'ไม่รู้....ของประวิตร'

ก็ไม่ผิดหรอกครับ......

ที่การประชุม "รัฐสภา" เมื่อวาน (๑๕ ส.ค.๖๕) ถูก ส.ส.-ส.ว.ส่วนใหญ่ "ทำให้ล่ม" โดยเจตนาอีกครั้ง

และประธานรัฐสภา "ชวน หลีกภัย" มีวจีสุนทรต่อสมาชิกที่เหลืออยู่ ซึ่ง "ไม่ครบองค์ประชุม" ว่า

"ขออย่าได้วิจารณ์สมาชิกที่ไม่มาประชุมในวันนี้ เพราะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย และขอทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติให้ครบถ้วน ......

เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องขี้เกียจ แต่เป็นความเห็นทางกฎหมายที่แตกต่างกัน ก็ขออย่าวิจารณ์"

ใช่ครับ....

จงใจทำสภาล่มซ้ำซาก ด้วยหวังผลทางเลือกตั้งของนักเลือกตั้ง มันไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย

แต่การใช้กฎหมายโดยขาด "มโนธรรมสำนึก" มันก็ไม่ต่างลูกเนรคุณ "ฆ่าพ่อแม่" หวังสมบัติ แล้วอ้างว่า เป็น "การุณยฆาต" ซักเท่าไหร่หรอก!

จะหยิบ "ปลายเหตุ" มาสรุปว่า ที่ล่มเพราะ "ความเห็นทางกฎหมายที่ต่างกัน" นั้น ผมว่ารวบรัดมากไป

ต้องสาวหา "ต้นเหตุ" ของสภาล่มครั้่งนี้ให้ถ่องแท้ก่อนว่า เหตุของความเสื่อมรัฐสภาครั้งนี้ เหตุมาจากไหน?

ประชาชนไม่ได้ติดใจตรงประเด็น หาร ๑๐๐ หรือหาร  ๕๐๐ หรอก

จะหารเท่าไหร่ เรื่องของพวกมึง ก็ว่ากันไปตามครรลองระบบรัฐสภา

แต่ติดใจตรง "ความกลับกลอก" พรรคพลังประชารัฐ กับ ส.ว.ส่วนหนึ่ง ที่เคยรวมเป็น "เสียงข้างมาก"

โหวตเอา ๕๐๐ ตอนนั้น กะมือ

แล้วไหงมาคว่ำตอนนี้ กะเท้า ตะหาก!?

ส่วนฝ่ายค้าน-เพื่อไทย ผมไม่ตำหนิเขา เพราะเขายืนยันแต่ต้นแล้วว่า "ต้องหาร ๑๐๐"

ฉะนั้น อะไรที่ไม่ใช่หาร ๑๐๐ เขาต้องต้านตามกลไกรัฐสภา เป็นธรรมดาของฝ่ายค้านอยู่แล้ว

แต่รัฐบาล ฝ่ายควบคุมกลไกสภาในฐานะเสียงข้างมาก ต้องสำรวจตัวเองแล้วล่ะว่า "อยู่กับร่อง-กับรอย" ให้เป็นแบบอย่างที่เชื่อถือได้ขนาดไหน?

ตรงนี้แหละคือประเด็น!  

ก็ย้อนไปดูการประชุมรัฐสภา "นัดปฐมเหตุ" เมื่อ ๖  กรกฎา พิจารณาร่างกฎหมายลูกเลือกตั้งเรียงมาตรา 

พอถึงมาตรา ๒๓ เกี่ยวกับการคำนวณสูตร "ส.ส.บัญชีรายชื่อ"

ยื้อยุดกันมาก ระหว่าง จะหาร ๑๐๐ ตามกรรมาธิการฯ หรือจะหาร ๕๐๐ ตามพรรคเล็ก

อภิปรายกันครึ่งค่อนวัน ถึงตอนลงมติ ปรากฏว่า

ที่ประชุมร่วมรัฐสภา เสียงข้างมาก ๓๙๒ ต่อ ๑๖๐  เสียง มีมติ "คว่ำสูตรหาร ๑๐๐"

ให้ไปใช้สูตร "หาร ๕๐๐!"

ถามว่า เสียงข้างมาก ๓๙๒ เอาหาร ๕๐๐ มาจากไหน?

คำตอบคือ มาจาก "พลังประชารัฐ" พรรคแกนนำรัฐบาลซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตี ส่วน ส.ว.ที่ร่วมโหวตนั้น นอกจากพลเอกประวิตรแล้ว

"ใครล่ะ...จะไปสั่งได้?"

ในเมื่อรัฐบาลผู้คุม "เสียงข้างมาก" ในสภาเอาหาร  ๕๐๐ ทั้งเทวโลก มนุษย์โลก ยมโลก ก็ต้องเชื่อ ว่า

"น้ำเป็นของปลา รัฐสภาเป็นของป้อม" ไม่มีพลิก!

แต่แล้วจู่ๆ พอร่างฯ ปรับปรุงให้สอดคล้องสูตร ๕๐๐  จะเข้าพิจารณาในรัฐสภา ก็มีรัฐมนตรีพลังประชารัฐปล่อยข่าวชิมลางว่า "จะกลับไปหาร ๑๐๐"

แรกๆ ไม่มีใครเชื่อ....

แต่หลังๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐทำเป็น "ป้อมไม่รู้" ผิดกับตอนจะเอา หาร ๕๐๐  ที่ "ป้อมรู้...ป้อมจะเอา" จนเห็นชัด

ใครจะไปเชื่อว่าพรรคแกนนำรัฐบาล เรื่องแค่นี้ ยังโลเล กลับไป-กลอกมา

แล้วยังจะเหลืออะไรที่รัฐบาลพูดแล้ว จะเชื่อได้ว่า เรื่องนี้ พรุ่งนี้จะไม่กลายเป็นอีกอย่าง?
ที่หัว "เข็มขัดลูกเสือ" มีคำว่า "เสียชีพ อย่าเสียสัตย์"

แล้วนี่ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นถึงพลเอก เป็นถึงรองนายกฯ

วันนั้น ๕๐๐

แล้ววันนี้ กลับไปหาร ๑๐๐ !?!?

ตรงนี้แหละ ประชาชนรับไม่ได้ในความกลับกลอก ที่ชาวบ้านเรียกว่า "ตระบัดสัตย์"

คนไม่อยู่กับร่อง-กับรอย "คบไม่ได้" มันไม่ต่างเด็กเลี้ยงแกะ!

เมื่อวาน ๑๕ สิงหา "คว่ำหาร ๕๐๐" ในนัดเดดไลน์ กลับไปเลียน้ำลาย "หาร ๑๐๐" ที่ถ่มทิ้ง สนองเจตนาเพื่อไทย-ฝ่ายค้าน            

นี่คือความ "กลับกลอก" ที่เป็น "ผล"

ผลที่มาจาก "เหตุ" เมื่อ ๖ กรกฎา พลังประชารัฐเองมิใช่หรือ นำโหวตเอาหาร ๕๐๐

แล้วไฉน "ไม่อยู่กับร่อง-กับรอยล่ะ"?

จะให้งดวิจารณ์ตามที่ประธานชวนบอก "มันเป็นความเห็นทางกฎหมายที่แตกต่างกัน"

ผมว่า มันคงไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ!

"ทำไมเพิ่งมาเห็นแตกต่างเอาวันนี้"? ขอคำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผลหน่อยซิ

มันเป็นผลมาจากการ "ต่อรองทางการเมือง" หรือทาง "ผลประโยชน์ต่างตอบแทน" มากกว่า ที่นำกลับไปสู่หาร ๑๐๐ ด้วยเจตนาจิ้งจอก ชัดแจ้งทางพฤติกรรม

มันไม่ใช่ "ความเห็นทางกฎหมายที่แตกต่างกัน" หรอกครับ

"อสัตย์" มันเขย่ารัฐสภา จนชาวบ้านผู้โง่เซอะอย่างผม ยังสามารถรับรู้ได้ ด้วยสำนึกทาง "กฎหมายประกอบคุณธรรม"

แล้วคนอื่นๆ เหล่าวิญญูชนทางกฎหมาย ทางเล่ห์ ทางศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทางศีลธรรมจรรยา และทางมายาจริตทั้งหลาย

เขาจะเชื่อหรือว่า...

ผลของ "สภาล่ม" นำสู่ล้มร่างกฎหมายเมื่อวาน เหตุมาจาก "ความเห็นทางกฎหมายที่แตกต่างกัน?"

ผมจะนำข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์มายืนยันความเห็นต่างตรงนี้ ดังนี้

จำนวนเต็มสมาชิกรัฐสภาเท่าที่มีขณะนี้ ๗๒๗ คน จะครบองค์ประชุมก็ต้อง "เกินกึ่งหนึ่ง" คือ ๓๖๔ คนขึ้นไป

เมื่อวานที่ "องค์ประชุมไม่ครบ" เพราะมี ส.ส.-ส.ว.กดบัตรและขานชื่อเพียง ๓๕๕ คน แยกได้ดังนี้

-เพื่อไทย แสดงตน ๑๒ ไม่แสดงตน ๑๒๐

 -พลังประชารัฐ แสดงตน ๙ ไม่แสดงตน ๘๘

-ภูมิใจไทย แสดงตน ๕๙ ไม่แสดงตน ๓

-ประชาธิปัตย์ แสดงตน ๔๒ ไม่แสดงตน ๑๐ 

-ก้าวไกล แสดงตน ๔๓ ไม่แสดงตน ๑๑

-ชาติไทยพัฒนา แสดงตน ๗ ไม่แสดงตน ๕

-เศรษฐกิจไทย แสดงตน ๓ ไม่แสดงตน ๑๓

 -เสรีรวมไทย แสดงตน ๙ ไม่แสดงตน ๒ 

-เพื่อชาติ แสดงตน ๔ คน ไม่แสดงตน ๒

-เศรษฐกิจใหม่ แสดงตน ๓ คน ไม่แสดงตน ๓

-พลังท้องถิ่นไท แสดงตน ๓ คน ไม่แสดงตน ๒

-รวมพลัง แสดงตนครบ ๕ คน

-ชาติพัฒนา แสดงตน ๓ ไม่แสดงตน ๑ 

 -รักษ์ผืนป่าประเทศไทย ไม่แสดงตนทั้ง ๒ คน

-กลุ่มพรรคเล็ก มีเพียง ๕ พรรคมาแสดงตน

ส่วน ส.ว.ในจำนวน ๒๔๙ คน......

แสดงตนรวม ๑๕๐ ไม่แสดงตน ๙๙!

เนี่ย....

ตัวเลขมันฟ้องชัดแจ้ง พลังประชารัฐ "หัวโจก" ที่นำโหวตเอาหาร ๕๐๐ เมื่อ ๖ กรกฎา แต่เมื่อวาน หายหัวไป  ๘๘ คน เรียกว่าแทบยกพรรค

เห็นต่างทางกฎหมายหรือ..ก็เปล่าเลย!

จงใจคว่ำร่าง ๕๐๐ ที่ตัวเองต้องการทีแรกตะหากล่ะ  เพื่อกลับมาเอาหาร ๑๐๐ ด้วยวิธีทำให้ "องค์ประชุมไม่ครบ"

กฎหมายจะได้ตกไป.......

แล้วย้อนไปเอาร่างหาร ๑๐๐ กลับมา!

รัฐสภามาประชุมแล้ว ๓๕๕ คน พลังประชารัฐซึ่งมี ส.ส.๙๗ คน มาประชุมซัก ๒๐ ก็จะครบองค์ประชุม แต่นี่ พรรคตัวตั้ง-ตัวตี มาแค่ ๙ คน

ย้อนไปดูตัวเลข "รัฐสภานัด ๖ กรกฎา" ที่พลังประชารัฐ ร่วม ส.ว.โหวตหาร ๕๐๐ มาเทียบกันดูซิ

ฝ่ายรัฐบาล+ส.ว.รวม ๓๙๒ เสียง เอาหาร ๕๐๐

แล้วมาเมื่อวาน ๓๙๒ เสียง ที่เอาหาร ๕๐๐ หายหัวไปไหน ในเมื่อร่างฯ ที่ตัวเองต้องการเข้ารัฐสภา แทนที่จะมาโหวตให้ผ่าน

กลับ "หายหัว" ทำหาร ๕๐๐ ที่ตัวเอง "ทับ" ให้ "แท้ง" ซะงั้น!?

ก็ให้พลังประชารัฐของพลเอกประวิตรจำใส่กะโหลกไว้  ที่คนโกรธ ไม่ใช่เรื่อง ๑๐๐ หรือ ๕๐๐

แต่เป็นเรื่องที่พลังประชารัฐ "กลับกลอก" ไม่ให้เกียรติประชาชน โดยเฉพาะคนเคยเลือกพรรคนี้มา นั่นตะหาก

พลเอกประวิตรทำให้ประชาชนระแวง-สงสัย ต่อพลังประชารัฐแล้วว่า .....

จะ "เชื่อถือ-ไว้วางใจ" ได้แค่ไหน.........

ที่พลังประชารัฐกับจันทร์ส่องหล้า "จะไม่วิวาห์กัน"?

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง