'นคราประชาภักดิ์'

เมื่อวาน (๑๒ สิงหา) วันแม่

ได้เห็นภาพลูกพาแม่ไปเที่ยว ไปกินอาหาร เอามาลัยมะลิไปกราบแม่

เห็นแล้ว อิจฉา อยากเป็นแม่มั่ง....

เท่าที่ดูจากข่าวโทรทัศน์ คนเพศพ่อก็แอบดีใจนะ ที่เห็นลูกๆ รุ่นหนุ่ม-รุ่นสาว ไปกราบแม่ แม่พร่ำเตือนให้ลูกเป็นดี  ให้เป็นคนกตัญญูรู้คุณแผ่นดิน แล้วให้ศีลให้พร

ลูกโผเข้ากอดแม่ แล้วบอก

"หนูจะเป็นคนดีค่ะแม่ หนูขอสัญญา...."!

เห็นแล้วซึ้ง น้ำตารินซอกใจ แม่ใคร-ลูกใคร ก็ช่างเถอะ  แต่ทุกคนคือ "ลูกของแผ่นดินไทย" ด้วยกัน        

กระซิบสัญญากับแม่ "หนูจะเป็นคนดี" นั้น
นั่นเท่ากับกระซิบสัญญากับ "แม่" คือแผ่นดิน!

กรุงศรีอยุธยา "ต้องแตก" เพราะลูกหลานไทยพวกหนึ่งเป็นไส้ศึก "ขายชาติ" ให้พม่า

แต่เลือดไทยก็ "กู้กรุงศรีอยุธยา" กลับคืนมาได้ ตราบทุกวันนี้ คำว่า "กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี" จึงเป็นคำ "อมตะไทย"

ฉะนั้น คำว่า "คนเลว-ขายชาติ" กับคำว่า "คนดี-กู้ชาติ" จะมีคู่กันตลอดไป

แต่ขอให้เข้าใจตาม "ลายแทงประเทศ" เถอะว่า

บั้นปลาย "คนขายชาติ" วิบัติ-บรรลัย

ชนิด "ยกโคตร-ยกตระกูล" แน่!

เพราะความเป็น "แผ่นดินไม่สิ้นคนดี" แม่พระธรณีผู้ปกปักซึ่งพิทักษ์รักษา "แผ่นดินแม่" ผืนนี้มาตลอด

จะไม่ปล่อยให้คนชั่วช้าขายชาติ "ผงาด-ผยอง" ยึดครองบ้านเมืองได้หรอก

เห็นมั้ย ทางเหนือ ที่พิษณุโลก พระบรมราชานุสาวรีย์ "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ทรงหลั่งทักษิโณทก

เมื่อตกถึงแผ่นดิน โดยแม่พระธรณี เป็นพยานรับรู้

ข้ามไปฝั่งกรุงธนบุรี "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" ชูพระแสงดาบ ทรงอาชาเผ่นผยอง ผึ่งผงาด

ทั้งราชศัตรู ทั้งศัตรูแผ่นดิน "แสยงสิ้น" จนหัวหด

ครั้นข้ามมาฝั่ง "กรุงรัตนโกสินทร์" องค์พระปฐมบรมราชจักรีวงศ์ "พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช"

"พระแสงดาบพาดพระเพลา" ทรงเฝ้ามองอ้าย-อี ใครที่จะย่ำยีล้มล้างด้วย "ชังชาติ-ชังแผ่นดิน"

มันทั้งสิ้น....

ไม่หัวขาด ก็ "บ้านแตก-สาแหรกขาด" พวกอสัตย์ชาติ-อสัตย์แผ่นดิน อ้าย-อี เหล่านั้น มันได้แค่เหิม

ลงท้ายก็ "หัก"

ด้วยแม่พระธรณี "พิทักษ์" ตาม "ทักษิโณทก" องค์สมเด็จพระนเรศ!

ฉะนั้น รุ่นใหม่ "อ้าย-อี" และพวกไอ้แก่รุ่นเก่าอัปรีย์หลอกเด็ก พึงสำเหนียก ที่จะ "เปลี่ยนประเทศ-ล้มสถาบัน" นั่นน่ะ

ชีวิต-ฐานะ-ครอบครัว และตัวเอง นั่นแหละ "จะเปลี่ยน"

ไม่มีใครไปเปลี่ยนให้

"วิบัติเป็น" นั่นแหละ จะเป็นผู้เปลี่ยนในเส้นทาง "เวียนลงต่ำ"

ดูประเทศพม่าเป็นอนุสติไว้

ผล "ย่ำยีไทย" ลงท้ายพม่าทั้งประเทศต้องตกอยู่ในสภาพไหน ก็เห็นกันมิใช่หรือ?

