ไหน...แลนด์สไลด์

แนะนำพรรคเล็กว่าต้องปลงครับ

เห็นข่าว "นายหัวชวน" นัดประชุมรัฐสภาวันที่ ๑๕ สิงหาคม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้เสร็จสิ้นแล้ว อย่าไปคาดหวังอะไรมาก

ในทางทฤษฎี ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังอยู่ จนถึงวันที่ ๑๕ สิงหาคม

แต่ในทางปฏิบัติมันตกไปแล้ว

ฉะนั้น พรรคเล็กอย่าไปคาดหวังว่า ปาฏิหาริย์ จะเกิดขึ้น

เป็นไปไม่ได้แล้วครับที่ที่ประชุมรัฐสภาจะพลิกมติกลับไปเป็นหาร ๕๐๐ 

ขนาดมาประชุมกันเต็มสูบเมื่อวันพุธที่ผ่านมา สภายังล่มได้

๑๒-๑๔ สิงหาคม วันหยุดยาว ส.ส.ลงพื้นที่กันหมด จันทร์ที่ ๑๕ หยุดพักผ่อนเพราะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า กลับเข้ากรุงเทพฯ อีกทีเย็นวันอังคาร เช้าวันพุธถึงจะเข้าประชุมสภา

กิจวัตรของ ส.ส.ก็ประมาณนี้

ฉะนั้นการเรียกประชุมวันจันทร์ที่ ๑๕ สิงหาคม จะมี ส.ส.ส่งจดหมายลาประชุมมากเป็นประวัติการณ์ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.จะตกไปอย่างสมบูรณ์แบบ

ครับ...นั่นคือสิ่งที่จะเป็น

ส่วนควันหลงเรื่องจะยื่นร้องเรียนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบ ส.ส. ประธานรัฐสภา และรองประธานรัฐสภา กรณีฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ เพราะทำสภาล่ม ก็ว่ากันไป

แต่ผลจากนี้ พรรคเล็กจะเกิดยาก นอกจากเตรียมย้ายเข้าพรรคใหญ่ 

ส่วนพรรคใหญ่ ต้องรักษาฐานเสียงตัวเองให้หนาแน่นไว้ แล้วมองหา ส.ส.สังกัดพรรคเพิ่ม เพราะการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคการเมืองใหญ่อย่างแท้ทรู

พรรคไหนจะเข้าวินด้วยสูตรหาร ๑๐๐ ก็ต้องไปว่ากันตอนเลือกตั้ง

แต่กว่าจะถึงการเลือกตั้ง "กระแส" สำคัญครับ

ขณะนี้เกิดกระแสข่าว พลังประชารัฐ จับมือกับเพื่อไทย ไม่ได้จับมือสูตรหาร ๑๐๐ อย่างเดียว แต่จับมือกันตั้งรัฐบาลด้วย

กระแสแบบนี้ พลังประชารัฐเสียเปรียบครับ

การเลือกตั้งปี ๒๕๖๒ บัตรเลือกตั้งใบเดียว สร้างความเจ็บช้ำให้กับพรรคประชาธิปัตย์มากพอควร เพราะคนที่เคยเลือกประชาธิปัตย์ เทใจไปให้พลังประชารัฐ

หวังจะให้ "ลุงตู่" จัดการกับระบอบทักษิณให้สิ้นซาก

แต่กระแสขณะนี้หักมุม ๓๖๐ องศา

พลังประชารัฐกำลังจับมือกับเพื่อไทย

จริงเท็จเป็นอีกเรื่อง

ประชาธิปัตย์จะได้ประโยชน์จากกระแสนี้ไปเต็มๆ

"จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" ตั้งเป้า ส.ส.เฉพาะภาคใต้ จะได้ ๓๕-๔๐ ที่นั่ง

ไม่ไกลเกินฝันแน่นอน เพราะ กกต.เพิ่งจะปรับเพิ่มจำนวน ส.ส.ภาคใต้ขึ้นมาอีก ๘ ที่นั่ง 

เดิมมีได้ ๕๐ คน เพิ่มมาเป็น ๕๘ คน

ส่วนพลังประชารัฐในพื้นที่ภาคใต้น่าจะเหนื่อยขึ้น ทั้งจากกระแสข้างต้น และคู่แข่งที่มากกว่าเดิม

เมื่อกลับมาสู่สูตรหาร ๑๐๐ เกิดคำถามว่าเป็นคุณกับพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ถึงขนาดผลเลือกตั้งแลนด์สไลด์จริงหรือ?

อ้างอิงจากการเลือกตั้งปี ๒๕๖๒ พรรคขนาดใหญ่มี ๒ พรรค คือพรรคพลังประชารัฐ กับพรรคเพื่อไทย

สาเหตุที่พลังประชารัฐต้องการสูตรหาร ๑๐๐ อาจเป็นเพราะคะแนนป๊อปปูลาร์โหวตจากการเลือกตั้งปี ๒๕๖๒ มาเป็นอันดับ ๑

หมายความว่า หากให้สูตรหาร ๑๐๐ พลังประชารัฐจะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์มากที่สุด 

รองลงมาคือ เพื่อไทย

แต่ปัญหาคือ กระแสการเมืองช่วงการเลือกตั้งปี ๒๕๖๒ กับขณะนี้เหมือนกันหรือเปล่า

จะมีกี่คนที่ยังมอบความไว้วางใจให้ พลังประชารัฐ ถือธงนำในการต่อสู้กับระบอบทักษิณ

จะยังใช้การเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์อยู่หรือเปล่า

ฉะนั้นการประเมินสถานการณ์ของแต่ละพรรคการเมือง ต้องมีความแม่นยำสูง และต้องอ้างอิงกับข้อเท็จจริง ไม่ใช่ปั้นตัวเลขเอาใจนาย

แฟนคลับพรรคเพื่อไทย พากันฉลอง เพราะถือเป็นชัยชนะ จะนำไปสู่ผลเลือกตั้งแลนด์สไลด์

ช้าก่อน!

แลนด์สไลด์พูดได้ แต่ไม่ง่ายที่จะเกิด

อะไรคือแลนด์สไลด์

ถ้าเป็นการชนะการเลือกตั้ง เป็นพรรคอันดับหนึ่ง ถึงเวลาจัดตั้งรัฐบาลยังต้องลุ้นว่าจะถูกตัดหน้าไปหรือเปล่า เหมือนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แบบนั้นไม่ได้เรียกว่าแลนด์สไลด์

ต่อให้คราวที่แล้วเลือกตั้งใช้บัตร ๒ ใบ หาร ๑๐๐ เพื่อไทยก็มิได้ชนะขาด เพราะพลังประชารัฐตามหายใจรดต้นคอ

ต้องเป็นการเลือกตั้งแบบปี ๒๕๔๘ ที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย กวาด ส.ส.ไปถึง ๓๗๗ ที่นั่งจาก ๕๐๐ ที่นั่ง       

นั่นถึงจะเรียกว่าแลนด์สไลด์

เลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ได้หรือเปล่า

โอกาสมีครับ แต่ต้องทำพรรคให้เหมือนไทยรักไทยเมื่้อปี ๒๕๔๘ เสียก่อน

ในการเลือกตั้งปี ๒๕๔๔ เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ ซึ่งกติกาคล้ายกับสูตรหาร ๑๐๐ มาก

และเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกของระบอบทักษิณ

วันนั้น "ทักษิณ" คือของใหม่ ผู้คนอยากลอง

ผลการเลือกตั้ง ไทยรักไทย ได้ ส.ส.รวม ๒๔๘ ที่นั่ง

ส่วนประชาธิปัตย์ ได้ ๑๒๘ ที่นั่ง

คะแนนป๊อปปูลาร์โหวตวันนั้น ไทยรักไทยได้ ๑๑.๖ ล้านเสียง ส่วนประชาธิปัตย์ได้ ๗.๖ ล้านเสียง ถือว่าไม่ขาด

นั่นคือการเลือกตั้งที่มีพรรคไทยรักไทยถือกำเนิดจากการซื้อยกมุ้ง รวมยกกลุ่ม

แต่การเลือกตั้งปี ๒๕๔๘ เปลี่ยนโฉมไปอย่างสิ้นเชิง เกิดผลเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์

หลังรัฐบาลอยู่ครบวาระ ๔ ปี ต้องจัดเลือกตั้งใหม่ คราวนั้นพรรคไทยรักไทย โดย "ทักษิณ" สร้างปรากฏการณ์อันลือลั่น ซื้อยกพรรค บีบยกก๊วน

ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลไม่ว่าจะเป็น พรรคความหวังใหม่, พรรคชาติพัฒนา, พรรคกิจสังคม, พรรคเสรีธรรม และพรรคเอกภาพ ถูกต้อนเข้าสู่พรรคไทยรักไทย

"๔ ปีซ่อม ๔ ปีสร้าง" เล่นทางลัด กลืนพรรคการเมืองเข้าไปถึง ๕ พรรค

การเลือกตั้งครั้งนั้นเห็นผลตั้งแต่ไก่โห่ว่ามีโอกาสสูงที่พรรคไทยรักไทยจะชนะการเลือกตั้ง สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้

แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

ไทยรักไทยโดยการกลืนพรรคร่วมรัฐบาล ๕ พรรค ชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์

ยึดสนามเลือกตั้งภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง และ กทม. ไปเกือบทั้งหมด

แต่เจาะภาคใต้ไม่เข้าแม้เขตเดียว

เพราะไทยรักไทยได้ ส.ส.ไปตามพื้นที่ที่กลืนเข้าไป

หันมาดูเพื่อไทยวันนี้แลนด์สไลด์ได้หรือเปล่า

คำตอบคือยากมาก

มีทางเดียวคือต้องกลืนพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย

๓ พรรคนี้รวมกันเกือบ ๓๐๐ เสียง ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้แน่นอน

ส.ส.พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ส่วนใหญ่คือ ส.ส.ที่แตกมาจากไทยรักไทยในอดีต

หากกลับไปรวมกันอีกครั้ง คือแลนด์สไลด์

ต้องถามว่า "ลุงป้อม-ลุงตู่" และ "เสี่ยหนู" ยอมเป็นลูกน้อง "อุ๊งอิ๊ง" หรือเปล่า?.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หนีล้มเจ้า' ปะ 'โกงคุก'

น่าจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันเยอะพอควร ไม่ชอบ "ระบอบทักษิณ" แต่ไม่ไว้ใจ "ขบวนการล้มเจ้า" กัดฟันยอมเห็นพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล

ผิด 'ทักษิณ' ที่ล้างไม่หมด

มันเหลือเชื่อมั้ยล่ะครับ.... เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี่เอง "ประยุทธ เพชรคุณ" โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นั่งแถลงข่าวพูดถึงอาการของ "นักโทษชายทักษิณ" ว่าป่วยขั้นวิกฤต

๑ ประเทศ ๒ นายกฯ

มีคนสงสัยว่า "นักโทษชายทักษิณ" ออกนอกบ้านจันทร์ส่องหล้าได้หรือ

ปรากฏการณ์ทักษิณ

หวังว่าคงอยู่สุขสบายดีนะครับ ไม่ได้หมายถึง "นักโทษชายทักษิณ" แต่เป็น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กับ หมอใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

ยุบพรรค-ล้มล้าง

คำพูดสะท้อนแนวคิด วานนี้ (๑๓ มีนาคม) "ชัยธวัช ตุลาธน" เผยตัวตนที่แท้จริง ว่ามีแนวความคิดอย่างไรกับสถาบันพระมหากษัตริย์

ซีรีส์ยุบก้าวไกล

ถึงบางอ้อสิครับ... วานนี้ (๑๒ มีนาคม) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเอกฉันท์