เรือรบไทยมีอาถรรพณ์?

ผ่านมาหลายวันแล้ว

เรือหลวงสุโขทัยจม หลังจากเกิดพายุในอ่าวไทย เขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม เวลา ๒๓.๓๐ น.

สาเหตุจากระบบไฟฟ้าและเครื่องสูบน้ำล้มเหลวเนื่องจากน้ำท่วมในลำเรือ

เครื่องดับ!  

เรือไม่ว่าใหญ่แค่ไหน ถ้าเครื่องดับ แล้วยังต้องโต้คลื่นสูง โอกาสรอดริบหรี่ เพราะบังคับทิศทางไม่ได้

มันเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ในกองทัพเรือต้องอธิบายให้สังคมเข้าใจถึงสถานการณ์

แต่ที่พูดๆ กันอยู่ถือว่าสอบตก

นี่เป็นจุดอ่อนของภาครัฐทุกครั้งเมื่อเกิดสถานการณ์ใหญ่ๆ ให้ความจริงไม่ครบ ประชาชนจึงปักใจเชื่อว่ามีการปกปิด

ถ้าไม่แก้ไขวัฒนธรรมบางอย่าง มันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ

ก็เอาเป็นว่า เกิดเหตุไม่ว่าเพราะความบกพร่องของคน หรือเรือ ต้องมีคนรับผิดชอบ

แต่เราก็ไม่เคยสร้างวัฒนธรรมความรับผิดชอบขึ้นมา

ฉะนั้นยังห่างไกลครับ ยังห่างวัฒนธรรมที่มีความรับผิดชอบสูงอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ที่มีการหยิบยกขึ้นมาเปรียบเทียบกันบ่อยๆ

มาดูความเป็นไปจากอดีตสู่ปัจจุบันกันบ้าง

เรือรบไทยมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เกิดเหตุการณ์อันเป็นที่น่าจดจำก็หลายครั้ง

แต่ที่จะยกมาให้อ่านกันคือ เรือรบไทยนัยสำคัญชะตากรรมของบ้านเมือง

“เรือรบไทยมีอาถรรพณ์?” เขียนโด

พล.ร.ต.ทองย้อย แสงสินชัย อดีตผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ กองทัพเรือ

...เรื่องนี้ไม่ใช่ “ทาง” ของผม แต่เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นเฉพาะหน้า ผมก็เก็บเอามาตรึกตรองตามวิสัยของมนุษย์ ซึ่งจะต้องคิดอะไรต่อมิอะไรเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น อย่าคิดอะไรมาก คิดเล่นๆ เขียนเล่นๆ อ่านกันเล่นๆ เท่านั้นพอ

เรือหลวงหรือเรือรบแห่งราชนาวีไทยมีหลักเกณฑ์ในการตั้งชื่อตามภารกิจของเรือแต่ละลำ ผมไม่ได้ศึกษารายละเอียด จึงบอกหลักเกณฑ์นั้นไม่ได้ แต่สังเกตเห็นว่า มีเรือที่ตั้งชื่อตามยุคประวัติศาสตร์ของชาติ ๔ ลำ คือ

เรือหลวงสุโขทัย เรือหลวงศรีอยุธยา เรือหลวงธนบุรี และเรือหลวงรัตนโกสินทร์

เกิดอะไรขึ้นกับเรือทั้ง ๔ ลำ? เรียงตามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดเป็นดังนี้

๑.เรือหลวงธนบุรีถูกโจมตีในการรบระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ที่เรียกว่า “ยุทธนาวีเกาะช้าง” เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๔ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก-ไม่จมก็เหมือนจม-จนต้องปลดระวาง

๒.เรือหลวงศรีอยุธยา จมด้วยฝีมือไทยด้วยกันเอง เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๙๔ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าป้อมวิไชยประสิทธิ์ ในเหตุการณ์กบฏแมนฮัตตัน

๓.เรือหลวงสุโขทัย จมในอ่าวไทยที่บริเวณบางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๕ อันเนื่องมาจากสภาพคลื่นลมแรง

๔.เรือหลวงรัตนโกสินทร์ ยังประจำการอยู่ในราชนาวีไทยเป็นปกติ

ดูตามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พ.ศ.๒๔๘๔ เรือหลวงธนบุรี

พ.ศ.๒๔๙๔ เรือหลวงศรีอยุธยา

พ.ศ.๒๕๖๕ เรือหลวงสุโขทัย

เทียบกับยุคประวัติศาสตร์ของไทยก็คือ เกิดขึ้นย้อนยุคเริ่มที่กรุงธนบุรี ถอยขึ้นไปกรุงศรีอยุธยา ถอยขึ้นไปกรุงสุโขทัย ดูตามช่วงเวลา ก็มีนัยที่ผกผันน่าสังเกต ลำดับเหตุการณ์เหมือนเมืองหลวงมองขึ้น ช่วงเวลาระหว่างเหตุการณ์หนึ่งถึงเหตุการณ์หนึ่งเหมือนอายุเมืองหลวงมองลง

จากเหตุการณ์เรือหลวงธนบุรี ถึงเหตุการณ์เรือหลวงศรีอยุธยา เป็นเวลา ๑๐ ปี อายุกรุงธนบุรีถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ๑๕ ปี

จากเหตุการณ์เรือหลวงศรีอยุธยา ถึงเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัย เป็นเวลา ๗๑ ปี อายุกรุงศรีอยุธยา ถึงกรุงธนบุรี ๔๑๗ ปี

เพราะฉะนั้น อายุกรุงสุโขทัยถึงกรุงศรีอยุธยาเป็นเวลากี่ปี ก็จะเป็นช่วงเวลาโดยประมาณ-จากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัย ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดกับเรือหลวงที่มีชื่อตามยุคประวัติศาสตร์ของชาติลำต่อไป ซึ่งก็คือ-เรือหลวงรัตนโกสินทร์ นั่นหมายถึง-ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเรือหลวงอีก ซึ่งนั่นก็จะเป็นอายุโดยประมาณระหว่างกรุงรัตนโกสินทร์กับเมืองหลวงของไทยที่จะเกิดใหม่ในอนาคต นั่นหมายถึง-ถ้าจะมีที่ไหนเป็นเมืองหลวงใหม่อีก

ที่น่าสังเกตก็คือ ถ้านับย้อนยุคประวัติศาสตร์ ก็จะต้องเป็น-รัตนโกสินทร์ < ธนบุรี < อยุธยา < สุโขทัย

ตามนัยนี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์กับเรือ ก็น่าจะเกิดกับเรือหลวงรัตนโกสินทร์ก่อน แล้วจึงไป > เรือหลวงธนบุรี > เรือหลวงศรีอยุธยา > เรือหลวงสุโขทัย ตามลำดับที่เกิดจริง

แต่กลับข้ามลำดับ ไปเกิดกับเรือหลวงธนบุรีก่อน เรือหลวงรัตนโกสินทร์ยังประจำการอยู่ในราชนาวีไทยเป็นปกติสุขทุกประการ

มีนัยสำคัญอย่างไรกับชะตากรรมของบ้านเมือง? ผมไม่รู้ บอกแล้วว่า เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ทางของผม ได้แต่คิดเอาเองว่า รักษาระยะห่างของเหตุการณ์ระหว่างเรือหลวงสุโขทัยกับเรือหลวงรัตนโกสินทร์ไว้ได้นานเพียงไร นั่นแหละคืออัตราส่วนอายุของกรุงรัตนโกสินทร์ และถ้าสามารถดูแลรักษาใช้งานเรือหลวงรัตนโกสินทร์ไปได้ตามปกติจนหมดสภาพไปเอง ปลดระวางตามอายุขัย ก็จะเป็นสิ่งประเสริฐยิ่งนัก

เพราะเป็นนัยว่า กรุงรัตนโกสินทร์ของเราก็จะมั่นคงยั่งยืนไปชั่วกาลนานเทอญ เช่นเดียวกัน

แต่ในอนาคต ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง รู้แต่ว่าวันนี้รักษาเรือหลวงรัตนโกสินทร์ไว้ได้ รักษากรุงรัตนโกสินทร์ไว้ได้...

ก็...ไม่ใช่ทางของผมเช่นกัน

สัปดาห์ก่อนมีนัดทานข้าวกับอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ มี เจ๊ฟอง "ฟองสนาน จามรจันทร์" แม่หมอสมัครเล่น คอลัมนิสต์ไทยโพสต์ร่วมโต๊ะด้วย

วันนั้นเจ๊ฟอง พูดถึงดวงเมืองอยู่ตอนหนึ่งว่า ให้ระวังจะมีการเสียชีวิตหมู่อีก เป็นเหตุการณ์ต่อจากหนองบัวลำภู

ก็อย่างที่บอก ไม่ใช่ทางของผม

แต่ก็ฟังไว้ไม่เสียหลาย

ข้ามสัปดาห์มาก็เกิดเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยจม

ไม่ใช่เรื่องไม่เชื่ออย่าลบหลู่ หรืออยากพิสูจน์อะไร

ก็แค่อยากรู้!

กลับไปอ่านที่ เจ๊ฟอง ทำนายดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี ๒๕๖๕

ตอนหนึ่งบอกว่า

...ช่วงเวลาที่จะเกิดภัยทางน้ำรุนแรงมากที่ต้องเตรียมตัวรับมือกันให้ดี นอกเหนือจากการรับมือภัยพิบัติประจำคือช่วงระหว่างกลางเดือนพฤศจิกายน-ประมาณสิ้นปี ๒๕๖๕...

ปีหน้า ปีกระต่าย ทำอะไรต้องระมัดระวังตัวอย่างกระต่าย

อย่าตื่นตูมเป็นพอ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประชาธิปไตยแบบไทยๆ

นักการเมืองคนไหนที่บอกว่า "รวยพอแล้ว" อย่าไปเชื่อ เพราะถ้าพอจะไม่แสวงอำนาจการเมือง

นายทุนก้าวไกล

เริ่มต้นด้วยเรื่องเงินๆ ทองๆ วานนี้ (๑๗ เมษายน) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปยอดเงินบริจาคของพรรคการเมือง ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ทั้งสิ้น ๑๓ พรรคการเมือง

รวยแล้วไม่โกงไม่มี

นายกฯ เศรษฐาเปิดใจวานนี้ (๑๕ เมษายน) ฟังแล้วเหมือนเดจาวู "...มั่นใจได้ว่าเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนไม่มีแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามต้องพูดเรื่องทรัพย์สิน เรื่องของชีวิตส่วนตัว ส่วนตัวของผมลงตัวแล้ว มีรายได้ในอดีตที่ดีพอสมควร มีทรัพย์สินที่ทำให้อยู่ได้อย่างสบายๆ