'รอยรั่ว' ที่บ่อนทำลาย

บอกแล้วไม่ผิด!

กรณีคำชี้แจงพยานเรื่อง "๘ ปีนายกฯ" รั่ว มันไม่ได้รั่วแบบพลั้งเผลอหรือบกพร่องโดยสุจริตหรอก

หากแต่มันมีขบวนการ

"จงใจ" ให้รั่ว!

หวังผลทางสร้างกระแส "กดดัน" สังคมและคณะตุลาการ "สุมเชื้อ" ในทางขัดแย้งไว้รอ

เมื่อคณะตุลาการมีมติออกมาไม่ตรงใจ ไม่ว่าฝ่ายใด-ฝ่ายหนึ่ง ก็อาจอาศัยเหตุนั้น จุดไฟ กระพือโหม

๖ กันยาคำชี้แจงพยาน "อาจารย์มีชัย" ถูกปล่อยออกมา

๗ กันยาคำชี้แจงผู้ถูกร้อง "พลเอกประยุทธ์" ถูกปล่อยออกมา

และวันนี้ ๘ กันยาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง ๙ ท่าน ก็ประชุมอภิปรายกัน ว่าเอกสารหลักฐานต่างๆ เหล่านั้น เพียงพอต่อการพิจารณาวินิจฉัยได้หรือยัง

ถ้ายัง ก็ต้องแสวงหาเพิ่มเติม ก่อนจะไปถึงวันนัดลงมติ

ก็จะเห็นว่า "เอกสารรั่ว" นั้น ถูกปล่อยออกมาทีละสเตป แบบ "มีแผน-มีขั้นตอน-มีเป้าหมาย" โดยทำกันเป็นขบวนการ

สู่การ "วิพากษ์-วิจารณ์".........

เพื่อ "ชี้นำสังคม" เชิงโต้แย้งสู่การเป็นปฏิปักษ์ และทั้งสร้างกระแสกดดันคณะตุลาการเชิงจิตวิทยา

ประเด็นนี้ ทำให้ "นายเชาวนะ ไตรมาศ" ​เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ต้องเปิดแถลง

ทำความเข้าใจ "ด่วน" ถึงกรณีหนังสือชี้แจงของนายมีชัย​ ฤชุพันธุ์ รั่ว ตอนหนึ่งมีว่า....

"ไม่ยืนยันว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ แต่ยืนยันว่า 'ประธานศาลรัฐธรรมนูญ' ให้ความสำคัญ และกังวลใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเนื้อหากระทบผู้ให้ความเห็น และพาดพิงไปถึงคู่ความ

จึงให้ 'สำนักงาน' ติดตามว่า เอกสารมีที่มา-ที่ไปเป็นอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อมีเอกสารรั่วไหล 'ในชั้นธุรการ' ก็จะกำชับให้พึงระมัดระวัง

แต่เมื่อมีการรั่วไหล เราก็ต้องเพิ่มความรัดกุมให้มากขึ้น ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติ จะพิจารณาว่ามาตรการของเรามีข้อบกพร่องเช่นไร

เพื่อให้เกิดความมั่นใจในกระบวนการพิจารณา เพิ่มความระมัดระวังให้เกิดความรอบคอบและรัดกุม"

ความจริงผมก็ฟังทั้งหมดที่แถลง.....

ในประเด็น "ปล่อยรั่ว" มีมาตรการลงโทษอย่างไรนั้่น  นายเชาวนะ ตอบหนักไปทางเวิ้งว้าง

-"จะกำชับให้มีความระมัดระวัง"

-"เราต้องเพิ่มความรัดกุม"

-"จะพิจารณาว่ามาตรการของเรามีข้อบกพร่องเช่นไร"

เรียกว่า "น้ำ" ล้วนๆ!

ตลอดมา "สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ" ไม่มีความระมัดระวังเลย อย่างนั้นใช่ไหมครับ?        

ฟังแล้วตกใจนะ แต่ละเรื่องที่เข้าสู่กระบวนการศาล เรียกว่าอยู่ในชั้น "ความลับ" มีผลต่อการได้เปรียบ-เสียเปรียบของคู่ความ

มันมีมูลค่าทาง "เดิมพัน" สูงมากนะ!

แต่ทางสำนักงาน "ปล่อยปละละเลย" มาตลอดละซีท่า ถึงเพิ่งบอกว่า "จะไปกำชับ...จะไปเพิ่มความรัดกุม...จะไปสำรวจตัวเองว่าบกพร่องตรงไหน?"

ในแถลง นายชวนะ หลุดออกมาคำหนึ่งว่า

"......เมื่อมีเอกสารรั่วไหล 'ในชั้นธุรการ' ก็จะกำชับให้พึงระมัดระวัง"

ก็แสดงว่า นี่มิใช่ครั้งแรก และทั้งนายชวนะก็รู้ว่าที่รั่วไหลนั้น รั่วไหลออกไปจาก "ชั้นธุรการ"!

อ้าว....ก็รู้นี่ "แหล่งข้อมูลรั่ว" อยู่ตรงไหน แล้วจะมัวอ้อมจักรวาลอยู่ทำไม?

คำว่า "รั่ว" กับคำว่า "อุ้ม" หรือคำว่า "รู้กัน" ในหลักภาษาไทย มันไม่ใช่ "คำพ้อง" ที่จะใช้แทนกันได้นะท่าน

นี่ถ้าท่านประธานศาลรัฐธรรมนูญ "นายวรวิทย์ กังศศิเทียม" ไม่แสดงความกังวลใจต่อเรื่อง "เอกสารรั่ว" ก่อนถึงมือคณะตุลาการ

ทาง "สำนักงานศาลฯ" จะออกมาแถลงมั้ยเนี่ย?

ผมขอบอกคำ.......

การที่ชั้่นธุรการทำเอกสารรั่ว เท่ากับสั่นคลอน-บ่อนทำลาย "ความเชื่อถือ" คณะตุลาการ ในความเป็น "ศาลรัฐธรรมนูญ" โดยตรง

ฉะนั้น จะอ้อมๆ แอ้มๆ แค่จะตรวจสอบ โดยไม่ตั้งคณะสืบสวนเอาตัวการทำรั่วมาดำเนินคดี นั่น...ยิ่งทำให้สังคมระแวงในกระบวนการพิจารณาวินิจฉัยของศาลมากขึ้น

สุดท้าย...

ที่ว่า "คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด" มีผลผูกพันทุกองค์กร นั้น

สังคมก็จะไม่ฟัง เมื่อไม่ฟัง คำว่า "เด็ดขาด" ก็จะไร้ความหมาย

ฉะนั้น "สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ" ซึ่งเป็นชั้นธุรการของศาล ต้องทำเรื่องนี้ให้ประจักษ์

เพื่อปกป้องพิทักษ์ความศักดิ์สิทธิ์ด้านสถิตยุติธรรมของศาล ทั้งพิทักษ์ข้อมูลส่วนตัวของคู่คดี ว่าจะไม่มีการนำความลับทางคดีไปขายกิน หรือเพื่อการใด-การหนึ่ง

เห็นมั้ย ผลของการปล่อยรั่วมา ๒-๓ วันติดๆ.......

ถูกนำไปวินิจฉัยชี้ขาดกันใน "ศาลโซเชียล" ต่างๆ นานา ล้วนสร้างความสับสนเชิงชี้นำ ไปสู่ความขัดแย้งทั้งสิ้น

ปัญหาหนักไปตกอยู่ที่ใคร?

ก็ไปตกอยู่ที่ "๙ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ"!

ซึ่งท่านไม่รู้-ไม่เห็นอะไรด้วยเลย เพราะในชั้นนี้ เอกสารทั้งหมดอยู่ในชั้นธุรการของสำนักงานศาลโดยตรง

ก็วันที่ ๘ นี่แหละ ที่คณะตุลาการทั้ง ๙ ท่าน จะได้เห็น จากการมาประชุมพิจารณาและอภิปรายกัน

แต่ระดับชาวบ้านอย่างผม ไม่รู้ในขั้นตอนหรอก       เอะอะก็เพ่งเล็ง-เพ่งระแวง ไปที่คณะตุลาการก่อนทันทีเลย

ก็อยากให้เข้าใจตรงนี้กันไว้ด้วย!

ทุกบ้านเมือง ย่อมมีกฎกติการ้อยรัด มีศาลเป็น "แกนหลัก" ในทางชี้ขาดแต่ละปัญหาทางคดีความและความเห็นต่างของสังคมชาติบ้านเมือง

ฉะนั้น เราต้องเคารพ รักษาแกนหลักให้ยืนยง ไม่ควรไปโยกคลอนให้สังคมชาติเกิดความไม่มั่นใจในความหนักแน่น-มั่นคงในแกนหลัก

ไม่เช่นนั้น ทุกปัญหาบ้านเมือง จะหาที่ยุติในความขัดแย้งไม่ได้

เมื่อหาไม่ได้ "สงครามกลางเมือง" ก็จะเกิด!

ถ้าเราสังเกตกัน จะเกิดคำถามเชิงฉงนขึ้นว่า....

"เอ๊ะ...ทำไมหมู่นี้ จึงมีแต่คนจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์" "ทำไมจึงมีแต่คนยกเรื่องศาสนามาเสี้่ยมสร้างความบาดหมาง-ขัดแย้งกัน"

"ทำไมจึงมีแต่คนเหยียบย่ำ-ชังชาติบ้านเมืองตัวเอง  เห็นชาติอื่น-เมืองอื่นดีกว่าชาติบ้านเมืองตัวเองไปทั้งนั้น"

และ....

"ทำไม มีแต่คนพูดจาในทางให้ประชาชนเกลียดชังและไม่เชื่อในกระบวนการยุติธรรม ถึงขั้นลบหลู่ดูหมิ่นสถาบันศาล"

ก็เพราะเหล่านั้นคือ "แกนหลัก" เป็นเสายึดสังคมชาติบ้านเมืองไทย ให้อยู่ยั้งยืนยง ดำรงความเป็น "ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์" นั่นเอง

เมื่อรู้เช่นนี้ ก็จะหายสงสัย และร้อง...อ้อ!

เพราะอย่างนี้นี่เอง ขบวนการแดงส้มสามนิ้วใต้อาณัติจักรวรรดิอำนาจตะวันตก "สหรัฐฯ-ยุโรป" ที่หวังยึดไทยเป็นฐานในอินโด-แปซิฟิก

เมื่อต้องการยึดไทยเป็นฐาน.....

มันจึงมุ่งจ้างโยก "สถาบันหลัก" ให้คลอนคลายจากหัวใจประชาชนไปเรื่อยๆ เมื่อโยกคลอนเห็นว่า "ได้ที่แล้ว" คือจุดติด

เมื่อนั้นแหละ พวกมันก็จะ เฮละโล "ถอนทิ้ง"!

เมื่อถอนทิ้ง ไทยเป็นประเทศไร้เสาหลัก อะไรจะเกิดขึ้น?

ไม่มีอะไรหรอก...นอกจาก

"รุมทึ้ง" แบ่งเหนือ แบ่งใต้ แบ่งอีสาน จากราชอาณาจักรไทย กลายเป็นสาธารณรัฐ เมืองเล็ก-เมืองน้อย ของใคร-ของมัน แบ่งกันไปครอง เป็นสมนาคุณจากไอ้กัน "นายทุน" จอมบงการ

คือ "สหรัฐฯ-ยุโรป" ร่างทรงยิว-ไซออนิสต์

ที่ต้องการสถาปนา "อำนาจเดียวครองโลก"!

แบหน้าไพ่เล่น ง่ายๆ เห็นๆ กันอย่างนี้ ฉะนั้น ประเทศไทย ที่ทักษิณบอกว่าเต็มไปด้วย "คนตาบอดไม่กลัวเสือ"

ใครยังอยากเป็น "คนตาบอด" อยู่อีก ก็เชิญ!

ดังนั้น การจะทำให้คนไทยตาบอดถาวรทุกวันนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายของคนรู้จักใช้เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร

คนไทย ๖๕ ล้านคน มีมือถือ อย่างต่ำรวม ๑๒๐ ล้านเครื่อง ทุกวันนี้ จะล้างสมองคน ไม่ต้องเร่ไปฉายหนังกลางแปลง ๑๒๐ ล้านจอหรอก

แค่จ้างทีมงานนั่งจิ้ม ปล่อยข้อมูลข่าวสารปลุกปั่น นาทีเดียวไปทั่ว ๑๒๐ ล้านจอแล้ว!

สื่อสารไอที "ครองโลก" ไม่ผิดหรอก

ดังนั้น การปั่นประเด็นผ่านสื่อผสมนักวิชาการสายชังชาติ ลงทุนน้อย แต่ได้ผลเกินคุ้ม!

"รู้ทันโลก-รู้ทันคน" อย่างเดียว ประเทศก็ไม่รอด

ต้อง "รู้ทันสื่อ" และ "รู้ตัวเอง" ด้วย

ถึงจะรอด!

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ขายเพื่อน" ใครจะคบ?

"บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล"สมแล้ว ที่มีคนเรียก "เทพโจ๊ก" บ้าง "มารโจ๊ก" บ้าง "แมวเก้าชีวิต" บ้าง "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" บ้าง

'เรามาปฏิวัติกันเถอะ'

รัฐบาลนี้.... ในจำนวนรัฐมนตรีทั้งหมด ๓๓-๓๔ คน มี "ใหญ่จริง" ที่ได้รับการซูฮกยกเป็น "บิ๊ก" มีอยู่คนเดียว