เผด็จการถั่วงอก

ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ครับ

ครูบูลลี่ "ป๋าเปรม" เป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลอยู่ในขณะนี้

ฟังฝ่ายเด็กสามนิ้ว รวมทั้งนักการเมืองในพรรคก้าวไกลบางคนบอกว่าเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

อีกฝ่ายยืนยันนอกจากพูดจาให้ร้ายแล้ว ยังบูลลี่อีกต่างหาก

การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หากจะไม่ถูกใจอีกฝ่ายย่อมเป็นเรื่องธรรมดา เพราะการเมืองมีพื้นฐานจากความเห็นที่แตกต่างกันอยู่แล้ว

ฉะนั้นจะให้เห็นเหมือนกันทุกเรื่องคงไม่ได้

แต่การบูลลี่เพศภาพ ไม่ว่า "ป๋าเปรม" หรือใครอื่น คือสิ่งที่สังคมต้องร่วมกันตำหนิ และกระตุกจิตสำนึกให้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเลียน

มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุว่า ปัจจุบันเด็กนักเรียนกลุ่ม LGBT ถูกกลั่นแกล้ง หรือบูลลี่มากที่สุด

ไม่ว่าทางสังคมออฟไลน์ หรือออนไลน์ ที่สำคัญ เด็กๆ LGBT

และเด็กระบุว่า ครูคือบุคคลที่นักเรียนต้องการแจ้งปัญหาและร้องขอความช่วยเหลือมากที่สุดเมื่อถูกบูลลี่ ในหลากหลายรูปแบบ

แต่ครูบางคนกลับสอนนักเรียนบูลลี่ผู้อื่น แล้วบอกว่านั่นคือเสรีภาพทางวิชาการ

มีความเข้าใจ "ป๋าเปรม" ผิดไปในหลายประเด็น

และคนที่อธิบายเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือ "ไตรรงค์ สุวรรณคีรี"

"...ผมรู้จักทหารทุกคนที่อยู่รับใช้ พล.อ.เปรม ตั้งแต่สมัยท่านเป็น ผบ.ทบ.

ตลอดเวลามากกว่า 8 ปีที่ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ทหาร ตำรวจ ทุกคนที่ท่านเลือกให้ไปรับใช้อารักขาและช่วยงานด้านการเมืองการปกครอง ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์กันทุกคน

พล.อ.เปรมจะไม่ชอบคนที่ไม่สะอาด (เช่น ไม่โกนหนวดโกนเครา) และแต่งตัวไม่ถูกกาลเทศะ และต้องมีมารยาทที่คนซึ่งได้สัมผัสจะไม่รู้สึกว่าน่ารังเกียจ เช่น ไม่สะอาด พูดจาไม่ไพเราะ มารยาทการกินอยู่ไม่สุภาพ ไร้คุณสมบัติความเป็นผู้ดี

ทหาร ตำรวจ เหล่านั้นแม้จะไม่หล่อลากดินอย่างดาราหนัง แต่ก็สะอาดและมีปัญญาน่ายกย่อง เช่น พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ พล.อ.อู้ด เบื้องบน พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย และลูกหลานของ พล.ต.ต.ม.ร.ว.เจตจันทร์ ประวิตร เป็นต้น

ย้อนไปเมื่อท่านเป็นนักเรียนโรงเรียนนายร้อย จปร. ท่านเคยพบรักกับสาวสวยตระกูลดีมีฐานะคนหนึ่ง (ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของคุณหญิงพิมพา สุนทรางกูร)

ทั้งคู่รักกันมาก สัญญาว่าเรียนจบเมื่อไรก็จะแต่งงานกัน

แต่เมื่อเรียนจบพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ยินดีให้ลูกสาวแต่งงานกับนายทหารที่มีฐานะครอบครัวห่างกันมาก ฝ่ายหญิงจึงถูกจับให้แต่งงานกับชายที่อยู่ในฐานะของสังคมในชนชั้นเดียวกัน

นายร้อยเปรมได้แต่เสียใจเสียดาย แต่ก็เข้าใจผู้หญิงของท่านดี ท่านไม่ตำหนิ แต่สัญญาว่าชีวิตนี้จะรักเธอเพียงคนเดียว จะไม่แต่งงานกับผู้หญิงอื่น ไม่ว่าจะสวยเลิศฟ้ามาดินหรือมีฐานะทางสังคมสูงเช่นใด

พล.อ.เปรมเป็นคนพูดจริงทำจริง รักเดียวใจเดียวเหมือนอย่างที่ท่านเคยลั่นวาจาว่าจะรัก “ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเกิดเป็นคนต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน”

ท่านก็ปฏิบัติให้เห็นแล้วเป็นประจักษ์ว่า ยอมทำทุกอย่างเพื่อรักษาชาติให้เป็นปึกแผ่น รักษาศาสนาทุกศาสนาให้เป็นหลักในการชี้ทางธรรมให้แก่คนไทย และพร้อมจะตายเสมอถ้าใครจาบจ้วงและมุ่งทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นจุดศูนย์รวมของประชาชนทุกชนเผ่าที่เป็นประชากรของประเทศไทย..."

ทั้งหมดนี้ชัดเจนในความเป็น "ป๋าเปรม"

คนที่ยืนคนละฝั่งกับ "ป๋าเปรม" มีจุดเริ่มต้นที่ความเชื่อทางการเมืองที่แตกต่างกัน

แต่เพราะการเมืองที่ไร้สปิริต คิดว่าตัวเองคือศูนย์กลางของจักรวาล "ป๋าเปรม" ในมุมมองของคนเหล่านี้จึงกลายเป็นเผด็จการ และหยิบยกเอาเรื่องเพศสภาพที่พูดต่อๆ กันมาโจมตีให้ร้าย

แยกเป็น ๒ กรณีครับ

เพศสภาพ กับจุดยืนทางการเมือง

เรื่องเพศสภาพ "ไตรรงค์ สุวรรณคีรี" เป็นหนึ่งในบุคคลที่ใกล้ชิด "ป๋าเปรม" มากที่สุดคนหนึ่ง ฉะนั้นสิ่งที่กลั่นกรองออกมาจากประสบการณ์ย่อมเป็นข้อเท็จจริงที่เชื่อถือได้

แต่ผมกลับประหลาดใจอย่างมากกับการแสดงท่าทีจาก ส.ส. LGBT "ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์" จากพรรคก้าวไกล ที่พยายามจะเบี่ยงเบนประเด็นเพศสภาพโดยอ้างว่า

"...สิ่งที่ครูท่านนั้นตั้งข้อสังเกตในประเด็นเพศวิถีและข้อเท็จจริงบางอย่างเป็นเรื่องที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์จริง..."

จะพิสูจน์อะไร?

หมายความว่าดูคลิปแล้วแยกแยะไม่ออก

ถ้ามันสมองมีแค่นี้ ลาออกจาก ส.ส.เถอะครับ อย่าเป็นมันเลย

ส.ส.ที่อ้างว่าต่อสู้เพื่อชาว LGBT ถึงกับร้องไห้โฮกลางสภา น้ำหูน้ำตาไหล เมื่อครั้งเสนอร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม กลับไม่แยแสกับการบูลลี่เรื่องเพศสภาพ เพียงเพราะทัศนคติทางการเมืองไม่ตรงกัน

ใจแคบครับ

ฉะนั้นต้องตั้งคำถามกลับว่า ที่ผ่านมาต่อสู้เรื่องเพศสภาพ หรือเรื่องตัวเอง

หรือเพศสภาพเฉพาะกลุ่มตัวเอง 

มาถึงจุดยืนทางการเมือง

แน่นอนครับ พรรคก้าวไกล กลุ่มสามนิ้ว และครูคนที่บูลลี่ป๋าเปรม ต้องการระบอบการปกครองที่แตกต่างจากปัจจุบัน

แต่ "ป๋าเปรม" ยึดมั่นในชาติ ศาสน์ กษัตริย์

มีการสร้างชุดความเชื่อโดยเครือข่ายพรรคก้าวไกล มวลชนสามนิ้วผ่านข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์มาระยะหนึ่งแล้ว ฉะนั้นภาพจำในตัว "ป๋าเปรม" ของคนพวกนี้คือเผด็จการที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

"ไตรรงค์ สุวรรณคีรี" ใช้คำว่า "โคตรพ่อโคตรแม่ไม่สั่งสอน"

เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้ในเรื่องเกี่ยวกับ "ป๋าเปรม" หลายเรื่อง

แต่นั่นไม่น่ากลัวเท่า ไม่รู้แล้วไม่หาความรู้ แต่กลับไปเชื่อการแต่งเรื่องเท็จเพื่อโจมตี "ป๋าเปรม"

๘ ปีรัฐบาลป๋าเปรม วางรากฐานให้กับประเทศไว้มากมาย             

หนึ่งในนั้นคือ อีสเทิร์น ซีบอร์ด

เด็กๆ คงไม่รู้ว่า บริษัท ไทยซัมมิท เติบโตได้ส่วนหนึ่งเพราะรากฐานภาคอุตสาหกรรมที่ถูกวางไว้สมัยรัฐบาล "ป๋าเปรม"

ไม่เชื่อลองไปถาม "สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ" แม่ของธนาธรดูได้

"ป๋าเปรม" คือผู้สร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติด้วยนโยบาย ๖๖/๒๓

แต่ก็ยังมีนักการเมืองบางคนวิญญาณคอมมิวนิสต์ยังฝังอยู่ในร่างคอยปั่นหัวเด็กด้วยความเคียดแค้น เพราะเชื่อว่าครั้งโน้นเปลี่ยนประเทศไม่ได้เพราะทหารขวางเอาไว้

โครงสร้างขบวนการล้มระบอบการปกครอง จึงมีนักการเมืองกลุ่มนี้อยู่บนสุดของห่วงโซ่

ฉะนั้นอย่าแปลกใจหากหลังจากนี้จะมีครูรุ่นใหม่ สอดไส้ทัศนคติการเมืองที่สุดโต่งให้กับเด็กนักเรียน

 ขณะนี้ต่อให้เด็กบางคนพ่อแม่สั่งสอนมาอย่างดี แต่ถึงโรงเรียนถูกล้างสมอง จนตรรกะหลายๆ อย่างเปลี่ยนไป

หันกลับมาด่าพ่อแม่ตัวเอง

ประเทศกำลังเผชิญเผด็จการถั่วงอกอยู่ครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประชาธิปไตยแบบไทยๆ

นักการเมืองคนไหนที่บอกว่า "รวยพอแล้ว" อย่าไปเชื่อ เพราะถ้าพอจะไม่แสวงอำนาจการเมือง

นายทุนก้าวไกล

เริ่มต้นด้วยเรื่องเงินๆ ทองๆ วานนี้ (๑๗ เมษายน) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปยอดเงินบริจาคของพรรคการเมือง ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ทั้งสิ้น ๑๓ พรรคการเมือง

รวยแล้วไม่โกงไม่มี

นายกฯ เศรษฐาเปิดใจวานนี้ (๑๕ เมษายน) ฟังแล้วเหมือนเดจาวู "...มั่นใจได้ว่าเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนไม่มีแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามต้องพูดเรื่องทรัพย์สิน เรื่องของชีวิตส่วนตัว ส่วนตัวของผมลงตัวแล้ว มีรายได้ในอดีตที่ดีพอสมควร มีทรัพย์สินที่ทำให้อยู่ได้อย่างสบายๆ