ชาติฝรั่งมังค่าตะวันตก ที่เคยทำตัวเป็นหมาป่าขย้ำลูกแกะไทย ปล้นทรัพย์สมบัติและแผ่นดินบางส่วนไป

แล้ววันนี้เป็นไง....

เมื่อโจรสิ้นบุญ วิบากกรรมก็เริ่มทำหน้าที่เที่ยงตรง

"ไฟกำลังท่วมแผ่นดิน" มัน

ความร่ำรวยจากที่ปล้นประเทศเขาไปกินก็สิ้นแล้ว ตอนนี้ ประเทศตัวเองกำลังถูกสารพัดคนพลัดถิ่น ทะลักทลาย เข้าไปแย่งอยู่-แย่งยึด

ตกในสภาพ "เศรษฐีกำมะลอขาดไฟ"!

ปีนี้่ ๒๕๖๕ พสกนิกร "ลูกหลานแผ่นดินไทย" ทุกหมู่เหล่าและรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ พร้อมอก-พร้อมใจ ถวายพระพรพร้อมพรั่ง "ฝึกฟื้นใจเมือง"

คึกคัก สว่างไสวทั้งนครา และทั้งใจมหาประชาชน

นับแต่วันเฉลิมพระชนมพรรษา "พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" รัชกาล ที่ ๑๐ เมื่อ ๒๘ กรกฎาคม

และเมื่อวาน.......

๑๒ สิงหาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษา "สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง"

เมื่อพี่น้องร่วมธรณีไทย ฟื้นสติ "รู้รัก-สามัคคี" และ "รู้รัก-รู้อภัย" ก็อยากกระซิบบอกให้

อย่ามัวบ้าใบ้ไปตามเสียงหมาเห่าตามหน้าเฟซ-หน้าจอในทางจ้องทำลายอยู่เลย ใครมีอาชีพ มีการมีงาน จะค้าขาย หรือทำเกษตรพืชไร่ จงมุ่งไปทางนั้่น

เพื่อเตรียมตัว "รวย" จากปลายปีนี้ เป็นต้นไป ประเทศไทยจะผงกหัวทั้งเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยว เรียกว่า "ไปต่อ...ไม่รอแล้วนะ"!

วิบากประเทศ วิบากพลเอกประยุทธ์ ที่โต้คลื่นในทะเลมรสุม จะค่อยๆ คลายคลุ้มคลั่ง นำเรือที่ประชาชนเต็มลำขึ้นฝั่งที่เห็นยอด "พระสมุทรเจดีย์"

ชัดขึ้น..ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ.....

จากที่ลับหายไปจาก "คลองจักษุ" มา ๒-๓ ปี!

มีเรื่องคนดีๆ อยากนำมาเล่าซักนิด คือ "คุณนิพัทธ์พร  เพ็งแก้ว" ลูกสาวอาจารย์ "ล้อม เพ็งแก้ว" ปราชญ์เพชรบุรี ส่งคลิปมาให้ดู

มีคุณครูท่านหนึ่ง "ครูปัทมาพร นพรัตน์" นิสิตโครงการเพชรในตม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร

เธอเป็นครูชำนาญการพิเศษ ผู้รับผิดชอบโครงการอาหารกลางวัน "โรงเรียนบ้านเพชรน้ำผึ้ง" ที่ จ.อุทัยธานี

เมื่อ ๘ สิงหาเธอได้รับรางวัล
"ผู้เสียสละเพื่อสังคม" ด้านสตรีและสถาบันครอบครัว  โดยนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว. "กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์" เป็นผู้มอบ

ฟังแค่นี้ ไม่เห็นแปลกตรงไหน ที่ไหนๆ เขาก็แจกรางวัลกัน แต่ผมจะแกะความบรรยายในคลิปมาให้อ่านก่อน แล้วท่านค่อยตอบจากความรู้สึกตัวเอง

...............................

ครูปัทมาพรนำวัตถุดิบจากงบประมาณสนับสนุนของรัฐ  เอกชน ชุมชน ทุกส่วนร่วมทำอาหารกลางวันให้เด็กๆ ตั้งอยู่บนพื้นฐานเด็กต้องอิ่มและหลากหลาย

จากเงินสนับสนุน ๑๓ บาท/คน ในปีการศึกษา ๒๕๕๕  มาเป็น ๒๑ บาท/คน ในปี ๒๕๖๔

ผลคือ นักเรียนมีพัฒนาการที่ดี เติบโตสมวัย ส่วนสูงตามเกณฑ์ ไม่มีเด็กขาดสารอาหารเลย

ถึงแม้เด็กๆ จะรับประทานอาหารในโรงเรียนมื้อเดียว  แต่ก็เป็นมื้อมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน จากอาหารในถาดหลุมมื้อเที่ยงทุกวัน

ทำให้โรงเรียนเล็กๆ แห่งนี้ จากนักเรียน ๖๐ กว่าคน  เป็น ๑๐๕ คน ในปีการศึกษา ๒๕๖๕

ครูปัทมาพรบรรยายประกอบภาพอาหาร ว่า....

"ครูเนี่ย....ถ่ายรูปอาหารของตัวเองลงเฟซเพื่อให้ผู้ปกครองนักเรียนเห็น ว่าการที่ส่งลูกมาเข้าโรงเรียนเรา ซึ่งเป็นโรงเรียนเล็กๆ ครูไม่ครบชั้น เด็กนักเรียนก็น้อย งบประมาณก็ขาดแคลน

แต่ว่าผู้ปกครองส่งลูกมาเรียนกับเรา เราทำอาหารหรือดูแลแทบทุกเรื่องเต็มความสามารถเท่าที่จะทำได้

เพราะพื้นฐานครอบครัวนักเรียนที่นี่ ส่วนใหญ่ค่อนข้างมีฐานะลำบาก อาหารกลางวันที่เขาได้ทานที่โรงเรียน แทบจะไม่มีโอกาสหาทานได้ที่อื่นเลย

นักเรียนอยากทาน นักเรียนเล่นติ๊กต็อก นักเรียนดูยูทูบ  นักเรียนเห็นบะหมี่หยกที่ MK

ครูมีหน้าที่จะทำยังไงก็ได้ เพื่อเอาวัตถุดิบที่มีในชุมนุมหรือเรี่ยวแรงเท่าที่ครูมีจะขับรถหาซื้อเอามาให้ได้ เพื่อทำหมี่หยกให้เขาทาน

เห็น KFC แต่ว่าบ้านเราไม่มี KFC เขาอยากทาน เราก็ต้องทำไก่ทอดให้เหมือน KFC ที่เขาอยากทานให้

นั่นคือความสุขของเขา เราเอาสิ่งที่เขาต้องการไปทำให้เขาสำเร็จ นั้นคือความสุขของเขา

'ความสุขของเขา ก็คือความสุขของครู' "

..................

ทีนี้ มาฟังคุณครูปัทมาพรกล่าวเปิดใจ หลังรัฐมนตรีจุติมอบโล่ "ผู้เสียสละเพื่อสังคม" บ้าง

.....หนูไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งหนูจะได้โล่นี้ เพราะว่าหนูตื่นตอนเช้าเพื่อไปซื้อวัตถุดิบมาให้แม่ครัวทำกับข้าวทุกวันเป็นเวลา ๑๐ ปีแล้วค่ะ

หนูไม่เคยได้รับรางวัลครูดีเด่นหรือว่าอะไรเลย เพราะหนูไม่มีเวลาทำเอกสารหรือหลักฐานเพื่อไปยื่นรับรางวัล

พอดีวันหนึ่ง หนูได้รับโทรศัพท์จาก "คุณบุญยอด สุขถิ่นไทย" หนูตกใจมากว่า "มันมีรางวัลแบบนี้ด้วยเหรอ" 

"รางวัลที่แบบโทร.มาแล้วให้ไปรับรางวัลได้เลย แล้วก็ให้พาคุณแม่มาด้วย"

หนูรู้สึกขอบคุณมากๆ ที่เห็นน้ำพักน้ำแรงหนูที่ขับรถไปหิ้วกับข้าวด้วยมือของหนูทุกวันมาให้แม่ครัวทำอาหารค่ะ

จุดประสงค์ก็คือ หนูทราบดีว่า ในหนึ่งวัน เด็กๆ ต้องรีบมาโรงเรียนแต่เช้า คุณพ่อ-คุณแม่ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ต้องรีบไปทำไร่-ทำนา

กว่าจะกลับมาถึงบ้านเพื่อทำมื้อเย็นให้เด็กๆ ก็ค่ำมืด เพราะฉะนั้น อาหารกลางวัน จะเป็นมื้อเดียวที่เข้าสู่ร่างกายเขาได้สมบูรณ์แบบที่สุด

หนูก็เลยใช้ทั้งน้ำพัก-น้ำแรงของหนู ออกแบบเมนูและสรรหาวัตถุดิบเพื่อที่จะจูงใจเขามาโรงเรียน

รางวัลที่หนูได้รับมาตลอด ไม่ใช่โล่รางวัลเลย แต่เป็นเรตติ้ง หนูเช็กจากนักเรียนทุกวัน....ครูคะ อร่อยมากเลย...หนูอยากมาโรงเรียน ครูคะ...หนูไม่อยากขาดโรงเรียนเลย...โรงเรียนปิดอีกแล้วหรือคะ หนูอยากมาโรงเรียน

ถามหนูอยากมาโรงเรียนเพราะอยากเรียนใช่มั้ยลูก..."หนูอยากมากินข้าวค่ะ"

นักเรียนไม่อยากขาดโรงเรียน เรื่องเรียนเป็นเรื่องรอง  แต่ความสุขในการกินข้าว เป็นอันดับหนึ่งไปแล้ว

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะตามมาใช่มั้ยคะ เด็กมีความสุขที่จะได้มาโรงเรียน แม้ว่าโรงเรียนหนูจะเป็นโรงเรียนเล็กๆ และเป็นเด็กในชนบทที่อยู่ห่างไกล

แต่เขาคือเยาวชนที่สำคัญส่วนหนึ่งของไทย หนูก็เลยใช้กำลังความสามารถที่มีอยู่ทุกอย่าง "ทำสิ่งที่ดีที่สุด" ภายใต้ความรับผิดชอบ "ให้ดีที่สุด"

และทั้งหมดทั้งมวลนี้ เพราะว่าหนูมีคุณครูที่ดี มีแม่ที่ดี  ซึ่งก็คือคนคนเดียวกัน แม่ของหนู (คุณแม่เตือนตา นพรัตน์) เป็นครูของหนู ตอนที่หนูเรียนมัธยม

เขาคือต้นแบบในทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้หนูมีวันนี้ และวันนี้ หนูก็ให้แม่เหมือนกันค่ะ

...............................

เห็นมั้ย "รุ่นใหม่" เลือดไทยเรา ผู้ทำหน้าที่้ส่งต่อ "แผ่นดินแม่" รุ่น-ต่อรุ่น มีมากมาย ทั้่งในเมือง ในป่า ในชนบท  บนยอดเขา-ยอดดอย ในทุกถิ่นทุรกันดาร

เราจงมอง และยกย่อง-เชิดชู เป็นพลังใจให้คนดีเพื่อแผ่นดินกันให้มากๆ

แล้วเหยียบ "รุ่นใหม่-รุ่นเก่า" ประเภท "เลวในแผ่นดิน" ให้จมตีนไป

อย่าไปให้ความสนใจจนตกอยู่ใต้กระแสปั่น ข่าวสารคนจัญไรอยู่เลย!

วันเสาร์ที่ปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พรพระ-พรนักโทษ'

หมู่นี้..... "คนห่มเหลือง" ประพฤติผิดพระวินัยสงฆ์ ต้อง "อาบัติปาราชิก" ข้อ "เสพเมถุน" ถี่มาก!

เศรษฐา "นายกฯ ฮูดินี"

"ชีวิตที่มีหมานำ" ก็อย่างนี้แหละครับ "หัวหน้าคอก" เมื่อพักคุก ก็ไปขลุกเชียงใหม่

'เมษา....พระมาเตือน'

เรา...."ประเทศไทย"! "ชาติ-พระศาสนา-พระมหากษัตริย์" เป็นทั้งรูปธรรมและนามธรรม