ข่าวดี ๑๐ ประการ

 “ร่างกายเรา คือสิทธิเสรีภาพของเรา ไม่ใช่ของบริษัทยา ต่อต้านอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ การบีบบังคับฉีดวัคซีน ที่ป้องกันไม่ได้ แต่หนึ่งในผลข้างเคียงคือการตาย”

การชุมนุมมีกิจกรรมชูป้ายข้อความและภาพ อาทิ...

ฉีด ๒ เข็มดับ

หนุ่มฉีดสูตรไขว้! ล้มต่อหน้าเพื่อนดับสลด

วันเดียว ๓ ศพ เข็ม ๒

ตาย/ทุพพลภาพถาวร ๑,๔๖๐ พิการ ๑๔๘ เจ็บป่วย ๕,๑๕๙

หลอกมา ๒ ปีแล้ว ทุกอย่างแย่ลง เซ็นยินยอม ห้ามฟ้อง แม้พิการ/เสียชีวิต

ที่ใดมีความเสี่ยง ที่นั่นย่อมมีทางเลือก

หยุดบีบบังคับฉีดวัคซีน

Freedom not force

ฉีดวัคซีน มีสิทธิ์ตาย เพราะโดนบังคับให้ฉีด แต่ไม่ฉีดวัคซีนก็มีสิทธิ์ชีวิตแบกท้าทายกับความตายจากโรคโควิด เลือกแบบหลังดีกว่า

การชุมนุมเมื่อวันเสาร์ ยังมีการแจกใบปลิวตั้งคำถาม ๕ ข้อ

๑.คุณรู้หรือไม่ ว่ามีคนไทยจำนวนมาก ตาย/เจ็บป่วย จากวัคซีนทดลองโควิดทุกยี่ห้อ

๒.คุณรู้หรือไม่ว่า ผู้ผลิตวัคซีนไม่ต้องรับผิดชอบต่อการตาย/เจ็บป่วยขอทุกคนที่สมัครใจ เข้าร่วมการทดลองวัคซีน

๓.คุณรู้หรือไม่ว่า สปสช.จ่ายเงินชดเชย (จากภาษีคนไทย) ให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบหลังฉีดไปแล้วมากกว่า ๗๑๒ ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ ๓ ธ.ค.๖๔)

๔.คุณรู้หรือไม่ ว่ามีคนไทยอีกมากที่ได้รับผลกระทบหลังการฉีด แต่ไม่รู้ช่องทางเรียกร้องขอความช่วยเหลือ

๕.คุณแน่ใจไหมว่า รายต่อไปจะไม่ใช่คุณ/คนที่คุณรัก???

อ่านเหตุผลในการต่อต้านทั้งหมดแล้วคิดเห็นประการใดครับ?

ครับ...ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจ จนถึงปัจจุบันนี้ ไม่มีการบังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีน เพราะเป็นสิทธิที่จะไม่ฉีด เป็นเสรีภาพทางร่างกายจริง

ขณะเดียวกันคนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน ต้องยอมรับผลที่ตามมาคือ หากติดโควิด-๑๙ ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเสียชีวิตสูงกว่าคนที่ฉีดวัคซีน

แต่นั่นก็แค่เรื่องรับผิดชอบตัวเอง

ยังมีความรับผิดชอบต่อผู้อื่น ตั้งแต่ระดับครอบครัว ยันระดับประเทศ ที่กลุ่ม "แนวร่วมต่อต้านการบังคับฉีดวัคซีน The Resistance THA" ไม่ได้พูดถึง

ครอบครัวที่มี กลุ่มผู้ป่วย ๘ โรคประจำตัว คือ

ความดันโลหิตสูง

เส้นเลือดหัวใจตีบ หัวใจเต้นผิดจังหวะ

เบาหวาน

ไตเรื้อรัง ผู้ป่วยฟอกไต และปลูกถ่ายไต

หอบหืด ปอดอักเสบเรื้อรัง

ตับแข็ง ตับอักเสบเรื้อรัง

ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

อ้วน

หากพร้อมใจกันต่อต้านการฉีดวัคซีน มีโอกาสตายยกครัวสูงมาก

หรือบ้านไหนมี ผู้สูงอายุ ปู่ ย่า ตา ยาย อาศัยร่วมชายคากับลูกหลานที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน คนแก่ในบ้านก็มีโอกาสป่วยเพราะลูกหลานนำเชื้อเข้าบ้าน

ระดับประเทศ ก็คือสังคมนอกบ้าน เช่น ที่ทำงาน ที่สาธารณะ คนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนมีโอกาสนำเชื้่อไปแพร่ให้ผู้อื่น

ฉะนั้นเมื่อเรียกร้องสิทธิในร่างกายของตนเอง ก็ควรคำนึงถึงสิทธิในร่างกายของผู้อื่นด้วย

ภาษาชาวบ้านเขาบอกว่า "รู้จักรับผิดชอบสังคมด้วย"

ตัวเลขการฉีดวัคซีนล่าสุดเย็นวานนี้ (๕ ธันวาคม) มีการฉีดสะสมไปแล้ว ๙๕,๒๖๒,๐๔๓ โดส

มีคนฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ ๕๐ ล้านคน

เป็นธรรมหรือเปล่ากับการเอาตัวเอง ตาย/ทุพพลภาพถาวร ๑,๔๖๐ พิการ ๑๔๘ เจ็บป่วย ๕,๑๕๙ มาเพื่อรณรงค์ต่อต้านการฉีดวัคซีน

ไม่อยากฉีดก็เก็บความรู้สึกนั้นไว้กับตัวเถอะครับ

แต่ไม่ควรชักชวนผู้อื่น ไม่ฉีดตาม โดยอ้างแค่สิทธิในร่างกายของตนเอง

สังคมโลกมีคนกลุ่มนี้เยอะ และช่วงหลังๆ มานี้เริ่มปรากฏเด่นชัดว่า กลุ่มที่เสียชีวิตจากโควิค-๑๙ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน

ไปดูตัวเลขของอเมริกาและยุโรปเป็นตัวอย่าง 

ไม่ยอมฉีดวัคซีนไม่มีกฎหมายไปบังคับครับ

ทั้ง ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร, นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และ พญ.เอระวดี มิตรภักดี น่าจะยังไม่ฉีดวัคซีน ก็คงทราบดีว่า การใช้ชีวิตหลังจากนี้ต้องเผชิญกับมาตรการทางสังคม

มาตรการทางสังคม หมายถึง วิธีการกระบวนการทางสังคม เพื่อสร้างการควบคุม และสร้างบทลงโทษทางสังคม

โดยยึดถือจากหลักศีลธรรม หรือจารีตประเพณีอันดีงามของสังคม

แต่ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะทำให้ได้รับการลงโทษ เท่ากับการใช้การลงโทษทางกฎหมาย

คุณจะเดินทางโดยเครื่องบินภายในประเทศ คุณต้องมีหลักฐานการฉีดวัคซีน

คุณจะไปเมืองนอกก็ต้องแสดง วัคซีนพาสปอร์ต

เว้นเสียว่า ไม่เดินทางไปไหนเลย  อยู่กับครอบครัว มีผู้แก่ผู้เฒ่า มีผู้ป่วยโรคกลุ่มเสี่ยง ก็ไปวัดดวงกันเอาเอง

ครับ...ไปดูข่าวดีกันบ้าง เฟซบุ๊ก Sunt Srianthumrong เขียนโดย ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

...Covid-๑๙ : Happy Father's Day ข่าวดี ๑๐ ประการ ประเทศไทยหลังเปิดเมือง

๑."ปราสาททรายได้ไปต่อ" ภูเก็ต ชนะ Open Battle ทุบ Wave#๕ สำเร็จ มีลุ้นลงเหลือวันละ ๓๐ คนก่อนสิ้นปี ไปเที่ยวได้

๒.หัวเมืองเหนือ เชียงใหม่ ปลอดภัยแล้ว วัคซีนแตะเกือบ ๗๐% ขาลงต่อเนื่อง มีลุ้นลงเหลือวันละ ๓๐ คนก่อนสิ้นปี

๓.ประเทศไทยสอบผ่านการเปิดเมือง เปิดเทอม ไม่กระทบแนวโน้มขาลงเลย ทำได้ดีมากๆ

๔.งานใหญ่ลอยกระทง สอบผ่าน ไม่เกิด Super Spreader ทำให้มีลุ้นจัดงานปีใหม่ได้

๕.พระนคร ยึดคืนมาได้สำเร็จ และป้อมค่ายยังคงแข็งแกร่ง แม้ตัวเลขไม่ค่อยลงแล้ว แต่ก็ยังห่างไกลที่จะเป็นขาขึ้น ทำได้ดีกว่าสิงคโปร์ ลอนดอน ปารีส มากๆ

๖.อัตราการเสียชีวิตใน กทม.ลดลงจาก ๒% เหลือ ๐.๕% และยังสามารถลงได้อีกครึ่งหนึ่ง วัคซีนช่วยได้มากจริงๆ

๗.สามจังหวัดภาคใต้ขาลงต่อเนื่อง จะปลอดภัยมากกว่านี้ถ้าไปฉีดวัคซีนกันมากๆ

๘.ชายฝั่งอันดามัน ขาลงทุกจังหวัด ปลอดภัยแล้วทั้งหมด วัคซีนแตะเกือบ ๗๐% แล้ว

๙.หัวเมืองอีสาน ขอนแก่น แม้วัคซีนยังน้อย แต่ก็เป็นขาลง อาจเห็นตัวเลขต่อวันต่ำกว่า ๓๐ ก่อนปีใหม่

๑๐.คนไทยชนะ Delta ด้วยระดับพลังวัคซีนแค่ ๖๐% ถ้าช่วยกันไปฉีดให้ถึง ๙๐% น่าจะชนะเด็ดขาด และอาจต่อกรกับ Omicron ได้

สุขสันต์วันพ่อครับ ประเทศไทยน่ารัก น่าอยู่ กลับมาปลอดภัยแล้ว ช่วยกันอีกนิด คนละเข็มสองเข็ม ใส่แมสก์ หมั่นล้างมือ เป็นหูเป็นตาสกัด Omicron แล้วจะได้ร่วมฉลองปีใหม่พร้อมกันทั้งแผ่นดินครับ....

ประเทศปลอดภัยทุกคนต้องช่วยกัน

ถ้ายึดเอาแต่สิทธิตัวเองไม่ยอมฉีดวัคซีน โอไมครอนชอบครับ

ให้นึกถึงคนจำนวนมหาศาลเดือดร้อนหากต้องล็อกดาวน์อีกครั้ง

ฉะนั้นอย่าเห็นแก่ตัวเลยครับ.