ทำไมถึงไม่แลนด์สไลด์

ได้แน่นะวิ!

สองสามวันมานี้ พรรคเพื่อไทยงัดยุทธศาสตร์ใหม่ ทำนองว่าจะตั้งรัฐบาลพรรคเดียว

ฉะนั้นต้องเดินหน้าแลนด์สไลด์ให้ได้

ที่จริงประเด็นนี้พูดถึงไปหลายทีแล้วว่า โอกาสชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ของพรรคระบอบทักษิณนั้นไม่ง่าย

ผลเลือกตั้งที่จะเป็นไปได้มากที่สุดของพรรคเพื่อไทยยุคนี้ จึงไม่น่าจะทำได้เกินพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งปี ๒๕๕๔

คือได้ ส.ส. ๒๖๕ ที่นั่ง ซึ่งเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร

ถ้าเทียบกับการเลือกตั้งปี ๒๕๖๒ ได้ ๑๓๖ ที่นั่ง ก็ถือว่ามีเค้าลางแลนด์สไลด์นิดๆ  

 แต่การตั้งรัฐบาลพรรคเดียว เหมือนไทยรักไทยดูจะโม้เกินไปหน่อย

เพราะมีวุฒิสภาเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเลือกนายกฯ ด้วย

การเลือกนายฯ ต้องใช้เสียง ส.ส.และ ส.ว.มากถึง ๓๗๕ เสียง หากพรรคเพื่อได้ ส.ส.ไม่เกิน ๒๕๑ เสียง ก็ยากที่ ส.ส.จะหันมาโหวตให้

แต่การเลือกตั้งปีนี้ กับการเลือกตั้งปี ๒๕๕๔ มีเงื่อนไขต่างกันพอสมควร

ปี ๒๕๕๔ คู่แข่งของพรรคเพื่อไทยมีพรรคเดียวคือ พรรคประชาธิปัตย์

แต่คราวนี้ศึกรอบด้าน

พลังประชารัฐ

ภูมิใจไทย

ประชาธิปัตย์

รวมไปถึงก้าวไกล

ทุกพรรคพร้อมที่จะกระชากเก้าอี้ไปครอบครอง

ฉะนั้นเฉพาะสรรพกำลังที่มีอยู่ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่พรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.เกินกึ่งหนึ่งในสภา

วันพุธที่ผ่านมา (๔ มกราคม) มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธว่าไม่จับมือกับใครในการตั้งรัฐบาล

"ชลน่าน ศรีแก้ว" พูดไว้ตามนี้ครับ

"...พรรคเพื่อไทยเคารพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง แต่ขอปฏิเสธกระแสข่าวเรื่องการจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองต่างๆ ดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง การวิเคราะห์ของบางสื่ออาจทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่พรรคเห็นว่ามีการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหรือไอโอของบางฝ่าย เพื่อลดทอนความน่าเชื่อถือของพรรค สร้างความสับสนและเบี่ยงเบนกระแสเดินหน้าสู่ชัยชนะแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงขอแถลงดังนี้

๑.พรรคเพื่อไทยตระหนักว่า ภารกิจอันสำคัญยิ่งของรัฐบาลหน้าคือ การแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจและสร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการเดินหน้ารณรงค์การเลือกตั้งสู่ชัยชนะแบบแลนด์สไลด์เพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ และทำให้ชีวิตของคนไทยดีขึ้น รวมทั้งการชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ได้ ส.ส.ตั้งแต่ ๒๕๑ คนขึ้นไปจะเพิ่มโอกาสเอาชนะการโหวตของ ส.ว.ในการเห็นชอบตัวนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา ทั้งนี้ เพื่อให้ได้รัฐบาลตามเจตจำนงของประชาชนที่แท้จริง และเข้มแข็งในการแก้ไขปัญหาของชาติอย่างมีประสิทธิภาพ

๒.พรรคเพื่อไทยตระหนักดีว่า หลักการประชาธิปไตยที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ การเคารพเสียงของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง พรรคเห็นว่า การจับมือกันของพรรคการเมืองเพื่อตั้งรัฐบาลก่อนที่จะทราบผลเลือกตั้งนั้น ไม่เหมาะสม และเป็นการไม่เคารพหลักการข้างต้น ซึ่งพรรคจะไม่ทำเช่นนั้น นอกจากนั้นหลักเกณฑ์ที่สำคัญในการตั้งรัฐบาลคือ อุดมการณ์ประชาธิปไตยและนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ต้องยึดมั่นเป็นหลักในการตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้ง

๓.พรรคเพื่อไทยขอยืนยันอย่างหนักแน่นอีกครั้งว่า พรรคไม่ได้จับมือกับพรรคการเมืองใดในการตั้งรัฐบาลตามที่เป็นข่าว และไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรก็ตาม พรรคขอกราบเรียนพี่น้องประชาชนว่า นี่คือท่าทีและจุดยืนอันมั่นคงของพรรคมิเคยเปลี่ยนแปลง

พรรคเพื่อไทยจึงขอเรียนยืนยันตามดังกล่าวข้างต้น พรรคจะมุ่งมั่นตั้งใจเดินหน้าสู่การเลือกตั้งและนำเสนอนโยบายเพื่อตอบโจทย์ประเทศ แก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ชีวิตของคนไทยดีขึ้น รวมทั้งการทำให้กฎกติกาสูงสุดของประเทศมีความเป็นประชาธิปไตย เพื่อพี่น้องคนไทยทุกคน..."

อีกคน

"จาตุรนต์ ฉายแสง" บอกว่า

"...เรื่องการไม่จับมือกับพรรคใดในการตั้งรัฐบาลที่เพื่อไทยแถลงไปนั้น ความจริงก็ไม่ได้ซับซ้อนหรือคลุมเครือแต่อย่างใด มีข่าวว่าเพื่อไทยจับมือกับพรรคโน้นพรรคนี้ไปแล้ว ก็ชี้แจงว่าไม่จับมือกับใครจนกว่าจะรู้ผลการเลือกตั้ง คือยังไม่จับมือกับใคร

เพื่อไทยเชื่อว่าต้องแลนด์สไลด์เท่านั้นจึงจะตั้งรัฐบาลได้ ก็จะเดินหน้าให้เกิดแลนด์สไลด์..."

มันคือเกมของพรรคเพื่อไทย บีบให้มวลชนตรงข้ามรัฐบาลเลือกแค่พรรคการเมืองเดียว

คือพรรคเพื่อไทย พรรคเดียวเท่านั้น ห้ามปันใจไปเลือกพรรคก้าวไกล

และการประกาศว่าจะยังไม่จับมือกับใครตั้งรัฐบาลก่อนผลการเลือกตั้งออกมา ก็เพื่อหวังผลให้เกิดแลนด์สไลด์ขึ้นจริง

ถ้าอยากให้การเมืองเปลี่ยนขั้ว ไม่ต้องการให้ ๓ ป. มีอำนาจต่อไป ต้องเลือกพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียว เป้าหมายถึงจะสำเร็จ

หากคะแนนเสียงถูกแบ่งไปให้พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อชาติ ฯลฯ เป็นเบี้ยหัวแตก โอกาสแลนด์สไลด์จะลดลง

มาดูเงื่อนไขแลนด์สไลด์ว่าสามารถเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่

คณะกรรมการการเลือกตั้ง แบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ เป็น ๔๐๐ เขต เท่ากับ ส.ส. ๔๐๐ คน

ภาคเหนือ ส.ส. ๓๙ คน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส.ส. ๑๓๒ คน

ภาคกลาง ส.ส. ๑๒๒ คน

ภาคตะวันออก ส.ส. ๒๙ คน

ภาคตะวันตก ส.ส. ๒๐ คน

ภาคใต้ ส.ส. ๕๘ คน

และกรุงเทพฯ ๓๓ คน

พื้นที่หลักของพรรคเพื่อไทยอยู่ที่ภาคเหนือและอีสาน หากกวาดมาได้ทุกเก้าอี้ ก็จะได้ ส.ส. ๑๗๑ คน

ต้องได้จากภาคอื่นๆ รวมทั้งปาร์ตี้ลิสต์อีก ๘๐ คน ถึงจะทะลุ ๒๕๑ เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร

เมื่อดูรายละเอียดตามภาคจึงไม่ง่าย

อีสานต้องแบ่งกับพลังประชารัฐ โดยเฉพาะภูมิใจไทย ที่สามารถยึดอีสานใต้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ภายใต้ทีมงานของ "เนวิน ชิดชอบ"

จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เพื่อไทยจะกวาดอีสานไปหมดทั้งภาค

ภาคเหนือ ภาคกลาง กทม. ก็ต้องขับเคี่ยวกับพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ รวมถึงรวมไทยสร้างชาติ

ภาคใต้อยู่ในสถานการณ์รุมทึ้งของทุกพรรคการเมือง

 พรรคไหนได้ ส.ส.รวม ๒๐๐ เสียง ถือว่าประสบความสำเร็จสูงสุดแล้ว

ฉะนั้นต้องอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง

แลนด์สไลด์แค่เรื่องเพ้อฝันเท่านั้นเอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นักโทษ'ตรวจการบ้าน

ยกประเทศให้ไปเลยดีมั้ยครับ นานๆ ประชดที เพราะทนเห็นบางคนยังใช้สันดานเดิม เป็นสันดานที่ทำให้ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศนานถึง ๑๗ ปีไม่ได้

เลือกคุกจะได้คุก

ว่อนสิครับ! หนังสือจาก "เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ" ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

ตายหมู่ไปกับ 'ดิจิทัลวอลเล็ต'

ในที่สุดก็ชัดเจน ถือเป็นความรับผิดร่วมกันของคณะรัฐมนตรี โดยมิอาจมีใครปฏิเสธในภายหลังได้เลยว่า ไม่มีส่วนรับรู้กับนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ให้ประชาชนหัวละ ๑ หมื่นบาท ด้วยงบประมาณกว่า ๕ แสนล้านบาท

มันมากับความเงียบ

งานเลี้ยงใกล้เลิกรา... สมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบันจะหมดวาระลงเดือนพฤษภาคมนี้แล้วครับ

แผนแทรกแซงกองทัพ

ก็ยังไม่เห็นว่าหน้าตาชัดๆ เป็นอย่างไร หมายถึงกฎหมายต้านการปฏิวัติรัฐประหารครับ

ประชาธิปไตยแบบไทยๆ

นักการเมืองคนไหนที่บอกว่า "รวยพอแล้ว" อย่าไปเชื่อ เพราะถ้าพอจะไม่แสวงอำนาจการเมือง