล่มรัฐบาลและกองทัพ!

รักชาตินั้นน่ะดี แต่เสแสร้งรักชาติ มันเลว ถ้ารักชาติจริงควรศึกษาข้อมูลและชั่งทางประโยชน์ได้-ประโยชน์เสียด้วย

ผมอ่านที่ "ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง" อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ท่านโพสต์เฟซ

นึกคารวะท่านในใจ มีครูบาอาจารย์อย่างนี้ ยังไงๆ บ้านเมืองไทยเราก็รอด เพราะยามสับสนทางข้อมูลประกอบคิด ท่านเป็น "เสาหลัก" ให้ โดยไม่เบี่ยงเบน อ่านดูนะครับ

 “Sunt Srianthumrong"

ไทย-เมียนมา : ภาพสะท้อนยุโรป-รัสเซีย ทำไมรัฐบาลไทยและกองทัพไทยไม่กล้าเล่นใหญ่ และห้ามทำด้วย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเมียนมาตัดก๊าซไทยแบบทันที

ผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่คนไทยทุกคนควรรู้เพื่อจะได้เข้าใจหัวอกของรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคงและทหาร ก็คือ เมียนมามีแต้มต่อเหนือไทยมากๆ อยู่หนึ่งเรื่องสำคัญ ที่ไม่ใช่กำลังทหาร ไม่ใช่กำลังประชาชน

แต่นั่นคือ "ก๊าซธรรมชาติ" ซึ่งไม่ต่างจากการที่รัสเซียมีแต้มต่อเหนือยุโรปเลยครับ

ผมคิดว่าแต้มต่อนี้น่าจะเป็นที่รู้กันดีทั้งในฝ่ายความมั่นคงฝั่งไทยและเมียนมา ข้อมูลพวกนี้เป็นข้อมูลสาธารณะทั้งนั้นครับ

ข้อมูล :

1.ประเทศไทยพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติจากเมียนมามากถึง 6,500 MW

2.Peak Demand ของประเทศปีนี้อยู่ที่ 33,177 MW ณ วันที่ 28 เม.ย.2565 เวลา 14.30 น. ไม่รวม IPS ที่ผลิตไฟฟ้าใช้เอง

3.ก๊าซเมียนมาถูกกว่า LNG นำเข้ามากๆ เพราะสงครามในยุโรป

4.กำลังไฟฟ้า 6,500 MW เทียบกับ 33,177 MW ในทาง Power System Reliability ถือว่าสูงมาก มากกว่า Spinning Reserve มากกว่า Fast Frequency Response Resource ทั้งหมดรวมกันแน่นอน

5.เคยเกิดเหตุก๊าซจากเมียนมาหายเฉียบพลัน 1 ครั้งเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2552 ระบบไฟฟ้าไทยเกือบไปไม่รอด

แต่ กฟผ.ก็เก่งมาก

สามารถรักษาระบบเอาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อสุดๆ  โดยแลกมากับน้ำท่วมท้ายเขื่อนบางส่วน

แต่ถ้าเกิดขึ้นอีก ผมคิดว่าไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าจะเอาอยู่ แต่ลึกๆ ผมก็เชื่อว่า กฟผ.อาจจะเอาอยู่ เรามีคนที่เก่งมากและระบบที่ทันสมัยมากกว่าเดิมอยู่ที่ตรงนั้น

6.เรายังต้องพึ่งพาก๊าซจากเมียนมาอีกเป็น 10- 20 ปี ต่างจากยุโรปที่คงพึ่งรัสเซียอีกแค่ไม่เกิน 2-3 ปี

ถ้าเมียนมาตัดก๊าซทันที : จะเกิดอะไรขึ้น

1.ไม่ต่างกับยุโรปโดนรัสเซียตัดการส่งก๊าซทันที

2.ค่าไฟฟ้าน่าจะแพงขึ้นอีกประมาณหน่วยละ 1 บาททันที

3.จากข้อ 2 เศรษฐกิจจะมีปัญหาแน่นอน และม็อบก็จะมากมาย

4.โรงไฟฟ้าจะหายไป 6,500 MW โดยที่ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว กว่าสถานีก๊าซที่ไทรโยคจะรู้จากค่ามิเตอร์และแจ้งเหตุ โรงไฟฟ้าภาคตะวันตกก็น่าจะร่วงกันหมดแล้ว

ผมไม่รู้ Timing ตรงนี้ในรายละเอียด ต้องถาม ปตท.

5.ถ้าจังหวะใช่ เวลาใช่ มีโอกาสเกิดไฟฟ้าดับทั่วประเทศไทย จากข้อ 4

6.นับจากเกิดเหตุการณ์ในข้อ 4 กฟผ.จะมีเวลาแค่ไม่เกิน 5 วินาที ในการรักษาระบบด้วยการเร่งเดินโรงไฟฟ้าอื่นๆ ขึ้นมาแทน ขอย้ำว่า 5 second เท่านั้น

7.เวลา 5 วินาที ยาวนานเท่ากับการหายใจเข้าออก "พุทโธ" 1 ครั้ง

8.The Flash ก็อาจไม่เร็วพอที่จะช่วยเราได้

9.ถ้าเราจะยังสามารถรอดมาได้แบบครั้งก่อน ผมต้องบอกเลยว่า กฟผ.ต้องสร้างปาฏิหาริย์อีกครั้ง ซึ่งปาฏิหาริย์มักไม่ขึ้นบ่อยนัก

สิ่งที่ประเทศไทยเตรียมไว้ :

1.ฝ่ายความมั่นคง ทุกยุคทุกสมัย รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลเมียนมาทุกฝ่าย ทั้งพลเรือนและทหาร รวมทั้งชนกลุ่มน้อยต่างๆ ด้วย ซึ่งเป็นบทบาทที่ยากมากๆ แต่ก็ทำได้ดีเสมอมา

2.การไฟฟ้า ปตท. และกระทรวงพลังงาน มีแผน A, B, C, D เตรียมทั้งสำหรับปัจจบุันและอนาคต และเรามีแผนอนาคตที่ชัดเจนว่า เราจะยุติเรื่องนี้ได้ และผมเชื่อว่าเราจะทำได้แน่นอน

ไทย-เมียนมา เพื่อนบ้านกัน ชายแดนติดกัน 2,202 กิโลเมตร ถ้าไม่รักกันก็เห็นทีจะลำบากกันทั้ง 2 ฝ่าย พวกเราคงไม่มีใครชอบความรุนแรงที่เกิดในเมียนมาตอนนี้ และก็คงไม่มีใครที่อยากจะเห็นความรุนแรงนั้นบานปลายออกมาสู่ชานแดนหรือล้ำแดนเข้ามา

เราทุกคนมีประเทศชาติต้องดูแล

มีคนไทย 70 ล้านที่ต้องดูแล

มีคนเมียนมาหลายล้านคนที่อพยพมาทำงานที่เราก็ต้องดูแล

สันติภาพคือสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนที่เราจะทำสิ่งอื่นสำเร็จ และประเทศไทยคือ "หัวใจของสันติภาพในภูมิภาคนี้"

เราต้องชัดเจน เข้มแข็ง และอดทน

และความเข้มแข็งนั้น ไม่ได้จำเป็นต้องแสดงออกด้วยความรุนแรงเสมอไป

ความอดทน วุฒิภาวะ การแสดงออกอย่างถูกต้องในจังหวะที่ถูกต้อง ล้วนแสดงความเข้มแข็งได้ทั้งสิ้นครับ

..................................

ชื่นใจจริงๆ.....

ไม่ใช่เพื่อนายกฯ ไม่ใช่เพื่อรัฐบาล ไม่ใช่เพื่อกองทัพ  ข้อมูลที่ "ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง" ท่านให้

เพื่อ "ประเทศไทย" และเพื่อ "สันติภาพภูมิภาค"

ขอคารวะท่านครับ!

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง