'มิ่งขวัญ' มา 'ประยุทธ์' ไป

ตื่นเต้น...

ตอนนี้ถือว่าพรรคเพื่อไทย นำพรรคพลังประชารัฐไป  ๑ ก้าว

เป็นก้าวสำคัญทีเดียว

๖ ธันวาคม พรรคเพื่อไทยจัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี ๒๕๖๕ คิกออฟเปิดแคมเปญใหม่ "คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน"

เปลี่ยนมาจาก "พรุ่งนี้เพื่อไทย"

ไฮไลต์อยู่ที่การประกาศ ๑๐ นโยบายที่จะใช้ในการหาเสียง

คนประกาศไม่ใช่ "ชลน่าน ศรีแก้ว" หัวหน้าพรรค  แต่เป็น "แพทองธาร ชินวัตร" หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย  ตอกย้ำอีกครั้งว่า ตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคือตำแหน่งทางธุรการ เซ็นเบิกค่าน้่ำค่าไฟเท่านั้น

๑๐ นโยบายประกาศออกมาเปรี้ยงพอควร

สมใจคอประชานิยม

นโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ใช้ซอฟต์เพาเวอร์ เป็นพลังขับเคลื่อน ๑ คน ๑ ครอบครัว สนับสนุนทุนการศึกษา ไปฝึกอบรมทักษะระดับโลกต่อในต่างประเทศ

ทักษะสร้างสรรค์ Soft Power ด้านต่างๆ เช่น  เชฟทำอาหาร นักออกแบบ แฟชั่นดีไซเนอร์ นักร้อง นักแต่งเพลง คนเขียนบท ยูทูบเบอร์ นักสร้างคอนเทนต์ นักออกแบบมัลติมีเดีย นักกีฬา หรือสปาเทอราปิสต์ จะทำให้มีรายได้คนละไม่ต่ำกว่า ๒ แสนบาทต่อปี

ประเทศไทยมี ๒๐ ล้านครอบครัว สามารถสร้างงานทักษะสูงได้ ๒๐ ล้านตำแหน่ง

มีรายได้รวมกันถึงปีละ ๔ ล้านล้านบาท

ในปี ๒๕๗๐ คนไทยต้องได้ค่าแรงขั้นต่ำให้สมกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทย คือ ไม่ต่ำกว่า ๖๐๐  บาทต่อวัน  

เงินเดือนของผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี อยู่ที่  ๒๕,๐๐๐ บาทขึ้นไป

ก็หมายความว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลในปี  ๒๕๖๖ พออยู่ครบเทอม รายได้ขั้นต่ำจะขยับเป็นวันละ  ๖๐๐ บาท เงินเดือนปริญญาตรี ๒.๕ หมื่นบาทขึ้นไป

หากอยู่ไม่ครบเทอมคือไม่ได้อะไรเลยใช่หรือไม่?

แต่ก็ดันก้นเต็มที่ แนะนำว่า "อุ๊งอิ๊ง" ต้องนำร่อง เพื่อให้ดูว่านโยบายนี้ไม่ได้ขายฝัน

วันนี้พรุ่งนี้ประกาศไปเลย เอไอเอส, เอสซี แอสเสท  บริษัทในเครือตระกูลชินวัตรทั้งหลาย รับพนักงานจบปริญญาตรี เงินเดือนขั้นต่ำสุด ๒.๕ หมื่นบาทขึ้นไป

ต้องทำก่อนเลือกตั้ง!

รับรอง พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งอภิมหาแลนด์สไลด์ ได้ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวแน่นอน

ไม่ได้ประชดนะ อยากเห็นคนไทยลืมตาอ้าปากได้จริงๆ

แต่ขอร้องว่า ดูให้ครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเรื่องเงินเฟ้อ  เรื่องการย้ายฐานการผลิต โครงสร้างเศรษฐกิจแข็งแรงพอที่จะขยับค่าแรง เงินเดือน ไปเท่าตัวแล้วหรือยัง

เรื่องฐานการผลิตสำคัญมาก ขึ้นค่าจ้างเท่ากับเพิ่มต้นทุน ประเทศเพื่อนบ้านยิ้มรอแน่        

หากไม่อยากให้เกิดปัญหานี้ มีทางออกครับ ต้องเน้นอุตสาหกรรมใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเท่านั้่น ไปเลยครับที่  EEC รัฐบาลลุงตู่เตรียมไว้ให้แล้ว

ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่

ที่ถูกใจที่สุดและอยากให้ "อุ๊งอิ๊ง" ทำทันทีหลังได้เป็นนายกฯ คือนโยบายที่บอกว่า

"...พรรคเพื่อไทยยังส่งเสริมงานวิจัยอย่างจริงจัง จนทำให้ในปี ๒๕๗๐ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านนวัตกรรมของ Asean มีการใช้เงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC: Central Bank  Digital Currency) แทนเงินสด ป้องกันการคอร์รัปชันในการเมืองแบบ ลิงกินกล้วย ทุกวันนี้ได้เป็นอย่างดี

ประชาชนทุกคนมีบัญชีธนาคาร และมีกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ของตนเอง รัฐบาลกลายเป็นรัฐบาลดิจิทัลเต็มรูปแบบ การเข้าถึงบริการของรัฐทำได้ง่าย สะดวก ทุกหมู่บ้านของประเทศไทยมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง สถานที่สาธารณะทุกแห่งมี wifi ฟรี..."

สาธุ! ทำเลยครับ

อะไรที่ป้องกันการโกง โคตรโกง โกงทั้งโคตรได้ต้องรีบทำอย่างเร่งด่วน

ปัญหาคอร์รัปชันเป็นปัญหาใหญ่มาก

แต่ยังมีปัญหาที่ใหญ่กว่า

คือ...นักการเมืองโกงแล้วบอกว่าตัวเองไม่ได้โกง

ศาลมีคำวินิจฉัยออกมาแล้วเป็นลายลักษณ์อักษร ก็ยังยืนยันว่าเปล่าโกง

อ้างเป็นแผ่นเสียงตกร่อง

ถูกการเมืองเล่นงาน

แต่ก็น่าเสียดายครับ นโยบายปราบคอร์รัปชันดูจะแคบไปหน่อย

เพราะคอร์รัปชันที่น่ากลัว มันมากกว่าลิงกินกล้วยเยอะ

ไอ้พวกลิงกินกล้วยมันปลายแถว

เคยได้ยินหรือเปล่าทุจริตเชิงนโยบาย ผลประโยชน์ทับซ้อน เงินสกุลดิจิทัล สกัดไม่ได้ เพราะนักการเมืองทำเรื่องพวกนี้กันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

ฉะนั้นนโยบายปราบคอร์รัปชันต้องให้ชัดเจนและครอบคลุมมากกว่านี้

ไม่งั้นเดี๋ยวจะมีโกงแบบข้าวจีทูจี จำนำข้าว ที่ติดคุกกันเกลื่อนในเวลานี้เกิดขึ้นซ้ำอีก 

อีกนโยบายไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะหลายคนหลายพรรค หลายการเลือกตั้ง เอาไปโม้กับประชาชนแล้วทำไม่เคยได้

"อุ๊งอิ๊ง" มีนโยบาย จัดระเบียบรถไฟฟ้าสายต่างๆ ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเสียใหม่

วัตถุประสงค์คือ เพื่อใช้ระบบตั๋วร่วม ๒๐ บาทตลอดสายได้ก่อนปี ๒๕๗๐ 

และ "อุ๊งอิ๊ง" ยืนยันว่า ทำได้แน่นอน!

"ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-ชัชชาติ" ก็หาเสียงแบบนี้ สุดท้ายไม่ได้เรื่องสักคน

ประชาชนถูกหลอกมาเยอะแล้ว

มาที่พรรคพลังประชารัฐที่บอกว่าตามหลังพรรคเพื่อไทยคือ ยังจัดบ้านกันไม่เสร็จ จัดไปจัดมาทำท่าจะมีปัญหาขึ้นอีก

การมาของ "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์" ทำเอากองเชียร์  "ลุงตู่" ตัดสินใจตัดขาดกับพลังประชารัฐอย่างถาวร

 “ต้องฝากไปบอก พล.อ.ประยุทธ์ด้วยว่าผมไม่สามารถร่วมอุดมการณ์กับท่านด้วยได้”

ชัดเจนขึ้นเมื่อ "ลุงป้อม" ยืนยัน “พล.อ.ประยุทธ์ไปแล้ว ออกไปแล้ว”

ก็เป็นอันปิดดีลการเมือง

แต่จะจบหรือไม่...ตอบยาก

"มิ่งขวัญ" ก็พูดถูก เพราะเคยประกาศมาตลอดว่าไม่ขอร่วมงานกับ พล.อ.ประยุทธ์

ครั้งนี้ก็ไม่เสียหมา เพราะ "ลุงตู่" ไปแล้ว

แต่ที่ดูแล้วอาจจบไม่ลงก็ตรงที่ "มิ่งขวัญ" ไปประกาศตัวว่า มาเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค

จริงเท็จประการใดมิทราบได้ เอาแค่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พลังประชารัฐก็มีปัญหาแล้ว

ง่ายๆ ครับ ลองเทียบกับหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพลังประชารัฐก่อนการเลือกตั้งปี ๒๕๖๒ กับ "มิ่งขวัญ" ก็คงจะพอเห็นคำตอบนะครับว่า ในแง่เครดิตทางการเมืองต่างกันแค่ไหน

เมื่อมาเทียบกับตำแหน่งดิเดตนายกฯ บอกได้คำเดียว....

ยกเก้าอี้นายกฯ ให้ "อุ๊งอิ๊ง" ไปเถอะครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เลือกคุกจะได้คุก

ว่อนสิครับ! หนังสือจาก "เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ" ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

ตายหมู่ไปกับ 'ดิจิทัลวอลเล็ต'

ในที่สุดก็ชัดเจน ถือเป็นความรับผิดร่วมกันของคณะรัฐมนตรี โดยมิอาจมีใครปฏิเสธในภายหลังได้เลยว่า ไม่มีส่วนรับรู้กับนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ให้ประชาชนหัวละ ๑ หมื่นบาท ด้วยงบประมาณกว่า ๕ แสนล้านบาท

มันมากับความเงียบ

งานเลี้ยงใกล้เลิกรา... สมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบันจะหมดวาระลงเดือนพฤษภาคมนี้แล้วครับ

แผนแทรกแซงกองทัพ

ก็ยังไม่เห็นว่าหน้าตาชัดๆ เป็นอย่างไร หมายถึงกฎหมายต้านการปฏิวัติรัฐประหารครับ

ประชาธิปไตยแบบไทยๆ

นักการเมืองคนไหนที่บอกว่า "รวยพอแล้ว" อย่าไปเชื่อ เพราะถ้าพอจะไม่แสวงอำนาจการเมือง