ลักหอยฮุบที่ธรณีสงฆ์

คึกคักขึ้นทันตาเห็น

ก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ หลัง "ลุงตู่" สมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ การเมืองก็เข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ๑๐๐%

โอกาสยุบสภา พอๆ กับสภาอยู่ครบวาระ   

นับจากวันนี้เป็นต้นไปต้องว่ากันหน้างานล้วนๆ

สิ่งที่สังเกตเห็นคือ วันนี้สถานการณ์การเมืองชุลมุน จนยากที่จะตอบได้ว่าพรรคไหนได้เปรียบหรือเสียเปรียบกว่ากัน

พรรคเพื่อไทยเจอไปดอกใหญ่

"ศรีสุวรรณ จรรยา" นักร้องเบอร์หนึ่ง ที่ แบล็กพิงก์ ยังหลีกทางให้ สะกิดซ้ำพอให้ได้เห็นเลือดซิบๆ เอาเรื่องไปขยายความในโซเชียล ลองอ่านดู

...วันก่อนได้ยินการตั้งชื่อ ครม.ว่า "หน้ากากคนดี" แต่วันนี้มี "หน้ากากคนเลว" อีก ฟากฝั่งหนึ่งดูจะชัดเจนที่สุด ออกมาปัดเผือกร้อนกันพัลวัน!

คดี ขโมย หอยชาวบ้าน ที่ลือลั่นไปทั้งปฐพี ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงยิ่ง กระทบแลนด์สไลด์เข้าอย่างจัง  ทำให้ห่างไกลความจริงมากยิ่งขึ้น คนของใคร คนไทยไม่โง่นะ...

คดีขโมยหอย กระเทือนพรรคเพื่อไทยหรือเปล่า?

เป็นคำถามที่น่าสนใจ!

คิดไปคิดมา มองย้อนกลับไปในอดีต พอได้ข้อสรุป ก็แค่ขโมยหอยธรรมดาๆ ไม่กระทบพรรคเพื่อไทยแม้แต่น้อย

ทำไมถึงเป็นแบบนั้น

ถ้ากระทบจริง พรรคเพื่อไทยสาบสูญไปนานแล้ว

คดีซุกหุ้น

คดีซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก

คดีโกงที่ธรณีสงฆ์

คดีขายหุ้นไม่เสียภาษี

คดีโกงจำนำข้าว

คดีโกงข้าวจีทูจีเก๊

จำไม่หวาดไม่ไหว

"ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ" หนี

"บุญทรง เตริยาภิรมย์-ภูมิ สาระผล" ติดคุก

ลากข้าราชการ พ่อค้า ติดคุกอีกนับสิบคน

วันนี้พรรคเพื่อไทยยังชูคอเสนอแคมเปญเลือกตั้ง ชนะแลนด์สไลด์ ได้อย่างเปิดเผย

แถมยังมีความเป็นไปได้ด้วย

ฉะนั้นกับอีแค่คดีขโมยหอย จะไปสะดุ้งอะไร

มาถึงตรงนี้คงพอมองเห็นนะครับว่า ปัจจัยชี้ขาดการเลือกตั้งของประเทศไทย ไม่ได้อยู่ที่ จริยธรรม ความถูกต้องทางการเมืองสักเท่าไหร่

ขึ้นกับความ "ชอบ" และ "ไม่ชอบ"

แม้สาเหตุ "ชอบ" และ "ไม่ชอบ" ส่วนหนึ่งมาจากความถูกต้องทางการเมือง แต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมพรรคต้นสังกัดของนักการเมืองที่ติดคุกคดีโกง ถึงยังได้รับความนิยมในหมู่ประชาชนวงกว้าง

ก็แน่นอนล่ะ คนโกงพากันตะโกนบอกมวลชนว่า ถูกเผด็จการกลั่นแกล้งทางการเมือง และมวลชนพร้อมที่จะเชื่ออยู่ตลอดเวลา

ที่น่าแปลกใจ ไม่มีการฉุกคิดบ้างเลยหรือว่า มีการโกงจริง มีหลักฐานอ้างอิงได้

มีคำพิพากษาศาลออกมาทนโท่ เส้นทางเงินโกงไหลไปไหน ก็มีให้เห็นชัดเจน

แต่มีคนไม่สนใจ และไม่เชื่อ

เชื่ออยู่อย่างเดียวครับ ถูกเผด็จการกลั่นแกล้ง

เป็นชุดความคิดที่ป้อนกันมานานนับสิบปี

เรื่องรัฐประหาร เรื่อง "ลุงตู่-ลุงป้อม" เล่นการเมืองต่อ เป็นเรื่องจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ จะมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ ก็แล้วแต่จะมอง แต่เรื่องเผด็จการสั่งซ้ายหันขวาหัน อาจต้องกลับมาคิดกันใหม่ว่า "๒ ลุง" มีอำนาจมากขนาดนั้นหรือ

ถ้ามี...นักการเมืองได้อ้าปากด่า ๒ ลุง หรือเปล่า

ก็เห็นด่าเช้าด่าเย็น

ด่าทุกครั้งที่ไมค์จ่อปาก

การเล่นบทเผด็จการในยามที่บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง นายกรัฐมนตรีมาจากรัฐสภา ถือว่าฆ่าตัวตายทางการเมืองครับ

อย่างเช่นเผด็จการรัฐสภาในอดีต "ทักษิณ ชินวัตร"  ถูกตราหน้ามาจนถึงทุกวันนี้ว่า เผด็จการจากการเลือกตั้ง

การปลุกประชาชนให้ลุกขึ้นมาทำหน้าที่ มันก็มีด้วยกันทั้ง ๒ ขั้วการเมือง แต่มีเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป  แล้วแต่จะให้ความสำคัญ หรือไม่ให้ความสำคัญเรื่องอะไร

อย่าง "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ไปอีกทาง

"...การเลือกตั้งครั้งนี้จึงสำคัญมาก นั่นคือประชาชนจะเลือกตั้งเพื่อปฏิเสธสิ่งแปลกปลอมออกไปจากการเมือง และยืนยันหลักประชาธิปไตย โดยการไม่เลือกพรรคการเมืองสืบทอดอำนาจ อย่างพรรคสังกัดของ พล.อ.ประยุทธ์  และ พล.อ.ประวิตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคณะรัฐประหาร..."

"...การเลือกตั้งครั้งนี้จึงยิ่งสำคัญไปอีกขั้นหนึ่ง นั่นคือการเลือกระหว่างอดีต และอนาคต ถ้าคุณอยากให้ประเทศไปต่อแบบเดิม ประยุทธ์ ประวิตรคือทางเลือก

แต่ถ้าคุณเชื่อมั่นและศรัทธาในวิถีก้าวไกล ทางรอดทางเดียวของประเทศก็จะไม่ใช่การไปต่อแบบเดิม แต่คือการต้องสร้างประเทศไทยที่ดีกว่านี้ให้สำเร็จจงได้

ดังนั้น กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม..."

สังเกตมาพักใหญ่แล้ว พรรคก้าวไกล กับพรรคเพื่อไทย เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ มักจะตัดตอนรัฐบาลคอร์รัปชันในอดีต ว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของประเทศ

ราวกับว่า คอร์รัปชันเป็นเรื่องขี้ผง ประเทศเป็นประชาธิปไตยเมื่อไหร่ แก้ไขได้แน่นอน

ผิดถนัด เพราะหลายสิบปีหลังนี้ มีปัญหาคอร์รัปชันรุนแรงในแทบทุกรัฐบาล ยิ่งรัฐบาลระบอบทักษิณด้วยแล้ว มีติดคุกให้เห็นหลายราย

การที่ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" เลียบค่ายขอให้ประชาชนเปลี่ยนประเทศไม่ให้เหมือนเดิม โดยย้ำเรื่องการสืบทอดอำนาจรัฐประหาร ก็กลายเป็นติดหล่ม เพราะเอาเข้าจริงอำนาจที่หลงเหลือจากการรัฐประหาร แทบไม่มีอะไรแล้ว

แม้กระทั้ง ๒๕๐ ส.ว. ก็ไม่ได้มีเอกภาพเหมือนในอดีต

ในมุมกลับ เป็นผลดีต่อพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยซ้ำ  หากหลังการเลือกตั้งสามารถรวมเสียง ส.ส.ได้เกินครึ่ง  เพราะสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก ไม่ง่ายที่ ส.ว.ยังคงดึงดันโหวตให้ฝั่งที่มี ส.ส.น้อยกว่าได้เป็นนายกฯ

ว่าไปแล้วคดีขโมยหอยยังเห็นกันจะจะ แต่เผด็จการสืบทอดอำนาจแค่นามธรรม

ณ วินาทีนี้ไม่รู้ว่าอะไรน่ากลัวกว่ากัน

แต่ที่แน่ๆ คดีขโมยหอย เป็นภาคต่อของคดีฮุบที่ธรณีสงฆ์

ก็น่ากลัวอยู่นะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประชาธิปไตยแบบไทยๆ

นักการเมืองคนไหนที่บอกว่า "รวยพอแล้ว" อย่าไปเชื่อ เพราะถ้าพอจะไม่แสวงอำนาจการเมือง

นายทุนก้าวไกล

เริ่มต้นด้วยเรื่องเงินๆ ทองๆ วานนี้ (๑๗ เมษายน) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปยอดเงินบริจาคของพรรคการเมือง ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ทั้งสิ้น ๑๓ พรรคการเมือง

รวยแล้วไม่โกงไม่มี

นายกฯ เศรษฐาเปิดใจวานนี้ (๑๕ เมษายน) ฟังแล้วเหมือนเดจาวู "...มั่นใจได้ว่าเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนไม่มีแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามต้องพูดเรื่องทรัพย์สิน เรื่องของชีวิตส่วนตัว ส่วนตัวของผมลงตัวแล้ว มีรายได้ในอดีตที่ดีพอสมควร มีทรัพย์สินที่ทำให้อยู่ได้อย่างสบายๆ